รีวิวการ์ตูนเอาตัวรอด Breakout มหันตภัยดาวหางวิลบี้ เมื่อโลก ถึงจุดจบ ผลงานจากผู้เขียน ต้องรอด
ชื่อเรื่อง Breakout มหันตภัยดาวหางวิลบี้
แนวเรื่อง ดราม่า ภัยพิบัติ
ผู้เขียน Saito takao
ผลงานผู้เขียน ต้องรอด,นินจาคว้าเมฆ,Breakout มหันตภัยดาวหางวิลบี้, Golgo13 และอื่นๆ อีกเยอะ
จำนวน 6 เล่มจบ
สถานะ จบ มีแปลไทย
+การ์ตูนถูกเขียนขึ้นในปี 1996(2539) สำคัญน่า เพราะผู้เขียนชอบใช้คำว่า “ยุคปัจจุบัน” ยุคปัจจุบันตอนที่เขียนกับตอนนี้ก็ห่างกันเป็นหลายสิบปีแล้วละ
**พล็อตเรื่อง**
เรื่องราวของ โอโทโมะ นักข่าวไม่ได้เรื่อง ที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น เขาเป็นนักข่าวที่ไม่เก่ง เพราะเห็น “ชีวิต” สำคัญกว่า เอาเวลาไปช่วยสัตว์ ช่วยคน ไม่ได้ถ่ายภาพช่วงเวลาสำคัญ ที่ควรถ่ายมา
โอโทโมะ ชอบเดินป่าและตั้งแคมป์ จึงมีความรู้รอบตัวเกี่ยวกับธรรมชาติและมีเพื่อนที่สนใจธรรมชาติอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ ฮาโตยาม่า นักดูดาวมีชื่อคนนึง
ฮาโตยาม่า กำลังสนใจข่าวอุกกาบาตที่กำลังเข้ามาใกล้โลก เฉียดวงโคจรจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โอโทโมะเลยไปที่หอดูดาวของฮาโตยาม่า โดยมีหัวหน้าตามไปด้วย
ฮาโยยาม่า กำลังมองอุกกาบาตจากกล้องดูดาวจนสังเกตุเห็นว่า มีดาวเทียมติดจรวดมิสไซล์ดวงนึง กำลังจะยิงทิสไวใส่อุกกาบาตเพื่อทดสอบอาณุภาพของมิสไซล์ โดยไม่รู้เลยว่า มันจะสร้างหายนะให้โลกขนาดไหน
มิสไซล์ถูกยิงออกไปเข้าปะทะกับอุกกาบาต แต่อุกกาบาตไม่ได้แตกออกไป มันเกิดรูในจุดที่ปะทะ เกิดแก๊สออกมาจากอุกกาบาตมากมาย จนเปลี่ยนวิถีของการเดินทาง อุกกาบาตที่ควรจะเฉียดโลก กลับพุ่งตรงมาที่โลกแทน
โลกเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ รวมถึงที่หอดูดาว ทำให้พวกเขาต้องพยายามหนีออกมาจากภูเขาที่เพิ่งเกิดเหตุแผ่นดินไหว จนแผ่นดินแยกออกมา
หลังเกิดภัยพิบัติ โอโทโมะต้องเดินทางกลับเข้าเมือง พร้อมกับหัวหน้า
โอโทโมะที่พอมีความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ สังหรณ์ใจแล้ว ว่านี่เพิ่งแค่เริ่มต้น แต่หัวหน้ายังคิดว่าตัวเองมีข่าวใหญ่ โดยไม่รู้เลยว่า จะข่าวใหญ่แค่ไหน ก็ไม่มีเมือง ไม่มีคน ไม่มีใครในเมืองอีกแล้ว
ภัยพิบัติเกิดเหตุรุนแรงขึ้นทั่วโลก แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ซึนามิ เข้าถล่มในเมือง จากเมืองกลายเป็นสุสานในเวลาไม่กี่วัน
เรื่องราวการเอาตัวรอดของโอโทโมะ จะเป็นยังไง ต้องติดตาม
**เนื้อเรื่อง**
เรื่องนี้แบ่งเป็น 3 ช่วงหลักๆนะครับ คือ ต้นเรื่อง ลงจากเขา กลางเรื่อง รับมือเหตุการณ์หลังภัยพิบัติและท้ายเรื่อง คือโลกหลังจากเกิดภัยพิบัติ
+ช่วงต้น ลงจากเขา
ช่วงต้นเรื่องหลังจากที่ดาวหางชนโลก พระเอกกับหัวหน้าที่อยู่บนเขา รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก แผ่นดินไหว พื้นดินแยก ตอนนี้หัวหน้ายังคิดว่าจะทำข่าวอยู่ ยังคิดจะเข้าไปในเมืองเพื่อทำขายข่าวที่ทำมา กะว่าต้องเป็นข่าวใหญ่แน่
ส่วนพระเอกรู้แล้วว่า เมืองไม่น่าจะมีอยู่แล้ว แต่ยังเป็นคนดี พยายามพาหัวหน้าลงเขาเพราะความรู้สึกผิดอยู่
ช่วงนี้จะเป็นการเอาตัวรอดของสองตัวละคร พระเอก คนเดินป่า ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติแน่น กับ หัวหน้า คนเมือง ที่ไม่รู้อะไรเลย แต่ยังใช้อำนาจด่าพระเอกอยู่ตลอด ห้ามไม่ฟัง อ่านไปก็หงุดหงิดไปนิดนึงนะ
+ช่วงกลาง เข้าเมือง
หลังจากที่พระเอกกับหัวหน้าเข้าเมืองมา ก็รู้แล้วว่า เมืองพินาศทั้งหมด เหลือแค่ซากตึก โรงเรียน โรงพยาบาล ทุกอย่างพังพินาศหมด เหลือผู้รอดชีวิตเพียงแค่กลุ่มเดียว
กลุ่มผู้รอดชีวิตคือหมอกับคนไข้ ทุกคนไม่มีใครพร้อมจะเดินทาง แค่เอาตัวรอดยังไม่ไหว ไม่มีน้ำ อาหาร ยาปฏิชีวนะ หมอทำได้แค่เย็บแผลกับปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนคนไข้ตายไปทีละคน
ศพเป็นที่พบเห็นได้ทั่วไป ไปที่ไหนก็มีแต่ศพ ทำให้หัวหน้าพระเอกที่หวังจะขายข่าวตอนเข้าเมือง เสียสติในเวลาต่อมา เพราะทนแรงกดดันที่ว่าโลกล่มสลายไม่ไหว
พระเอกพยายามเข้าช่วยเหลือเต็มที่จากความรู้ที่มี แต่ก็ไม่ง่าย พระเอกเป็นคนมีความรู้ที่ขาดความเป็นผู้นำ ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครสนใจ ถึงจะช่วยคนส่วนใหญ่ได้ แต่พระเอกที่เป็นคนดีเกินไป กลับตกเป็นผู้ประสบภัยซะเอง
ช่วงนี้จะทำให้เราเห็นว่า เมืองหลังจากประสบภัยเป็นยังไง เหตุการณ์ยังผ่านไปได้ไม่นาน คนยังปรับตัวไม่ได้ ยังนึกว่าความช่วยเหลือยังมา ไม่มีคนพยายามหาน้ำหรืออาหาร หรือทำผักสวนครัว ทุกคนคิดว่า ตัวเองลำบาก แต่โลกยังปลอดภัย เดี๋ยวความช่วยเหลือก็คงมา
+ช่วงท้าย 2 เดือนผ่านไป
2 เดือนหลังจากพระเอกประสบภัย
ช่วยนี้จะแตกต่างจากช่วงกลางแล้ว คือ คนรู้แล้วว่าไม่มีใครมาช่วย ทุกคนเริ่มตั้งฐานที่มั่นเป็นของตัวเอง เริ่มทำผักสวนครัว หาเสบียง พยายามติดต่อผ่านวิทยุ เพื่อจะหาทางรอด
ช่วงนี้เราจะได้เห็นความยากลำบากของคนเมือง ที่ต้องมาทำผักสวนครัว รวมธรรมชาติที่เปลี่ยนไป
ผักที่ปลูก เจอแมลง ทั้งเช้า เย็นไม่โตอย่างที่คิด
สัตว์ป่าเริ่มเข้ามาที่เมือง หมาบ้านกลายเป็นหมาป่า เข้ามาคุ้ยที่หลุมศพ
ศพในน้ำ ศพในอาคารที่ทิ้งร้าง กลายเป็นแหล่งเชื้อโรคที่แพร่กระจายได้ง่าย ทำให้คนท้องเสียมากมาย ในเมืองที่พังพินาศ ยาซักเม็ดก็หาไม่ได้ แค่ท้องร่วงก็ตายได้แล้ว
การหาน้ำเป็นพื้นฐานของการมีชีวิต ยังทำได้ลำบาก เพราะเรื่องนี้ใช้เมืองเป็นหลัก แหล่งน้ำหาได้ ไม่ยาก แต่ทุกแหล่งปนเปื้อนไปกับศพและเชื้อโรค เพราะเมืองเน้นแหล่งน้ำนิ่ง กักเก็บน้ำ ทำให้ถ้ามีอะไรไปตายในน้ำ น้ำทั้งหมดจะกลายเป็นน้ำเสียทันที ถือเป็นสิ่งอันตรายอย่างนึง
พระเอกมีจุดมุ่งหมายจะไปตามหาเด็กคนนึง เลยเดินทางไปเรื่อยจนจบ
ตอนจบ จบดีน่า ชอบเลย ถึงจะไม่ได้ตามจุดประสงค์ แต่ปกติการ์ตูนแนวนี้มันก็จบแนวๆนี้ละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**รีวิว**
การ์ตูนสนุกมากก มาอ่านหลังน้ำท่วมหาดใหญ่ ให้ความรู้สึกต่างไปเลย
+เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องแบ่งเป็นสามช่วง เข้าใจง่าย เรียล จริง เจ็บ ไม่มีเวอร์วังอะไร เป็นสถานการณ์เข้าใจได้ง่ายที่เกิดขึ้นจริง
เนื้อเรื่องจะมีการจิกกัดสังคมปัจจุบันตลอดนะ(ปัจจุบันของสมัยที่เขียนนะ)ว่าคนเมืองส่วนใหญ่ ขาดความรู้พื้นฐานในการเอาตัวรอด พึ่งพาแต่ยาปัจจุบัน หาสมุนไพรหยิบเก็บกินแบบสมัยก่อนกันไม่เป็นแล้ว
เนื้อเรื่องช่วงต้น ตัวละครอย่างหัวหน้าพระเอก น่าหมั่นไส้จนเกินงาม แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมมีตัวละครแบบนี้ ต้องเป็นภาระให้พระเอกตลอด ไม่งั้น พระเอกคงไม่มีเหตุผลมากพอที่จะเข้าไปในเมือง
ช่วงกลางนี่อ่านแล้วอึนสุด เพราะคุ้นกับเหตุการณ์คือ ต้นเรื่องกับท้ายเรื่อง มันเป็นเรื่องไกลตัวมาก ต้องระดับภัยพิบัติโลกถึงจะเจอ แต่กลางเรื่องคือ ช่วงหลังเจอภัยพิบัติไม่นาน เหตุการณ์พื้นฐานคือ ไม่มีคนมาช่วย,ขาดน้ำ ยา อาหาร ปัจจัย4,ไม่มีคนปรับตัว ทุกคนยังคิดว่าจะได้ กินข้าว 3 มื้อ ยังไม่มีใครคิดจะหาแหล่งน้ำ,ขาดความรู้พื้นฐานในการเอาตัวรอด ยังสังเกตไม่เป็นว่าตึกไหนจะพังหรือไม่พัง ยังคิดว่าเดี๋ยวก็มีคนมาช่วยอยู่
ช่วงกลางเรื่องจะเป็นสิ่งที่เราเห็นได้ในข่าวภัยพิบัติในช่วงหลังผ่านภัยพิบัติไปไม่นาน คือ ชีวิตเปลี่ยน พื้นฐานการใช้ชีวิตเปลี่ยนแต่นิสัยคนยังไม่เปลี่ยน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังภัยพิบัติ คนที่ปรับตัวไม่ได้กลายคนเสียสติ ยังคิดถึงการทำงานในออฟฟิศในตอนที่โลกสูญสิ้นไปแล้ว อ่านแล้วอึน
ช่วงท้ายเรื่องคือ สิ้นหวังกันหมดแล้ว ทุกคนปรับตัว รู้ว่าไม่มีใครมาช่วย ต้องช่วยตัวเอง ตัวละครที่เจอแต่ละคน จะมีพื้นฐานวิธีการเอาตัวรอดต่างกันไป เช่น ขโมย,หลอกคนอื่น,ใช้ปืนยิง,เอาศพมาแขวนขู่คน. ต่างกับช่วงกลางเรื่องคือ ช่วงหลังปรับตัวกันหมด ไม่มีใครสนใจกฏหมายอีก ปืนและความรุนแรงเป็นใหญ่ อาหารและน้ำคือสิ่งสำคัญที่สุด
+เรื่องนี้จุดแตกต่างกับการ์ตูนดังอย่าง ต้องรอด ที่สำคัญมากคือ ช่วงระยะเวลา
ต้องรอด ต้นเรื่องคืออยู่ภูเขา ติดเกาะ ไปไหนไม่ได้ เข้าช่วงกลาง คือมาเจอเหตุการณ์ในเมืองหลังจากคนส่วนใหญ่ตายหรือหายไปหมดแล้ว สถานการณ์ในเมืองคือมีแค่คนที่รอดไม่กี่คน
Breakdown เข้าไปในเมืองตั้งแต่แรกภัยพิบัติเลย สถานการณ์ชวนหดหู่มาก ไม่มีคนเข้าไปช่วย ขาดน้ำ ยา อาหาร ทุกสิ่งอย่าง อาการไม่สบายหรือเจ็บป่วยเล็กน้อยคือตายได้เลย
ต้องรอด ตัวพระเอกแบบต้องรอดคือ เก่งจัด เพราะช่วงแรกอยู่คนเดียวมานาน สู้ตายมาตลอด ไม่ได้แบกรับภาระอะไรมากมาย ทำให้มาถึงเมืองก็ปรับตัวได้ ไม่ยากอะไร สู้หมี สู้สัตว์ป่ามาแล้ว ปรับตัวกับโลกได้ ถึงค่อยเข้าเมือง
Breakdown พระเอกไม่ได้เก่งมาก แค่ชอบธรรมชาติและเดินป่า สำคัญกว่าคือมีภาระและต้องการช่วยเหลือคนอื่นตลอด เพราะเป็นเนื้อเรื่องช่วงประสบภัยใหม่ๆ ไปไหนก็มีคนขอความช่วยเหลือตลอด พระเอกที่อ่อนต่อโลกถึงกับนั่งหมดอาลัยในเวลาไม่นาน เพราะทนความเครียดสะสมไม่ไหว
+ตัวละคร
เรื่องนี้จะใช้ตัวละครในรูปแบบของการเอาตัวรอดต่างๆคือ รวมกลุ่มคนเข้าด้วยกัน เป็นกลุ่มเล็กๆไม่กี่สิบคน โดยใช้คนที่เป็นผู้นำไม่กี่คน คุมคนทั้งหมด
หลังจากนั้นจะเริ่มเจอปัญหาคือ เอาตัวไม่รอด เจอโลกระบาดหรือผู้นำอยากเอาตัวรอดหรือผู้นำกลัวเสียตำแหน่งของตัวเองไป เป็นดราม่าการเอาตัวรอดในแต่ละตอน
พระเอกเอง ไม่ได้เก่งมาก ผมว่าคนแบบพระเอกไม่ได้หาเจอยากขนาดนั้นนะ คนสายเดินป่า ตั้งแคมป์หน่อย ก็พอได้ละ เพราะพระเอกเองไม่ได้เก่งมาก แค่เป็นคนเดินป่าที่เชี่ยวเรื่องการหาสมุนไพร แต่ก็ไม่ได้เก่งล่าสัตว์หรือวางกับดักหรือปีนเขาอะไร ความรู้ทั่วไปของพระเอกผมว่าเท่าๆกับคนชนบทสมัยก่อน ไม่เก่งล่าสัตว์เหมือนพรานป่า ไม่เก่งสมุนไพรแบบหมอบ้าน เป็นแค่คนมีความรู้ประมาณนึง ที่เรารู้สึกว่าพระเอกเก่ง เพราะเจอแต่คนเมืองด้วยละ
เทียบกับต้องรอด นั้นพระเอกเก่งกว่ามาก ความรู้รอบตัวแน่น ล่าสัตว์ได้ วางกับดักได้ ทักษะการเอาตัวรอดขั้นเทพเลยนะนั้น แต่เรื่องนี้คือจัดอยู่ในกลุ่มไม่เวอร์และดูจริงกว่า
+ความรู้
แน่นปึ๊ก ตามสไตล์การ์ตูนแนวนี้ครับ การ์ตูนจะเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับการคาดเดาสถานการณ์และเหตุการณ์ที่ตามมาหลังภัยพิบัติว่าควรทำอะไร ยังไง การ์ตูนเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น มากกว่าการเอาตัวรอด แบบเรื่องต้องรอดนะ
เรื่องนี้จะเน้นไปที่การให้ความรู้เกี่ยวกับป่า พืช ธรรมชาติ การเกษตรสมัยก่อน โดยเขียนให้เรารู้ถึงความยากลำบากว่ามันสำคัญยังไง
หลังภัยพิบัติ คนเมืองส่วนใหญ่ต้องมาใช้ชีวิตแบบสมัยก่อน มันไม่ง่ายแบบนั้น การเกษตรรดน้ำ ปลูกผัก ง่ายๆแต่ถ้าทำไม่เป็นก็ตายหมด เอาง่ายๆเจ็บป่วยไม่สบาย จะมีคนเมืองสักกี่คนที่ตำสมุนไพรหรือดูสมุนไพรเป็น
สมัยนี้ ความรู้พื้นบ้านขาดหายไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ เข้าร้านยาหาหมอมันง่ายกว่าละเนอะ แต่ก็อ่านเป็นความรู้และประสบการณ์ไว้ ผมชอบอ่านแนวเอาตัวรอดด้วย ความรู้แบบนี้คือชอบเลย
+ลายเส้น
วาดสวยอยู่แล้ว ภาพศพ ภาพภัยพิบัติ อ่านแล้วจริงจนกลัวเลย เห็นภาพศพลอยตามน้ำแล้วขนลุกเลยอ่ะ
+สรุป
สำหรับเรื่องนี้ การ์ตูนดี ความรู้แน่น ไม่กี่เล่มจบ อ่านแล้วอึนถึงหัวใจ ยิ่งช่วงนี้ด้วย กำลังอินเลย
คะแนน 8.7/10 สนุกมาก ใครชอบแนวเอาตัวรอดคือต้องอ่านเลย
รีวิวการ์ตูนเอาตัวรอด Breakout มหันตภัยดาวหางวิลบี้ เมื่อโลก ถึงจุดจบ ผลงานจากผู้เขียน ต้องรอด
ชื่อเรื่อง Breakout มหันตภัยดาวหางวิลบี้
แนวเรื่อง ดราม่า ภัยพิบัติ
ผู้เขียน Saito takao
ผลงานผู้เขียน ต้องรอด,นินจาคว้าเมฆ,Breakout มหันตภัยดาวหางวิลบี้, Golgo13 และอื่นๆ อีกเยอะ
จำนวน 6 เล่มจบ
สถานะ จบ มีแปลไทย
+การ์ตูนถูกเขียนขึ้นในปี 1996(2539) สำคัญน่า เพราะผู้เขียนชอบใช้คำว่า “ยุคปัจจุบัน” ยุคปัจจุบันตอนที่เขียนกับตอนนี้ก็ห่างกันเป็นหลายสิบปีแล้วละ
**พล็อตเรื่อง**
เรื่องราวของ โอโทโมะ นักข่าวไม่ได้เรื่อง ที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น เขาเป็นนักข่าวที่ไม่เก่ง เพราะเห็น “ชีวิต” สำคัญกว่า เอาเวลาไปช่วยสัตว์ ช่วยคน ไม่ได้ถ่ายภาพช่วงเวลาสำคัญ ที่ควรถ่ายมา
โอโทโมะ ชอบเดินป่าและตั้งแคมป์ จึงมีความรู้รอบตัวเกี่ยวกับธรรมชาติและมีเพื่อนที่สนใจธรรมชาติอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ ฮาโตยาม่า นักดูดาวมีชื่อคนนึง
ฮาโตยาม่า กำลังสนใจข่าวอุกกาบาตที่กำลังเข้ามาใกล้โลก เฉียดวงโคจรจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โอโทโมะเลยไปที่หอดูดาวของฮาโตยาม่า โดยมีหัวหน้าตามไปด้วย
ฮาโยยาม่า กำลังมองอุกกาบาตจากกล้องดูดาวจนสังเกตุเห็นว่า มีดาวเทียมติดจรวดมิสไซล์ดวงนึง กำลังจะยิงทิสไวใส่อุกกาบาตเพื่อทดสอบอาณุภาพของมิสไซล์ โดยไม่รู้เลยว่า มันจะสร้างหายนะให้โลกขนาดไหน
มิสไซล์ถูกยิงออกไปเข้าปะทะกับอุกกาบาต แต่อุกกาบาตไม่ได้แตกออกไป มันเกิดรูในจุดที่ปะทะ เกิดแก๊สออกมาจากอุกกาบาตมากมาย จนเปลี่ยนวิถีของการเดินทาง อุกกาบาตที่ควรจะเฉียดโลก กลับพุ่งตรงมาที่โลกแทน
โลกเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ รวมถึงที่หอดูดาว ทำให้พวกเขาต้องพยายามหนีออกมาจากภูเขาที่เพิ่งเกิดเหตุแผ่นดินไหว จนแผ่นดินแยกออกมา
หลังเกิดภัยพิบัติ โอโทโมะต้องเดินทางกลับเข้าเมือง พร้อมกับหัวหน้า
โอโทโมะที่พอมีความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ สังหรณ์ใจแล้ว ว่านี่เพิ่งแค่เริ่มต้น แต่หัวหน้ายังคิดว่าตัวเองมีข่าวใหญ่ โดยไม่รู้เลยว่า จะข่าวใหญ่แค่ไหน ก็ไม่มีเมือง ไม่มีคน ไม่มีใครในเมืองอีกแล้ว
ภัยพิบัติเกิดเหตุรุนแรงขึ้นทั่วโลก แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ซึนามิ เข้าถล่มในเมือง จากเมืองกลายเป็นสุสานในเวลาไม่กี่วัน
เรื่องราวการเอาตัวรอดของโอโทโมะ จะเป็นยังไง ต้องติดตาม
**เนื้อเรื่อง**
เรื่องนี้แบ่งเป็น 3 ช่วงหลักๆนะครับ คือ ต้นเรื่อง ลงจากเขา กลางเรื่อง รับมือเหตุการณ์หลังภัยพิบัติและท้ายเรื่อง คือโลกหลังจากเกิดภัยพิบัติ
+ช่วงต้น ลงจากเขา
ช่วงต้นเรื่องหลังจากที่ดาวหางชนโลก พระเอกกับหัวหน้าที่อยู่บนเขา รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก แผ่นดินไหว พื้นดินแยก ตอนนี้หัวหน้ายังคิดว่าจะทำข่าวอยู่ ยังคิดจะเข้าไปในเมืองเพื่อทำขายข่าวที่ทำมา กะว่าต้องเป็นข่าวใหญ่แน่
ส่วนพระเอกรู้แล้วว่า เมืองไม่น่าจะมีอยู่แล้ว แต่ยังเป็นคนดี พยายามพาหัวหน้าลงเขาเพราะความรู้สึกผิดอยู่
ช่วงนี้จะเป็นการเอาตัวรอดของสองตัวละคร พระเอก คนเดินป่า ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติแน่น กับ หัวหน้า คนเมือง ที่ไม่รู้อะไรเลย แต่ยังใช้อำนาจด่าพระเอกอยู่ตลอด ห้ามไม่ฟัง อ่านไปก็หงุดหงิดไปนิดนึงนะ
+ช่วงกลาง เข้าเมือง
หลังจากที่พระเอกกับหัวหน้าเข้าเมืองมา ก็รู้แล้วว่า เมืองพินาศทั้งหมด เหลือแค่ซากตึก โรงเรียน โรงพยาบาล ทุกอย่างพังพินาศหมด เหลือผู้รอดชีวิตเพียงแค่กลุ่มเดียว
กลุ่มผู้รอดชีวิตคือหมอกับคนไข้ ทุกคนไม่มีใครพร้อมจะเดินทาง แค่เอาตัวรอดยังไม่ไหว ไม่มีน้ำ อาหาร ยาปฏิชีวนะ หมอทำได้แค่เย็บแผลกับปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนคนไข้ตายไปทีละคน
ศพเป็นที่พบเห็นได้ทั่วไป ไปที่ไหนก็มีแต่ศพ ทำให้หัวหน้าพระเอกที่หวังจะขายข่าวตอนเข้าเมือง เสียสติในเวลาต่อมา เพราะทนแรงกดดันที่ว่าโลกล่มสลายไม่ไหว
พระเอกพยายามเข้าช่วยเหลือเต็มที่จากความรู้ที่มี แต่ก็ไม่ง่าย พระเอกเป็นคนมีความรู้ที่ขาดความเป็นผู้นำ ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครสนใจ ถึงจะช่วยคนส่วนใหญ่ได้ แต่พระเอกที่เป็นคนดีเกินไป กลับตกเป็นผู้ประสบภัยซะเอง
ช่วงนี้จะทำให้เราเห็นว่า เมืองหลังจากประสบภัยเป็นยังไง เหตุการณ์ยังผ่านไปได้ไม่นาน คนยังปรับตัวไม่ได้ ยังนึกว่าความช่วยเหลือยังมา ไม่มีคนพยายามหาน้ำหรืออาหาร หรือทำผักสวนครัว ทุกคนคิดว่า ตัวเองลำบาก แต่โลกยังปลอดภัย เดี๋ยวความช่วยเหลือก็คงมา
+ช่วงท้าย 2 เดือนผ่านไป
2 เดือนหลังจากพระเอกประสบภัย
ช่วยนี้จะแตกต่างจากช่วงกลางแล้ว คือ คนรู้แล้วว่าไม่มีใครมาช่วย ทุกคนเริ่มตั้งฐานที่มั่นเป็นของตัวเอง เริ่มทำผักสวนครัว หาเสบียง พยายามติดต่อผ่านวิทยุ เพื่อจะหาทางรอด
ช่วงนี้เราจะได้เห็นความยากลำบากของคนเมือง ที่ต้องมาทำผักสวนครัว รวมธรรมชาติที่เปลี่ยนไป
ผักที่ปลูก เจอแมลง ทั้งเช้า เย็นไม่โตอย่างที่คิด
สัตว์ป่าเริ่มเข้ามาที่เมือง หมาบ้านกลายเป็นหมาป่า เข้ามาคุ้ยที่หลุมศพ
ศพในน้ำ ศพในอาคารที่ทิ้งร้าง กลายเป็นแหล่งเชื้อโรคที่แพร่กระจายได้ง่าย ทำให้คนท้องเสียมากมาย ในเมืองที่พังพินาศ ยาซักเม็ดก็หาไม่ได้ แค่ท้องร่วงก็ตายได้แล้ว
การหาน้ำเป็นพื้นฐานของการมีชีวิต ยังทำได้ลำบาก เพราะเรื่องนี้ใช้เมืองเป็นหลัก แหล่งน้ำหาได้ ไม่ยาก แต่ทุกแหล่งปนเปื้อนไปกับศพและเชื้อโรค เพราะเมืองเน้นแหล่งน้ำนิ่ง กักเก็บน้ำ ทำให้ถ้ามีอะไรไปตายในน้ำ น้ำทั้งหมดจะกลายเป็นน้ำเสียทันที ถือเป็นสิ่งอันตรายอย่างนึง
พระเอกมีจุดมุ่งหมายจะไปตามหาเด็กคนนึง เลยเดินทางไปเรื่อยจนจบ
ตอนจบ จบดีน่า ชอบเลย ถึงจะไม่ได้ตามจุดประสงค์ แต่ปกติการ์ตูนแนวนี้มันก็จบแนวๆนี้ละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**รีวิว**
การ์ตูนสนุกมากก มาอ่านหลังน้ำท่วมหาดใหญ่ ให้ความรู้สึกต่างไปเลย
+เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องแบ่งเป็นสามช่วง เข้าใจง่าย เรียล จริง เจ็บ ไม่มีเวอร์วังอะไร เป็นสถานการณ์เข้าใจได้ง่ายที่เกิดขึ้นจริง
เนื้อเรื่องจะมีการจิกกัดสังคมปัจจุบันตลอดนะ(ปัจจุบันของสมัยที่เขียนนะ)ว่าคนเมืองส่วนใหญ่ ขาดความรู้พื้นฐานในการเอาตัวรอด พึ่งพาแต่ยาปัจจุบัน หาสมุนไพรหยิบเก็บกินแบบสมัยก่อนกันไม่เป็นแล้ว
เนื้อเรื่องช่วงต้น ตัวละครอย่างหัวหน้าพระเอก น่าหมั่นไส้จนเกินงาม แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมมีตัวละครแบบนี้ ต้องเป็นภาระให้พระเอกตลอด ไม่งั้น พระเอกคงไม่มีเหตุผลมากพอที่จะเข้าไปในเมือง
ช่วงกลางนี่อ่านแล้วอึนสุด เพราะคุ้นกับเหตุการณ์คือ ต้นเรื่องกับท้ายเรื่อง มันเป็นเรื่องไกลตัวมาก ต้องระดับภัยพิบัติโลกถึงจะเจอ แต่กลางเรื่องคือ ช่วงหลังเจอภัยพิบัติไม่นาน เหตุการณ์พื้นฐานคือ ไม่มีคนมาช่วย,ขาดน้ำ ยา อาหาร ปัจจัย4,ไม่มีคนปรับตัว ทุกคนยังคิดว่าจะได้ กินข้าว 3 มื้อ ยังไม่มีใครคิดจะหาแหล่งน้ำ,ขาดความรู้พื้นฐานในการเอาตัวรอด ยังสังเกตไม่เป็นว่าตึกไหนจะพังหรือไม่พัง ยังคิดว่าเดี๋ยวก็มีคนมาช่วยอยู่
ช่วงกลางเรื่องจะเป็นสิ่งที่เราเห็นได้ในข่าวภัยพิบัติในช่วงหลังผ่านภัยพิบัติไปไม่นาน คือ ชีวิตเปลี่ยน พื้นฐานการใช้ชีวิตเปลี่ยนแต่นิสัยคนยังไม่เปลี่ยน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังภัยพิบัติ คนที่ปรับตัวไม่ได้กลายคนเสียสติ ยังคิดถึงการทำงานในออฟฟิศในตอนที่โลกสูญสิ้นไปแล้ว อ่านแล้วอึน
ช่วงท้ายเรื่องคือ สิ้นหวังกันหมดแล้ว ทุกคนปรับตัว รู้ว่าไม่มีใครมาช่วย ต้องช่วยตัวเอง ตัวละครที่เจอแต่ละคน จะมีพื้นฐานวิธีการเอาตัวรอดต่างกันไป เช่น ขโมย,หลอกคนอื่น,ใช้ปืนยิง,เอาศพมาแขวนขู่คน. ต่างกับช่วงกลางเรื่องคือ ช่วงหลังปรับตัวกันหมด ไม่มีใครสนใจกฏหมายอีก ปืนและความรุนแรงเป็นใหญ่ อาหารและน้ำคือสิ่งสำคัญที่สุด
+เรื่องนี้จุดแตกต่างกับการ์ตูนดังอย่าง ต้องรอด ที่สำคัญมากคือ ช่วงระยะเวลา
ต้องรอด ต้นเรื่องคืออยู่ภูเขา ติดเกาะ ไปไหนไม่ได้ เข้าช่วงกลาง คือมาเจอเหตุการณ์ในเมืองหลังจากคนส่วนใหญ่ตายหรือหายไปหมดแล้ว สถานการณ์ในเมืองคือมีแค่คนที่รอดไม่กี่คน
Breakdown เข้าไปในเมืองตั้งแต่แรกภัยพิบัติเลย สถานการณ์ชวนหดหู่มาก ไม่มีคนเข้าไปช่วย ขาดน้ำ ยา อาหาร ทุกสิ่งอย่าง อาการไม่สบายหรือเจ็บป่วยเล็กน้อยคือตายได้เลย
ต้องรอด ตัวพระเอกแบบต้องรอดคือ เก่งจัด เพราะช่วงแรกอยู่คนเดียวมานาน สู้ตายมาตลอด ไม่ได้แบกรับภาระอะไรมากมาย ทำให้มาถึงเมืองก็ปรับตัวได้ ไม่ยากอะไร สู้หมี สู้สัตว์ป่ามาแล้ว ปรับตัวกับโลกได้ ถึงค่อยเข้าเมือง
Breakdown พระเอกไม่ได้เก่งมาก แค่ชอบธรรมชาติและเดินป่า สำคัญกว่าคือมีภาระและต้องการช่วยเหลือคนอื่นตลอด เพราะเป็นเนื้อเรื่องช่วงประสบภัยใหม่ๆ ไปไหนก็มีคนขอความช่วยเหลือตลอด พระเอกที่อ่อนต่อโลกถึงกับนั่งหมดอาลัยในเวลาไม่นาน เพราะทนความเครียดสะสมไม่ไหว
+ตัวละคร
เรื่องนี้จะใช้ตัวละครในรูปแบบของการเอาตัวรอดต่างๆคือ รวมกลุ่มคนเข้าด้วยกัน เป็นกลุ่มเล็กๆไม่กี่สิบคน โดยใช้คนที่เป็นผู้นำไม่กี่คน คุมคนทั้งหมด
หลังจากนั้นจะเริ่มเจอปัญหาคือ เอาตัวไม่รอด เจอโลกระบาดหรือผู้นำอยากเอาตัวรอดหรือผู้นำกลัวเสียตำแหน่งของตัวเองไป เป็นดราม่าการเอาตัวรอดในแต่ละตอน
พระเอกเอง ไม่ได้เก่งมาก ผมว่าคนแบบพระเอกไม่ได้หาเจอยากขนาดนั้นนะ คนสายเดินป่า ตั้งแคมป์หน่อย ก็พอได้ละ เพราะพระเอกเองไม่ได้เก่งมาก แค่เป็นคนเดินป่าที่เชี่ยวเรื่องการหาสมุนไพร แต่ก็ไม่ได้เก่งล่าสัตว์หรือวางกับดักหรือปีนเขาอะไร ความรู้ทั่วไปของพระเอกผมว่าเท่าๆกับคนชนบทสมัยก่อน ไม่เก่งล่าสัตว์เหมือนพรานป่า ไม่เก่งสมุนไพรแบบหมอบ้าน เป็นแค่คนมีความรู้ประมาณนึง ที่เรารู้สึกว่าพระเอกเก่ง เพราะเจอแต่คนเมืองด้วยละ
เทียบกับต้องรอด นั้นพระเอกเก่งกว่ามาก ความรู้รอบตัวแน่น ล่าสัตว์ได้ วางกับดักได้ ทักษะการเอาตัวรอดขั้นเทพเลยนะนั้น แต่เรื่องนี้คือจัดอยู่ในกลุ่มไม่เวอร์และดูจริงกว่า
+ความรู้
แน่นปึ๊ก ตามสไตล์การ์ตูนแนวนี้ครับ การ์ตูนจะเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับการคาดเดาสถานการณ์และเหตุการณ์ที่ตามมาหลังภัยพิบัติว่าควรทำอะไร ยังไง การ์ตูนเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น มากกว่าการเอาตัวรอด แบบเรื่องต้องรอดนะ
เรื่องนี้จะเน้นไปที่การให้ความรู้เกี่ยวกับป่า พืช ธรรมชาติ การเกษตรสมัยก่อน โดยเขียนให้เรารู้ถึงความยากลำบากว่ามันสำคัญยังไง
หลังภัยพิบัติ คนเมืองส่วนใหญ่ต้องมาใช้ชีวิตแบบสมัยก่อน มันไม่ง่ายแบบนั้น การเกษตรรดน้ำ ปลูกผัก ง่ายๆแต่ถ้าทำไม่เป็นก็ตายหมด เอาง่ายๆเจ็บป่วยไม่สบาย จะมีคนเมืองสักกี่คนที่ตำสมุนไพรหรือดูสมุนไพรเป็น
สมัยนี้ ความรู้พื้นบ้านขาดหายไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ เข้าร้านยาหาหมอมันง่ายกว่าละเนอะ แต่ก็อ่านเป็นความรู้และประสบการณ์ไว้ ผมชอบอ่านแนวเอาตัวรอดด้วย ความรู้แบบนี้คือชอบเลย
+ลายเส้น
วาดสวยอยู่แล้ว ภาพศพ ภาพภัยพิบัติ อ่านแล้วจริงจนกลัวเลย เห็นภาพศพลอยตามน้ำแล้วขนลุกเลยอ่ะ
+สรุป
สำหรับเรื่องนี้ การ์ตูนดี ความรู้แน่น ไม่กี่เล่มจบ อ่านแล้วอึนถึงหัวใจ ยิ่งช่วงนี้ด้วย กำลังอินเลย
คะแนน 8.7/10 สนุกมาก ใครชอบแนวเอาตัวรอดคือต้องอ่านเลย