พลันที่ “ซุปเปอร์บอร์ด” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไฟเขียวให้ฟื้นฟู “การบินไทย” ตามแผนที่เสนอ คุณจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ก็แถลงรายละเอียดทันที มี 3 ขั้นตอน 6 กลยุทธ์ หยุดการขาดทุนในปี 2558 และ เติบโตแบบก้าวกระโดดและยั่งยืนในปี 2559
ที่ผ่านมา การบินไทยขาดทุนต่อเนื่อง 5 ไตรมาส ไม่รู้บริหารกันยังไง 9 เดือนแรกปีที่แล้วขาดทุน 9,211 ล้านบาท ขาดทุนหุ้นละ 4.22 บาท ยังไม่รวมไตรมาส 4 ที่อาจขาดทุนอีก
ผมอ่านแผนฟื้นฟูการบินไทยที่ คุณจรัมพร แถลงแล้ว เชื่อว่าสามารถฟื้นฟูได้จริง ถ้าสามารถทำงานได้ตามแผนทุกอย่าง โดยไม่มีการขัดขาขัดคอเสียก่อน การบินไทย ขึ้นชื่อ เป็นรัฐวิสาหกิจปราบเซียน มีผลประโยชน์ซ่อนเร้นมากมายที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร แต่เป็นประโยชน์ต่อ “ผู้จัดซื้อ” และ “ผู้ขายตั๋ว” ในการบินไทย
เริ่มตั้งแต่ ฝูงบิน หรือ เครื่องบิน ที่เป็นเครื่องมือในการทำมาหากินของการบินไทย
คุณจรัมพร แถลงว่า จะขายเครื่องบินเก่า 22 ลำ ภายในเดือนกรกฎาคม จากทั้งหมด 102 ลำ และ ลดแบบเครื่องบินจาก 11 แบบ เหลือ 8 แบบ
เครื่องบินเก่าของการบินไทย ใครบินบ่อยจะรู้ว่า มันเก่าจริงๆ เข้าขั้น รุ่นพระเจ้าเหา เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น เครื่องบินโบอิ้ง แอร์บัส ไปจนถึง เครื่องบินจัมโบ้ 747 ที่สายการบินทั่วโลกเขาเลิกใช้บินกันแล้ว แต่การบินไทยยังใช้บินในเส้นทางยุโรป นินทากันว่าเป็นเพราะกัปตันเครื่องบิน 747 บินเครื่องบินรุ่นใหม่ไม่เป็น และไม่ยอมไปฝึกบินใหม่
วันก่อนผมมีธุระไปลาว เพื่อนฝูงที่ไปด้วยกันไปลาวบ่อย แนะนำให้บินกับ สายการบินลาว เพราะ ใช้เครื่องบินแอร์บัส 320 ลำใหม่เอี่ยม แต่ การบินไทย ใช้เครื่องบิน โบอิ้ง 737 ลำเก่าโคตร ที่น่าชํ้าใจก็คือ เครื่องแอร์บัสใหม่ของการบินไทยที่เพิ่งซื้อมาใหม่ กลับจอดมากกว่าบิน เพราะไม่มีนักบิน ทั้งๆที่รายได้ของสายการบินอยู่ที่จำนวนเที่ยวบินบนอากาศ เครื่องบินจอดเมื่อไหร่ก็ขาดรายได้เมื่อนั้น
เพราะฉะนั้น คุณจรัมพร ต้องเร่งโละเครื่องบินรุ่นเก่าพระเจ้าเหาทั้งหมดทันที แล้วเอาเครื่องบินใหม่ขึ้นบินให้มากที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของผู้โดยสารให้กลับคืนมา เป็นการเพิ่มรายได้และฟื้นภาพลักษณ์ของการบินไทยได้ดีที่สุด
การลดแบบเครื่องบินจาก 11 แบบ เหลือ 8 แบบ ผมก็ไม่แน่ใจว่า คุณจรัมพร จะทำได้แค่ไหน เห็นพยายามทำกันมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ก็ยังทำไม่ได้สักที เพราะคนอนุมัติซื้อเครื่องบินเป็นนักการเมือง ไม่ใช่ผู้บริหารการบินไทย การซื้อเครื่องบินของการบินไทยก็แปลกกว่าสายการบินอื่น ตัวเครื่องบิน เครื่องยนต์ เก้าอี้ผู้โดยสาร แยกซื้อหมด ของใครของมัน การบินไทยจึงมีเครื่องบินและเครื่องยนต์สารพัดแบบ ต้องซื้ออะไหล่สำรองมากกว่าสายการบินอื่น ทำให้ต้นทุนต่อกิโลเมตรแพงกว่าสายการบินอื่น
ต้นทุนหลักอีกอย่างคือ “นํ้ามัน” ทุกสายการบินจึงมีการบริหารต้นทุนนํ้ามัน มีการบวกค่านํ้ามันเพิ่มเข้าไปในตั๋วโดยสาร การบินไทยจะบวกแพงกว่าสายการบินอื่น ทำให้ตั๋วการบินไทยแพงกว่าสายการบินอื่น แต่ผู้โดยสารไทยก็นั่งเพราะความเป็นคนไทย
ผมไม่รู้ว่าแผนฟื้นฟูของ คุณจรัมพร ดูลึกลงไปถึงเรื่อง “นํ้ามัน” หรือไม่ ถ้าดูนํ้ามันแล้วอาจช็อกก็ได้ เพราะผู้บริหารเก่าได้สั่งซื้อนํ้ามันล่วงหน้าไปถึงปี 2559 โน่น ที่ต้นทุน 80 กว่าเหรียญต่อบาร์เรล แต่ราคานํ้ามันดิบปัจจุบันอยู่ที่ 45 เหรียญต่อบาร์เรล ไม่รู้ต้องทำกำไรเท่าไหร่จึงจะคุ้มทุนนํ้ามันที่แตกต่างกันถึง 35 เหรียญต่อบาร์เรล
ผมเขียนเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกเห็นใจ คุณจรัมพร ที่ต้องรับภาระหนักในงานนี้
แต่ก็เอาใจช่วยเต็มที่ ขอให้ฟื้นฟูสำเร็จ เพราะ การบินไทย เป็นสายการบินของชาติ ที่เล่ามานี้แค่สองเรื่อง ตัวเครื่องบิน และ นํ้ามัน เท่านั้น ถ้าเล่าทุกเรื่องคงต้องเขียนเป็นหนังสือหลายเล่ม แต่ทางออกที่ดีที่สุด แปรรูปเป็นเอกชน ห้ามนักการเมืองเข้าไปยุ่ง อนาคต การบินไทย รุ่งแน่นอน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
http://www.thairath.co.th/content/477565
ยังไม่ทันฟื้นฟู การบินไทยขาดทุนล่วงหน้าแล้ว
ที่ผ่านมา การบินไทยขาดทุนต่อเนื่อง 5 ไตรมาส ไม่รู้บริหารกันยังไง 9 เดือนแรกปีที่แล้วขาดทุน 9,211 ล้านบาท ขาดทุนหุ้นละ 4.22 บาท ยังไม่รวมไตรมาส 4 ที่อาจขาดทุนอีก
ผมอ่านแผนฟื้นฟูการบินไทยที่ คุณจรัมพร แถลงแล้ว เชื่อว่าสามารถฟื้นฟูได้จริง ถ้าสามารถทำงานได้ตามแผนทุกอย่าง โดยไม่มีการขัดขาขัดคอเสียก่อน การบินไทย ขึ้นชื่อ เป็นรัฐวิสาหกิจปราบเซียน มีผลประโยชน์ซ่อนเร้นมากมายที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร แต่เป็นประโยชน์ต่อ “ผู้จัดซื้อ” และ “ผู้ขายตั๋ว” ในการบินไทย
เริ่มตั้งแต่ ฝูงบิน หรือ เครื่องบิน ที่เป็นเครื่องมือในการทำมาหากินของการบินไทย
คุณจรัมพร แถลงว่า จะขายเครื่องบินเก่า 22 ลำ ภายในเดือนกรกฎาคม จากทั้งหมด 102 ลำ และ ลดแบบเครื่องบินจาก 11 แบบ เหลือ 8 แบบ
เครื่องบินเก่าของการบินไทย ใครบินบ่อยจะรู้ว่า มันเก่าจริงๆ เข้าขั้น รุ่นพระเจ้าเหา เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น เครื่องบินโบอิ้ง แอร์บัส ไปจนถึง เครื่องบินจัมโบ้ 747 ที่สายการบินทั่วโลกเขาเลิกใช้บินกันแล้ว แต่การบินไทยยังใช้บินในเส้นทางยุโรป นินทากันว่าเป็นเพราะกัปตันเครื่องบิน 747 บินเครื่องบินรุ่นใหม่ไม่เป็น และไม่ยอมไปฝึกบินใหม่
วันก่อนผมมีธุระไปลาว เพื่อนฝูงที่ไปด้วยกันไปลาวบ่อย แนะนำให้บินกับ สายการบินลาว เพราะ ใช้เครื่องบินแอร์บัส 320 ลำใหม่เอี่ยม แต่ การบินไทย ใช้เครื่องบิน โบอิ้ง 737 ลำเก่าโคตร ที่น่าชํ้าใจก็คือ เครื่องแอร์บัสใหม่ของการบินไทยที่เพิ่งซื้อมาใหม่ กลับจอดมากกว่าบิน เพราะไม่มีนักบิน ทั้งๆที่รายได้ของสายการบินอยู่ที่จำนวนเที่ยวบินบนอากาศ เครื่องบินจอดเมื่อไหร่ก็ขาดรายได้เมื่อนั้น
เพราะฉะนั้น คุณจรัมพร ต้องเร่งโละเครื่องบินรุ่นเก่าพระเจ้าเหาทั้งหมดทันที แล้วเอาเครื่องบินใหม่ขึ้นบินให้มากที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของผู้โดยสารให้กลับคืนมา เป็นการเพิ่มรายได้และฟื้นภาพลักษณ์ของการบินไทยได้ดีที่สุด
การลดแบบเครื่องบินจาก 11 แบบ เหลือ 8 แบบ ผมก็ไม่แน่ใจว่า คุณจรัมพร จะทำได้แค่ไหน เห็นพยายามทำกันมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ก็ยังทำไม่ได้สักที เพราะคนอนุมัติซื้อเครื่องบินเป็นนักการเมือง ไม่ใช่ผู้บริหารการบินไทย การซื้อเครื่องบินของการบินไทยก็แปลกกว่าสายการบินอื่น ตัวเครื่องบิน เครื่องยนต์ เก้าอี้ผู้โดยสาร แยกซื้อหมด ของใครของมัน การบินไทยจึงมีเครื่องบินและเครื่องยนต์สารพัดแบบ ต้องซื้ออะไหล่สำรองมากกว่าสายการบินอื่น ทำให้ต้นทุนต่อกิโลเมตรแพงกว่าสายการบินอื่น
ต้นทุนหลักอีกอย่างคือ “นํ้ามัน” ทุกสายการบินจึงมีการบริหารต้นทุนนํ้ามัน มีการบวกค่านํ้ามันเพิ่มเข้าไปในตั๋วโดยสาร การบินไทยจะบวกแพงกว่าสายการบินอื่น ทำให้ตั๋วการบินไทยแพงกว่าสายการบินอื่น แต่ผู้โดยสารไทยก็นั่งเพราะความเป็นคนไทย
ผมไม่รู้ว่าแผนฟื้นฟูของ คุณจรัมพร ดูลึกลงไปถึงเรื่อง “นํ้ามัน” หรือไม่ ถ้าดูนํ้ามันแล้วอาจช็อกก็ได้ เพราะผู้บริหารเก่าได้สั่งซื้อนํ้ามันล่วงหน้าไปถึงปี 2559 โน่น ที่ต้นทุน 80 กว่าเหรียญต่อบาร์เรล แต่ราคานํ้ามันดิบปัจจุบันอยู่ที่ 45 เหรียญต่อบาร์เรล ไม่รู้ต้องทำกำไรเท่าไหร่จึงจะคุ้มทุนนํ้ามันที่แตกต่างกันถึง 35 เหรียญต่อบาร์เรล
ผมเขียนเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกเห็นใจ คุณจรัมพร ที่ต้องรับภาระหนักในงานนี้
แต่ก็เอาใจช่วยเต็มที่ ขอให้ฟื้นฟูสำเร็จ เพราะ การบินไทย เป็นสายการบินของชาติ ที่เล่ามานี้แค่สองเรื่อง ตัวเครื่องบิน และ นํ้ามัน เท่านั้น ถ้าเล่าทุกเรื่องคงต้องเขียนเป็นหนังสือหลายเล่ม แต่ทางออกที่ดีที่สุด แปรรูปเป็นเอกชน ห้ามนักการเมืองเข้าไปยุ่ง อนาคต การบินไทย รุ่งแน่นอน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
http://www.thairath.co.th/content/477565