ทันที "ดีดีบินไทย" ดึงเอาอดีตรองดีดีมือฉมังด้านกฎหมายกลับมา ก็ทำเอาคนในการบินไทย หลายต่อหลายคนนั่งไม่ติด ถึงกับงัดวิชามารขัดขวาง

เรื่องของบริษัทการบินไทยที่เผชิญวิกฤตอย่างหนัก เพราะผลประกอบการขาดทุนป่นปี้ แม้จะพยายามจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการกันมาครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่ดีขึ้น จนถูก "ซูเปอร์บอร์ดรัฐวิสาหกิจ" สั่งทำแผนฟื้นฟูกิจการชนิด "ยกเดินเครื่อง"

ต้องจัดทำแผนปรับลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ขนานใหญ่ ปรับลดสิทธิพิเศษ ประเภท"ตั๋วฟรี" รื้อบรรดาสิทธิพิเศษที่ทั้งบอร์ดและฝ่ายบริหาร หรือที่พนักงานเคยได้รับต้องถูกรื้อกระจุยต่างถูกหั่นกันเรียบวุธ! หรือปรับลดเที่ยวบิน เส้นทางบิน ปรับลดหรือเลิกเส้นทางบินที่ไม่มีกำไร ทำแผนขายเครื่องบิน หรือแม้กระทั่งแผนปรับลดพนักงานที่นัยว่าแออัดยัดทะนานเต็มลำ โดยต้องปรับลดพนักงานอย่างน้อย 5,000 คนในระยะ 4-5 ปีข้างหน้า

เมื่อนายจรัมพร โชติกเสถียร ข้ามห้วยจากตลาดหลักทรัพย์เข้ามาเป็น "ดีดี บินไทย" ถนนทุกสายต่างก็ฝากความหวังไว้ที่อดีตกรรมการผู้จัดการตลาดหุ้นผู้นี้จะกอบกู้วิกฤติที่เกิดขึ้นได้ เพราะความเป็นมืออาชีพ...ซึ่งหลังจากดีดีใหม่เข้ามาเข้ามาศึกษาเส้นสนกลใน เรียนรู้วัฒนธรรมองค์กร ล้วงลูกตื้นลึกหนาบางภายในองค์กรจนเริ่มเข้าที่ เข้าทางแล้วจนการบินไทยเริ่มเห็น"แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์"แล้ว

โดยล่าสุดนัยว่าผลประกอบการเริ่มมีกำไรให้เห็นแล้วนับพันล้าน ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องเรียกหา "มืออาชีพ" ที่ไว้ใจขึ้นมาใช้งานก่อนผ่าตัดใหญ่องค์กร

อย่างไรก็ตาม 1 ในมืออาชีพที่ "ดีดีจรัมพร"เรียกหานั้น ดันมาแจ็คพอตลงเอยที่ "นิรุฒ มณีพันธ์" อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายทรัพยากรบุคคลและกำกับกิจกรรมองค์กร มือกฎหมายที่เคยนำทีมการบินไทยต่อสู้คดีที่ถูกสหภาพยุโรปกล่าวหาว่าฮั้วกับสายการบินอื่นปรับค่าโดยสารจนชนะคดี ไม่ต้องจ่ายค่าปรับเป็นหมื่นล้านบาทมาแล้วนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ในทันทีที่มีข่าวว่าดีดีบินไทยจะดึงเอาอดีตรองดีดีมือฉมังด้านกฎหมายกลับมาเท่านั้น ก็ทำเอาคนในการบินไทย หลายต่อหลายคนนั่งไม่ติด ถึงกับงัดวิชามารขัดขวางทั้งบนดิน ใต้ดิน อันเป็นบทถนัดของพฤติกรรมน้ำเน่าของคนบางคนในการบินไทย

ถึงขั้นปล่อยข่าวว่าเจ้าตัวนั้นกำลังถูกร้องเรียนกรณีภาษีของพนักงาน ทั้งที่ในข้อเท็จจริงนั้น เป็นเรื่องที่เจ้าตัวได้รับคำสั่งในฐานะรองดีดี สายทรัพยากรบุคคลฯให้เข้ามา "เคลียร์หน้าเสื่อ" ปัญหาหมักหมมเรื่องภาษีพนักงานการบินไทยที่เป็นปัญหาคาราคาซังมานับสิบปีแท้ๆ

ส่วนเบื้องหน้าเบื้องหลังที่คนบินไทยตีปี๊บขัดขวางการดึงอดีตรองดีดีผู้นี้คืนถิ่น จากที่ก่อนหน้าถูกแขวนไปพร้อมผู้บริหารบินไทยอื่นเป็นกุรุดนั้น คงพอคาดเดากันได้ไม่ยาก เพราะคนที่จะเสียผลประโยชน์จากการที่คน "ตงฉิน"เป็นไม้บรรทัดอย่างนายนิรุฒจะกลับคืนถิ่นนั้น หากไม่เป็นพวก"วัวสันหลังหวะ" ก็ต้องมีนอกในแอบแฝงอยู่เป็นแน่ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า "นายนิรุฒ"นั้น ปิดฉากคดีใหญ่ๆ ชนิดตรงเป็นไม้บรรทัดใครก็อย่าได้มาขอ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไล่ล่าเอาคนที่เคยทำความเสียหายกับการบินไทยให้มาชดใช้กรรมอย่างไม่เกรงอิทธิพลทั้งภายในหรือภายนอกองค์กร แม้แต่อดีตผู้นำสหภาพรัฐวิสาหกิจการบินไทย ก็ยังไม่เว้น หรือเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างที่ใครๆ ก็รู้แก่ใจกันดีว่า องค์กรระดับที่จัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือกันเป็นพันล้าน หมื่นล้านนั้นต่างมี "เงินทอน"กันอู้ฟู่ แต่เรื่องไหนที่เล็ดรอดมาถึงมืออดีตรองดีดีที่ชื่อ"นิรุฒ"แล้วเป็นอดหาวเรอกันเป็นทิวแถว ด้วยภูมิหลังเจ้าตัวนั้นบอกกับทุกฝ่ายว่ามีกินมีใช้อย่างเหลือเฟืออยู่แล้ว

ยิ่งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาตอกย้ำถึงบทบาทของรัฐวิสาหกิจที่เป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และกล่าวถึง 7 รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหาจนต้องจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการนี้ว่า "สำหรับ รัฐวิสาหกิจ 7 แห่งที่มีปัญหา เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย การบินไทย การขนส่งมวลชน ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จะต้องมีการรายงานแผนการฟื้นฟูเป็นรายเดือน และการดำเนินการจะต้องให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้

หากพบไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ หรือมีการทุจริต จะต้องถูกตรวจสอบ ถูกลงโทษ เข้าคุกและดำเนินคดี ขอให้ภาคเอกชน อย่าเพียงแต่บอกว่าขาดทุนเพราะแท้จริงล้วนมีทั้งขาดทุน และ กำไร ซึ่งภาคเอกชน ช่วยเหลือลดกำไรลงบ้าง เพื่อช่วยชาติ ที่สำคัญ อยากให้ช่วยเหลือสนับสนุนเกษตรกร ด้วย"

คงเพราะเหตุนี้ ระดับบิ๊กๆ ในบินไทย ที่ซุกโครงการจัดซื้อจัดจ้างไว้ใต้พรมถึงผวาเฮือก หากอดีตรองดีดีด้านกฎหมายจะหวนกลับคืนสู่ตำแหน่ง ไม่ต่างไปจากผีกระสือกลัวหมอผียังไงยังงั้น!!!

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/651124