สิ่งที่คนธรรมดาคนนึงควรจะต้องเป็นคืออะไร

ได้โปรดครับ !!!!!  ผมขอความช่วยเหลือ ความเมตตา จากผู้รู้ และผู้มีปัญญาทาง “ธรรม”  จริงๆครับ .. อาจจะยาวไปนิด แต่ก็ขอความกรุณาช่วยอ่านด้วยครับ
ก่อนนจะอ่านอยากบอกก่อนว่า ผมไม่ใช่คนเก่ง คนดีอะไรมากมาย และผมก็ก็ไม่ได้มาอวดอ้างอะไรใดๆ แต่ตอนนี้แค่เกิดความสับสนในคำสอนของพระ จึงอยากได้ความกระจ่าง การเขียนอาจวกไปวนมา แต่ประเด็นคำถามจริงๆ มีอยู่ตอนท้ายของบทความนี้ อยากให้ผู้มีใจเมตตา ตอบผมแบบตรงกับสิ่งที่ผมอยากรู้ด้วยครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

ขอเริ่มเลยนะครับ
ปัจจุบันนี้ผมอายุ 34 ปี อาชีพ ครูสอนหนังสือ มีความสุขมากเวลาได้เข้าสอนเด็กๆๆ ไม่เคยเบื่อเลยครับ เงินเดือนพอใช้ในแต่ละเดือน มีเหลือเก็บดือนละ 1,000 – 2,000 มีบ้านเล็กๆ(ปลอดหนี้)   รถ 4-5 ปี (ปลอดหนี้) มีภรรยาที่แสนดีมากๆ ดูแลทุกอย่างและยังช่วยหาเงินเข้ามา ภรรยาเป็นครูเช่นกันครับ เงินเดือนรวมกันประมาณ 35,000 ตอนนี้ยังไม่มีลูก  ผมสวดมนต์ก่อนนอนทุกๆคืน แต่ไม่ได้นั่งสมาธิครับ และพยายามรักษา ศิล 5 ในทุกๆวันของชีวิตอยู่แล้ว คือทุกวันนี้ชีวิตผมมีความสุขมากกๆ ที่สุดเท่าที่ผมจะเคยมีมาครับ ผมจึงพึงพอใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมีในปัจจุบันนี้เป็นอย่างมาก ไม่คิดจะเรียนต่อใน ปริญญาที่สูงกว่านี้  ไม่คิดจะหารายได้พิเศษใดๆ ไม่อยากมีบ้าน รถ อะไรเพิ่มเลย แต่เงินเก็บก็พอมีครับรวมกับภรรยาก็พอมี ไว้แสตนบายของเสียต่างๆในบ้านที่อาจเกิดขึ้น
ผมมีความเชื่อส่วนตัว ว่า
1. ผมตระหนักในใจอยู่เสมอว่าความตายอยู่รอบตัวเรา ผมอาจจะตายพรุ่งนี้ หรือหลังจากพิมพ์เสร็จนี้ก็ได้  
2. คนเราเมื่อตายไปก็นำสิ่งใดติดตัวไปไม่ได้  จึงไม่รู้ว่าจะสะสมปริญญา เงินทองสมบัติ ตำแหน่งทางวิชาการ อื่นๆไปทำไม

ก่อนอื่นขอยอมรับตรงๆก่อนครับว่า ผมเป็นคนที่มีแต่ศรัทธา แต่ไร้ปัญญาเป็นอย่างมาก นี้จึงเป็นเหตุให้ผมอยากได้คำชี้แนะ จากผู้มีปัญญาทางธรรม จริงๆว่า ในการดำรงชีพเป็น คนธรรมดา (ผมไม่คิดจะบวชเป็นพระ) ควรเป็นอย่างไรกันแน่ครับ ตอนนี้สมองผมมันยุ่งเหยิงตีกันจนสับสนไปหมด
จากคำสอนมากมาย ที่ผมยึดเป็นที่ตั้งในใจ แต่มันเหมือนคำสอนเหล่านี้จะเหมาะกับการออกบวชมากกว่ารึเปล่าครับ
คำสอนหลักๆที่ผมถือเป็นคติประจำใจคือ
-    ให้ปล่อยวาง อย่าไปยึดมั่นในลาภ ยศ สรรเสริญ สมบัติ
-    สอนให้มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ขณะ
-    รู้จักพอเพียง สันโดษ พึงพอใจในสิ่งที่ตนมี ที่ตนเป็น
-    ชีวิตนี้น้อยนัก สั้นนัก เมื่อตายไปสิ่งใดก็สามารถติดตัวไปได้นอกจาก กรรมดี – กรรมชั่ว
-    อย่ามัวแต่สะสม เปลือกนอกของชีวิต
-    รักษาศิล 5   พรหมวิหาร 4  
คำถามคือ.....ผมอยากทราบว่าชีวิตคนที่ไม่ใช่พระ ควรเป็นอย่างไรครับ สิ่งที่ผมเป็น สิ่งที่ผมทำ สิ่งที่ผมพึงพอใจอย่างทุก
                    วันนี้และไม่คิดจะทำอะไรเพิ่มเติมถือว่าถูกต้องอยู่แล้วหรือเปล่า??????????????????????????
หรือจริงๆแล้ว ผมควรจะต้องพยายามจบปริญญาที่สูงขึ้น เพื่อเป็นหน้าตาแก่วงศ์ตระกูล เพื่อให้เงินเดือนมากขึ้น เพื่อมห้คนยอมรับในสังคมอาจารย์ด้วยกัน (ทั้งที่ใจผมไม่ได้ต้องการ)
หรือจริงๆแล้วผมต้องหารายได้ให้มากกว่านี้เพื่อเตรียมไว้สำหรับเรื่องราวในอนาคต (ข้อมูลเพิ่มติม พ่อแม่ผมเบิกค่ารักษาพยายาลได้ทั้งหมด ผมมีประกันสังคม ภรรยามีบัตรทอง พ่อแม่ภรรยา เบิกได้จากบัตรทองเช่นกัน ฐานะทั้ง 3 ครัวเรือน ไม่มีใครยากจนครบ  แต่ละบ้านสามารถมีเงินเลี้ยงดูตนเองได้ และทุกวันนี้ผมให้เงิน พ่อ-แม่ตนเอง รวม 4500 บาท และให้พ่อตา แม่ยาย 4500 บาท ทุกๆเดือนไม่เคยขาดแม้แต่เดือนเดียว และผมกับภรรยาก็ไม่เคยกู้หนี้ยืมสินใครๆครับ แต่เราก็ไม่ใช่ว่าอดยากนะครับ ทุกวันนี้ของในตู้เย็นยังกินไม่ทันต้องเอาไปแจกคนรู้จักกันสัปดาห์เว้นสัปดาห์ ..... ที่ชี้แจงข้อนี้เยอะคือ จะบอกว่า ผม+ภรรยา พอใจในรายได้ที่เราช่วยกันหา และมีเงินเพียงพอเลี้ยงดูพ่อแม่ครับ ไม่ได้ทิ้งให้ท่านอดยาก แต่ยังมีน้องๆ อีก 5 คน รวม 2 บ้าน ที่รายได้ค้อนข้างมากต่อเดือน และมีใจกตัญญูต่อพ่อแม่เช่นกัน จึงตัดปัญหาเรื่องการเลี้ยงดูผู้ใหญ่ได้เลยครับ )
หรือจริงๆผมต้องทำให้ตนเองมีชื่อเสียงให้ได้ ต้องเป็นที่รู้จักในวงการ ได้ไปแสดงคบทความวิจัย ในที่สาธารณะชน ต้องทำวิจัยขึ้นมา (ซึ่งผมไม่ชอบครับ ขอเป็นส่วนตัวไปไหนมาไหนสะดวกดีกว่า)
หรือจริงๆต้องพยายามผลักดันตัวเองให้เป็น ผ.อ.  กรรมการผู้จัดการ รอง ผ.อ. ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ (ซึ่งไม่อยากเป็นเลยครับ)
หรือจริงๆผมต้องมีตำแหน่งทางวิชาการ ทำวิจัยต่างๆ เขียนบทความ เพื่อได้เป็น ผศ. ดร. อะไรแบบนั้น ซึ่งมันไม่ใช่ความใฝ่ฝันของผมเลย
หากจะถามว่าความใฝ่ฝันของผมคืออะไร ก็ทุกวันนี้ที่ผมเป็นอยู่เนี๊ยแหละครับ ความใฝ่ฝันของผมแล้ว
ผมได้ฟังคำเทศน์ของพระที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่งพูดผ่านรายการว่า บุคคลที่มีลักษณะแบบผม ถือเป็นคนที่ขาดปัญญา และออกแนวเห็นแก่ตัว เพราะ  “คนเราต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรหยุดอยู่กับที่เพื่อทำประโยชน์ให้แก่สังคม และคนรอบข้าง ให้ได้มากที่สุด ดูตัวอย่างหลวงปู่ชา หรือท่านพุทธทาส หรือสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสิ ท่านหยุดไหม ท่านเหล่านี้ ยังคงทำงาน อย่างหนัก หากไม่มีบุคคลเหล่านี้ ประเทศไทยจะดีขึ้นไหม คนเราจะรู้จักธรรมะแบบทุกวันนี้ไหม ประเทศชาติจะเจริญไหม หากในหลวงท่านไม่ทรงงานหนักอย่างต่อเนื่อง”

ผมยอมรับครับ ผมขาดซึ่งปัญญาไม่ว่าจะทาง ...โลก หรือทาง.. ธรรม
สับสนว่า เรามีความสุขและพอแล้วกับสุขที่มี ?????
หรือเราต้องพัฒนาตนเองต่อไปเรื่อยๆในทุกๆด้าน เพื่อคนอื่นๆ(แต่คนรอบข้างผมก็มีความสุขดีอยู่แล้ว)
หรือต้องไขว้ขว้าอะไรเพิ่มเติม ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้แล้ว

ท่านผู้รู้ให้ความเมตตาตอบผมแบบระเอียดด้วยนะครับ ผมเป็นบัวชั้นใต้โคลนตม
หากไม่กระจ่าง หรือสั้นเกินไปผมเชื่อว่าผมคงจะไม่สามารถตีความได้อย่างถูกต้องแน่ๆครับ

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงในการชี้แนะสิ่งที่ถูกต้องให้ผู้ขาดสติปัญญาอย่างผมด้วยครับ ขอบพระคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
คำสอนหลักๆที่ผมถือเป็นคติประจำใจคือ
-ให้ปล่อยวาง อย่าไปยึดมั่น
   ในลาภยศสรรเสริญ สมบัติ
-สอนให้มีชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะ
-รู้จักพอเพียง สันโดษ พึงพอใจ
  ในสิ่งที่ตนมี ที่ตนเป็น
-ชีวิตนี้น้อยนักสั้นนัก เมื่อตายไป
สิ่งใดก็สามารถติดตัวไปได้
  นอกจากกรรมดี – กรรมชั่ว
-อย่ามัวแต่สะสม เปลือกนอกของชีวิต
-รักษาศิล 5   พรหมวิหาร 4 ?

ตอบ: ตามนี้ก็ดีแล้วครับ


คำถามคือ.ผมอยากทราบว่าชีวิตคนที่ไม่ใช่พระ
ควรเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ทำตามนี้ ถือว่าดีแล้วครับ
พื้นฐาน คือกตัญญูกตเวที
           ไม่ทำสิ่งผิดคือความชั่วทุกกรณี
           ทำสิ่งถูกคือความดีทุกกรณี
           หาโอกาศ หาเวลา ฝึกหัดภาวนา
           ให้เกิดประโยชน์กับจิตใจตัวเอง


สิ่งที่ผมเป็น สิ่งที่ผมทำ
สิ่งที่ผมพึงพอใจอย่างทุกวันนี้
และไม่คิดจะทำอะไรเพิ่มเติม
ถือว่าถูกต้องอยู่แล้วหรือเปล่า ?

ตอบ: ถูกต้องแล้วครับ
อยากเพิ่มเติมความดีอีก
ก็ค่อยๆศึกษาไป "ตั้งสติ"
ใจเย็นๆ ค่อยๆค้นคว้า

ท่านมีเน็ตเล่นอยู่แล้ว ค้นหาไปเรื่อยๆ ดีแล้วครับ
(เสียตังค์ค่าเน็ตแล้วใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด)

ขอให้โชคดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่