คุณจะรักษาครอบครัวไว้ หรือ รักษาหัวใจตัวเอง ถ้าต้องเจออะไรแบบนี้ ??

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เราตั้งกระทู้ในพันทิป ขอเริ่มเลยแล้วกันเนาะ  คือ เรากับแฟน แต่งงานกันมาสองปีกว่าละค่ะ เราสองคนห่างกันประมาณ 6 ปี แฟนเราป็นคนติดเพื่อนมาก ชอบสังสรรค์มีสังคมเยอะ (เยอะมากจริงๆ) ซึ่งเราก็รู้ดีในข้อนี้และเราเองก็ยอมรับ จริงๆเราต่างคนต่างก็เคยมีคนรักมาก่อน เคยผ่านความรักที่ไม่ดีมาคล้ายๆกัน (เขาเองก็มีเรื่องร้ายๆและผิดหวังกับความรักมามากพอสมควร) ก่อนจะตกลงคบกัน เราก็ปรึกษาอะไรกันมามาก บอกตรงๆว่าทีแรกเราไม่เคยคิดว่าพี่เขาจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราจริงๆ แต่คงเพราะเขาเป็นที่ปรึกษาที่ดีค่ะ รู้สึกชอบเขาขึ้นมาจริงๆอีกทีตอนไหนไม่รู้ (บวกกับคำบอกเล่าของคนรอบตัวเขาและเรา มันทำให้เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนโอเคมากๆ) รู้จักกันมาได้เกือบปี (คบกันจริงจังประมาณ 6-7 เดือน) ตอนนั้นเขาก็ประมาณ 30 ครอบครัวเขาอยากให้แต่งงาน เพราะอยากมีหลานไว้อุ้ม ส่วนเราตอนนั้นก็ 24 ค่ะ ผู้ใหญ่เขาก็คุยแล้วทั้งสองฝ่ายว่าเหมาะสมกันดี (เราอยู่ในสังคมที่รู้จักคนเยอะทั้งคู่ ทั้งพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็รู้จักกันดีค่ะ) เราเองก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเร็วเกินไป ตอนนั้นคิดแค่ว่าน่าจะอยู่ด้วยกันได้ เพราะเราก็มีรสนิยมคล้ายๆกัน บอกก่อนว่าเราเป็นคนขี้งอน ขี้น้อยใจ แต่โกรธใครแล้วหายเร็วค่ะ รู้สึกว่าเขาเองก็ไม่ต่างกัน เอาแต่ใจบางครั้ง (ข้อนี้เหมือนกันมากๆ) ก็ตกลงแต่งงานกันไป งานแต่งค่อนข้างจะใหญ่พอสมควร เพราะพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรู้จักคนเยอะมากๆ ความจริงก่อนหน้าจะเลือกเขา เราก็มีคนเข้ามาให้เลือกเยอะนะคะ โปรไฟล์แต่ละคนก็ถือว่าเข้าขั้น(เราไม่ได้บอกว่าเราดีมาก แต่ก็ยังพอเลือกได้อ่ะค่ะ) แต่เราเลือกเขา เพราะคิดว่าเขาเป็นผู้ชายธรรมดา ที่เราน่าจะอยู่ด้วยได้ ดูแลเราได้ เพราะความคิดของเรา คนที่จะอยู่ด้วยกันได้ ไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟ็คหรอก อีกอย่างดูแล้วเขาเป็นคนไม่เจ้าชู้ เคยมีแฟนจริงๆจังๆก็แค่คนเดียวทั้งชีวิต (เราเองก็พอรู้เรื่องของเขาค่ะ) เขาเองคงคิดไม่ต่างกัน เพราะเขาเคยบอกเราว่าเขาไม่ขอไรมาก ขอแค่คนที่ซึ่อสัตย์กับเขาเท่านั้น (จริงๆตอนนั้นมันอาจจะเริ่มมาจากการไม่ได้รักกันด้วยซ้ำ) งานแต่งเราผ่านไปด้วยดีค่ะ หลายคนก็ตกใจและสงสัย เพราะเราแต่งงานกันเร็วมาก (มีทั้งความสงสัยและคำนินทาค่ะ) เราดำเนินชีวิตปกติ เราย้ายมาอยู่บ้านหลังเดียวกัน (อยู่ด้วยกันแค่สองคนนะคะ) เขาก็ยังเหมือนเดิม เที่ยว ติดเพื่อน มีสังคม ช่วงนั้นเราเองก็โอเคไม่ว่าอะไร พักหลังมาเริ่มหนักค่ะ (หรืออาจจะหนักอยู่แล้วแต่เราไม่รู้) เพราะเขาเป็นคนดื่มหนักมาก บางครั้งหลับไปไม่รู้ตัวเลยก็มี หลายเหตุการณ์ทำให้เราเริ่มเป็นห่วงเขามากขึ้น ก็เริ่มมีพูดบ้างบ่นบ้างตามประสา แล้วก็เป็นเราเองที่ต้องคอยดูแลเขา คอยตามคอยถามเพราะความเป็นห่วง บางทีก็ต้องทะเลาะกันเพราะความเป็นห่วงนี่แหละค่ะ ประกอบกับเราเป็นคนขี้น้อยใจ ก็งอแงบ้างตามประสา (ประสาที่บางทีเขาคงไม่เข้าใจ) จริงๆเราก็ไม่ใช่คนดีอะไรหลายคนบอกว่าเราเจ้าชู้ แต่เราคิดว่า เราเลือกเขาแล้ว เขาคือสามีของเรา เราก็จะทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด กลับมาที่ครอบครัวนะคะ เราเป็นความหวังเรื่องหลานคนแรก จนกระทั่งมีข่าวดีหลังจากแต่งงานมาได้สามเดือนค่ะ เราดีใจมาก ตัวเขาเองก็รู้ แต่ความรู้สึกเราตอนนั้น เขาก็ไม่ได้ดีใจมากมายเท่าไร (เหมือนเฉยๆ หรือเราคิดไปเอง) เราก็โอเค ครอบครัวเราก็จะเติมเต็มด้วย เขาก็โอเคค่ะ ดูแลเราบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ดูแลตัวเอง เพราะเขายังใช้ชีวิตเหมือนเดิมค่ะ ทีนี้ปัญหาก็เริ่มเกิด ทะเลาะกันเกือบทุกวันค่ะ เขาเองก็ไม่เคยง้อหรือสนใจอะไรนะคะ เขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด เขาเป็นของเขาแบบนี้อยู่แล้ว เราฟังเราก็จุกนะคะ แต่ก็คิดว่าเลือกแล้ว เดี๋ยวคงดีเอง แต่ไม่เลยคะ ร้องไห้เกือบทุกคืน บางครั้งก็คร่ำครวญกับเขา รู้ว่าเขาคงรำคาญ แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ลองคิดภาพ ผู้หญิงที่ท้องและอยู่บ้านคนเดียวด้วยความเครียด บางครั้งถึงขั้นปวดท้องค่ะ เราเป็นโรคกระเพาะด้วย เวลาเครียดก็ปวดท้อง เวลาบอกเขา เขาก็จะรู้สึกเหมือนเราโกหก แต่เราเป็นแบบนั้นจริงๆ น้อยใจเขามาตลอด เริ่มรู้สึกว่าคนไม่รักอยู่ด้วยกันยังไงก็ไม่รัก แต่เรานี่เองที่รู้สึกว่ารักเขามากขึ้น (อาจจะเพราะเขาคือพ่อของลูกเรา) บ่อยครั้งที่เราน้อยใจจนหนีออกมานอนนอกบ้านค่ะ บ้านเพื่อนบ้าง โรงแรมบ้าง โดยที่พ่อแม่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย เพราะเรากลัวพ่อแม่จะเกลียดแฟนเรา ทุกครั้งที่ออกมาก็กลับไปเองทุกที เขาไม่เคยง้อไม่เคยตามและไม่เคยขอโทษค่ะ จนถึงเรื่องเลวร้ายที่เข้ามาในชีวิตครอบครัวเรา ตอนนั้นไม่เคยคิดเลยว่าเกิดเรื่องแบบนี้ เพราะเราไว้ใจเขามากๆค่ะ ตอนนั้นท้องโตละค่ะ มาจับได้ว่าเขาคุยกับผู้หญิงคนอื่น ซึ่งรู้จักกันจากที่ไปเที่ยว เรามาอยู่บ้านแม่ เราเสียใจมากจนทำอะไรไม่ถูก ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ร้องไห้จนพ่อกับแม่เป็นห่วงมาก กลัวลูกในท้องเราจะเป็นอะไร เขาไม่เคยมาตามค่ะ หายไปเลย สรุปเหมือนเดิมค่ะ ไม่ง้อไม่ขอโทษ และไม่ยอมรับผิด เราเองที่กลับไปเค้นถามความจริง (ความจริงที่เราก็รู้ แต่แค่อยากได้ยินจากปากเขาแค่ว่า "มันไม่มีอะไร" เรากลับมาอยู่เหมือนเดิม บอกตรงๆค่ะตอนนั้น เราทำใจไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ยอมเขา โทษว่าตัวเองผิดด้วยซ้ำ ผิดที่ไปทำให้เขารำคาญจนต้องไปคุยกับคนอื่น เรากลับมา แต่ความรู้สึกเราเปลี่ยนไปค่ะ มันเหมือนโดนทำลายไป แต่เราพยายามกลับมาทำให้มันดีขึ้น ไม่วีนไม่โกรธไม่ทำให้เขาต้องรำคาญ ทั้งที่ในใจมันเจ็บมาก คิดถึงเมื่อไรน้ำตาก็ไหลทุกที แต่ก็ทนค่ะ คิดว่าถ้าเขาเห็นหน้าลูกแล้ว เขาจะเปลี่ยนไป จนถึงวันที่คลอดลูก เขามาดูแลเราและลูกอย่างดีค่ะ ตอนนั้นเราก็ดีใจ คาดหวังว่าครอบครัวเราจะกลับมาดีขึ้นจริงๆ แรกๆก็ดีค่ะ ทำทุกอย่างที่ทำได้ สักพักก็เหมือนเดิมค่ะ ปัญหานี้มันแก้ไม่ได้ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมา มันคือปัญหาหลัก นิสัยติดเพื่อน ชอบเที่ยว สังสรรค์ แต่เราคิดว่า มันต้องผ่านไปได้ เรายอมมาถึงขนาดนี้แล้ว เราเป็นผู้หญิงต้องอดทน ต้องเป็นคนที่ประคองครอบครัวไว้ (แม่เราสอนแบบนี้) ส่วนลูกเราก็เลี้ยงค่ะ พอเริ่มได้ประมาณ 6 เดือนก็อยู่กับย่าบ้าง ยายบ้าง เพราะค่อนข้างเป็นที่รักของคนในบ้านค่ะ เหมือนกับหลานคนแรก ก็เห่อมากเป็นธรรมดา เราโชคดีมากที่ลูกเราอารมณ์ดี เป็นเด็กน่ารัก ยิ้มง่าย ร้องไห้ยาก แถมอยู่กับใครก็ได้ ย่าและยายรับไปอยู่ด้วยบ่อยๆค่ะ เรากับแฟนก็ยังทะเลาะกันบ่อยเหมือนเดิม แต่มันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ กับคำพูดของเขาและเรา หลายครั้งที่เราคิดว่า เราจะทำยังไง ที่ไม่ต้องไปคิดถึงไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขา ช่วงนั้นเราก็เริ่มรู้สึกว่าอะไรล่ะ ที่มันจะทดแทนการคิดถึงเขาได้ เพื่อน สังคม ความคิด ทั้งหมดนี้แหละค่ะ เราก็เริ่มด้วยการ ออกเที่ยวกับเพื่อนบ้าง สังสรรค์กับที่ทำงานบ้าง บางครั้งก็ต่างคนต่างไป แรกๆเขาก็ปล่อยค่ะ  เหมือนชอบ เพราะเราไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขา หลังๆมา เราเริ่มบ่อยค่ะ ที่บ้านเราก็ไม่ได้ว่าไรด้วย เพราะจริงๆเราก็เป็นคนชอบสังคมเหมือนกัน แต่เราเปลี่ยนตัวเองเพราะเรามีครอบครัว แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่แล้ว เราคิดว่า ยิ่งเรารักเขามากเท่าไร เรายิ่งเจ็บเท่านั้น (โดยที่เราไม่รู้เลยว่ามันคือการทำใจแบบเงียบๆ) เมื่อก่อน เราทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ ทำไรก็คิดถึงเขาก่อน กินข้าวก็รอ จะนอนก็ต้องรอ ไปไหนก็ต้องรอ แต่เขาบอกกับเราว่า ไม่ต้องรอ ไม่ต้องรักพี่มากก็ได้ (นี่คือคำที่ออกจากปากเขา) ความรู้สึกของเรามันบอกว่า เขาสอนให้เราเข้มแข็งค่ะ เรากลับไปมีสังคม กลับไปหาเพื่อน ใช้ชีวิตเหมือนก่อนแต่งงาน แต่เรายังมีลูกที่ต้องดูแลเพิ่มขึ้น เราอยู่กับลูก และใช้ชีวิตให้มีความสุข คิดแค่นี้ค่ะ โดยที่ไม่รู้ว่าเราลืมเขาไปตั้งแต่เมื่อไร จนมาถึงวันที่เขาเหมือนเริ่มรู้สึกตัวว่า เขากำลังจะหายไปจากชีวิตเรา ทีนี้แหละค่ะ เขากลับมารู้สึกเหมือนเราทุกอย่าง คอยตามคอยถาม เหมือนเราในตอนแรก เขาเป็นทุกข์เหมือนเราในครั้งนั้น แต่มันติดตรงที่เขาเป็นคนพูดอะไรแรงๆค่ะ ชอบประชด คำพูดบางคำมันทำให้เราอยากถอยออกมา และเราก็ออกมาจริงๆค่ะ (เขาเป็นคนมั่นใจตัวเองสูง ไม่สนใจ ไม่พึ่งใคร) ทีนี้ พอเราออกมาจากจุดนั้น เรามาอยู่กับครอบครัวเรา พ่อแม่พี่ชายกับลูกเรา ทำให้เรามองเห็นว่า คนพวกนี้ต่างหากที่เราอยู่ด้วยแล้วเรามีความสุข (ส่วนลูกก็อยู่กับเราส่วนใหญ่และไปอยู่กับเขาและครอบครัวเขาบ้างบางครั้ง เราไม่ได้กีดกันค่ะ) แล้วเขาก็กลับมาค่ะ ขอโทษเราทั้งที่ไม่เคยขอโทษมาก่อน ความรู้สึกเหมือนคนที่กำลังจะเสียบางสิ่งบางอย่างไป เรารู้สึกได้ค่ะ ว่าเขาต้องการเราในตอนนี้ ทีนี้แหละค่ะ คำถามมันเกิดขึ้นในใจ ไม่อยากให้ลูกมีปมในใจ รู้ว่ากลับไปยังไงก็ไม่เหมือนเดิม (ในใจเรามันก็ผูกพันธ์กับเขาอยู่นะคะ เสียดายอะไรหลายๆอย่าง) แต่ตอนนี้เรารู้ว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้ว เราจะทำยังไงดีค่ะ??

ปล.ขอบคุณที่อ่านจนจบ และขอบคุณทุกคำแนะนำล่วงหน้านะคะ (เนื่องจากกระทู้นี้เป็นกระทู้แรก หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่