คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ชีวิตลูกคุณหนูเปลี่ยนไป จากที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราไม่เคยหวังทรัพย์สินใดๆเลยจากแฟนเรา ไม่ว่าของขวัญใดๆที่เค้าซื้อให้ เราจะซื้อของขวัญคืนให้เค้าด้วยราคาที่เท่ากันหรือมากกว่าเสมอ เรากับเค้าผลัดกันเลี้ยงข้าวเลี้ยงหนังตลอด เพราะเราคิดว่า เราไม่ต้องการอะไรจากเค้าจริงๆค่ะ สิ่งของก็แค่ของนอกกาย อีกอย่างเราอยากได้อะไร เรามีปัญญาซื้อให้ตัวเองได้อยู่แล้ว เค้าก็เป็นเด็กคนนึงที่ยังเรียนอยู่และยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่ เราไม่อยากให้เค้าเอาเงินพ่อแม่มาเลี้ยงผู้หญิงมากเกินไปค่ะ นอกจากเค้าจะเก็บตังซื้อให้เอง หรือเค้าจะหาเงินมาได้เอง
แต่ตอนนี้เราได้เงินจากพ่ออาทิตย์ละ1พัน รวมค่าอาหารและค่ารถไปทำงานวันละเกือบร้อย บางครั้งเราเงินไม่พอ ต้องขอให้เค้าเลี้ยงข้าว เราทนอยู่หอร้อนๆ แคบๆ ไม่มีน้ำอุ่น และห้องน้ำรวมสกปรกไม่ได้ เราเลยขอมาอาศัยอยู่หอกับเขา เราอยากแบ่งเบาภาระพ่อให้ถึงที่สุดด้วย เพราะถ้าอยู่หอแฟน เราอยู่ฟรีค่ะเพราะพ่อเค้าจ่ายให้ (เราเคยอยู่กับเขามาแล้วตอนปิดเทอม 6 เดือนอ่ะค่ะ เรายื่นเงินช่วยเค้าจ่ายค่าหอตลอด เค้าก็ไม่รับค่ะ เค้าบอกว่า เอาเงินมาเลี้ยงข้าวเค้าดีกว่า) เราเพิ่งย้ายของมาเมื่อวันเสาร์นี้เองค่ะ ซึ่งเรารู้สึกสมเพชตัวเองจริงๆที่ต้องเบียดเบียนเค้าทุกอย่าง เรารู้สึกได้ว่า เค้าไม่เต็มใจจะเลี้ยงข้าว หรืออยากซื้อของให้เราเหมือนที่เคย เราต้องเอ่ยปากขอตลอดเพราะเราไม่มีจริงๆ น้องสาวคนกลางก็กำลังจะต้องจ่ายเงินยืนยันสิทธิ์แอดมิชชั่น
เมื่อวานนี้ไปห้างกันเพราะเค้าไปตัดแว่นใหม่ เพราะสายตาสั้นขึ้นมาก สั้น600แล้ว (เราเป็นห่วงเค้าจังเลยค่ะ เพราะเค้าชอบเล่นเกมคอม) เราเดินเล่นไดโซะก็อยากได้เสื่อโยคะราคา 150 บาท เพราะอยากฟิตหุ่นช่วงปิดเทอมตามประสาแหละค่ะ แต่กลัวเงินจะไม่พอสิ้นอาทิตย์ เราเลยขอให้เค้าซื้อให้ เห็นค่าแว่นราคาเป็นหมื่นจ่ายได้ ของ150แค่นี้ไม่น่าจะงกกับเรานะ แต่เค้าก็ทำเหมือนไม่อยากซื้อให้ค่ะ เราเลยบอกเค้าว่า “งั้นไม่เป็นไร ไม่ซื้อแล้ว” เราคิดว่า ถ้าอาทิตย์นี้เงินเหลือค่อยซื้อเองค่ะ
เมื่อคืนเราเลยถามเขาว่า “ที่เราทำแบบนี้ มันเป็นยังไงหรอ มันน่าสมเพชไหม แล้วผู้หญิงกับผู้ชายเวลาคบกัน ควรซื้อของให้กันขนาดไหน” (เราไม่รู้จริงๆค่ะ เพราะเราผลัดกันซื้อผลัดกันจ่ายตลอด พอเราคาดหวังให้เค้าซื้อให้เราบ้าง เค้ากลับไม่เต็มใจซื้อให้ ทั้งๆที่เอาเงินไปเติมเกมได้) เค้าตอบว่า“จะให้ซื้อให้ทุกอย่างเลยรึไง” เราเหมือนโดนค้อนทุบเลยค่ะ เราไม่รู้ว่าเราไปเดือดร้อนเค้าขนาดนี้ เวลาเค้าซื้อของให้เรา เรารู้สึกเหมือนเราเป็นหนี้ คนคบกันควรจะรู้สึกแบบนี้ไหมคะ? ขนาดเราไม่ค่อยมีตัง เรายังเลี้ยงข้าวเค้าได้อยู่ อาทิตย์ก่อนก็เลี้ยงสเวนเซ่นเค้าไป แต่เค้าทวงเราแม้แต่ค่ารถแท็กซี่ 30 บาท
คุณคิดว่าเค้าเปลี่ยนไปในหลายๆเรื่องเพราะอะไรคะ เพราะอยู่ด้วยกันแทบทุกเวลาเค้าเลยเบื่อ หรือเค้าเลิกรักเราแล้ว เค้ารังเกียจเราหรือเปล่าคะที่เราไม่รวยเหมือนเมื่อก่อน เราทำตัวไม่ถูก เราควรทำยังไงดี เมื่อคืนเราบอกเลิกเค้า เราร้องไห้ เราบอกว่า ถ้าเค้าล้มเราพร้อมจะอยู่กับเค้าในทุกสถานการณ์ แต่ดูเหมือนเค้าไม่อยากจะดูแลเราต่อไปอีกแล้ว เค้าเงียบ ไม่มีการกอดปลอบ แค่หลับไป เราเลยตัดสินใจว่าจะเก็บของและกลับไปอยู่หอตัวเอง (ทั้งๆที่ตอนแรกคิดจะคืนพอหมดสัญญาในอีก2เดือนข้างหน้า แล้วย้ายมาอยู่กับแฟนถาวร) วันนี้เราลางาน ส่วนเค้าไปทำงานปกติ คุยไลน์กันเค้าบอกว่า อย่าไปได้มั้ย เค้ารักเรา เค้าอยากอยู่กับเรา ทุกคนคิดว่าจริงไหม หรือเค้าแค่เสียดายเรา เราควรทำยังไงดีคะ เรารู้สึกว่าอยู่ตรงนี้เราไม่มีศักดิ์ศรีเลย
แฟนเราเป็นคนที่ไม่มีจุดยืนและมักจะอยู่คนเดียวไม่ได้ เค้าอยากให้เราอยู่เป็นที่พึ่งให้เค้าตลอด แต่เค้าไม่รู้ตัวหรือเปล่า เลยบอกว่ายังรักเราอยู่ ทั้งๆที่อาจจะไม่รักเราแล้ว คืนไหนที่เราไม่ไปนอนด้วย หรือไม่ว่างคุยกับเค้า เค้าก็จะอยู่เฉยๆไม่ได้อ่ะค่ะ เช่นเล่นเกมยันเช้า หรือไม่ก็ออกไปผับกับเพื่อน เค้าเหมือนต้องพึ่งพาอะไรในชีวิตตลอด อยู่คนเดียวไม่ได้ ต่างจากเราที่เราอยู่ได้ เราชอบอยู่คนเดียวในบางเวลา เช่น บางวันอยากนอนขี้เกียจทั้งวัน อยากอ่านหนังสือบ้าง ดูหนังบ้าง ตามประสา
ที่เล่ามาทั้งหมดเพราะอยากให้ทุกคนเข้าใจในปัจจัยเราค่ะ อยากให้คุณมาอยู่และเข้าใจในจุดที่เราเป็น เพราะเราเคยตั้งกระทู้ถามแต่มันสั้นมากจนบางคนมองเราผิดไป
เราควรเลิกกับแฟนแล้วกลับไปเริ่มใช้ชีวิตตัวเองใหม่ไหมคะ ถ้าเราเลิกกับเค้าชีวิตเราจะดีกว่านี้ไหม เค้าดูไม่มีอนาคตอะไรเลย แย่กว่าเราในทุกๆด้าน เรียนแย่กว่า เกรดต่ำกว่า แล้วยังขี้เกียจทำงานอีก คิดอะไรก็ไม่เป็นเลย เรามองอนาคตเค้าไม่ออก บางทีเราก็อยากมีที่พึ่งนะคะ เราใช้ชีวิตเหมือนต้องแบกตัวเองและพ่วงเค้าไว้ด้วย เหมือนเรากำลังปีนขึ้นหน้าผาที่มีเค้าผูกห้อยติดไว้ ถ้าเราไม่ไหวเราก็อาจจะตกลงไปตายได้ทั้งคู่ คนรักกันควรจะเกื้อหนุนกันไม่ใช่ฉุดกันลงอย่างนี้
ต้องขออภัยหากยาวไปหรือสะกดคำใดๆผิด อาจจะพิมพ์วกไปวนมาซักหน่อย มีศัพท์แสลงบ้าง และขอบคุณทุกคนล่วงหน้าที่สละเวลาเข้ามาอ่านและตอบนะคะ เรายินดีรับฟังทุกความเห็นค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(เจ้าของกระทู้)
แต่ตอนนี้เราได้เงินจากพ่ออาทิตย์ละ1พัน รวมค่าอาหารและค่ารถไปทำงานวันละเกือบร้อย บางครั้งเราเงินไม่พอ ต้องขอให้เค้าเลี้ยงข้าว เราทนอยู่หอร้อนๆ แคบๆ ไม่มีน้ำอุ่น และห้องน้ำรวมสกปรกไม่ได้ เราเลยขอมาอาศัยอยู่หอกับเขา เราอยากแบ่งเบาภาระพ่อให้ถึงที่สุดด้วย เพราะถ้าอยู่หอแฟน เราอยู่ฟรีค่ะเพราะพ่อเค้าจ่ายให้ (เราเคยอยู่กับเขามาแล้วตอนปิดเทอม 6 เดือนอ่ะค่ะ เรายื่นเงินช่วยเค้าจ่ายค่าหอตลอด เค้าก็ไม่รับค่ะ เค้าบอกว่า เอาเงินมาเลี้ยงข้าวเค้าดีกว่า) เราเพิ่งย้ายของมาเมื่อวันเสาร์นี้เองค่ะ ซึ่งเรารู้สึกสมเพชตัวเองจริงๆที่ต้องเบียดเบียนเค้าทุกอย่าง เรารู้สึกได้ว่า เค้าไม่เต็มใจจะเลี้ยงข้าว หรืออยากซื้อของให้เราเหมือนที่เคย เราต้องเอ่ยปากขอตลอดเพราะเราไม่มีจริงๆ น้องสาวคนกลางก็กำลังจะต้องจ่ายเงินยืนยันสิทธิ์แอดมิชชั่น
เมื่อวานนี้ไปห้างกันเพราะเค้าไปตัดแว่นใหม่ เพราะสายตาสั้นขึ้นมาก สั้น600แล้ว (เราเป็นห่วงเค้าจังเลยค่ะ เพราะเค้าชอบเล่นเกมคอม) เราเดินเล่นไดโซะก็อยากได้เสื่อโยคะราคา 150 บาท เพราะอยากฟิตหุ่นช่วงปิดเทอมตามประสาแหละค่ะ แต่กลัวเงินจะไม่พอสิ้นอาทิตย์ เราเลยขอให้เค้าซื้อให้ เห็นค่าแว่นราคาเป็นหมื่นจ่ายได้ ของ150แค่นี้ไม่น่าจะงกกับเรานะ แต่เค้าก็ทำเหมือนไม่อยากซื้อให้ค่ะ เราเลยบอกเค้าว่า “งั้นไม่เป็นไร ไม่ซื้อแล้ว” เราคิดว่า ถ้าอาทิตย์นี้เงินเหลือค่อยซื้อเองค่ะ
เมื่อคืนเราเลยถามเขาว่า “ที่เราทำแบบนี้ มันเป็นยังไงหรอ มันน่าสมเพชไหม แล้วผู้หญิงกับผู้ชายเวลาคบกัน ควรซื้อของให้กันขนาดไหน” (เราไม่รู้จริงๆค่ะ เพราะเราผลัดกันซื้อผลัดกันจ่ายตลอด พอเราคาดหวังให้เค้าซื้อให้เราบ้าง เค้ากลับไม่เต็มใจซื้อให้ ทั้งๆที่เอาเงินไปเติมเกมได้) เค้าตอบว่า“จะให้ซื้อให้ทุกอย่างเลยรึไง” เราเหมือนโดนค้อนทุบเลยค่ะ เราไม่รู้ว่าเราไปเดือดร้อนเค้าขนาดนี้ เวลาเค้าซื้อของให้เรา เรารู้สึกเหมือนเราเป็นหนี้ คนคบกันควรจะรู้สึกแบบนี้ไหมคะ? ขนาดเราไม่ค่อยมีตัง เรายังเลี้ยงข้าวเค้าได้อยู่ อาทิตย์ก่อนก็เลี้ยงสเวนเซ่นเค้าไป แต่เค้าทวงเราแม้แต่ค่ารถแท็กซี่ 30 บาท
คุณคิดว่าเค้าเปลี่ยนไปในหลายๆเรื่องเพราะอะไรคะ เพราะอยู่ด้วยกันแทบทุกเวลาเค้าเลยเบื่อ หรือเค้าเลิกรักเราแล้ว เค้ารังเกียจเราหรือเปล่าคะที่เราไม่รวยเหมือนเมื่อก่อน เราทำตัวไม่ถูก เราควรทำยังไงดี เมื่อคืนเราบอกเลิกเค้า เราร้องไห้ เราบอกว่า ถ้าเค้าล้มเราพร้อมจะอยู่กับเค้าในทุกสถานการณ์ แต่ดูเหมือนเค้าไม่อยากจะดูแลเราต่อไปอีกแล้ว เค้าเงียบ ไม่มีการกอดปลอบ แค่หลับไป เราเลยตัดสินใจว่าจะเก็บของและกลับไปอยู่หอตัวเอง (ทั้งๆที่ตอนแรกคิดจะคืนพอหมดสัญญาในอีก2เดือนข้างหน้า แล้วย้ายมาอยู่กับแฟนถาวร) วันนี้เราลางาน ส่วนเค้าไปทำงานปกติ คุยไลน์กันเค้าบอกว่า อย่าไปได้มั้ย เค้ารักเรา เค้าอยากอยู่กับเรา ทุกคนคิดว่าจริงไหม หรือเค้าแค่เสียดายเรา เราควรทำยังไงดีคะ เรารู้สึกว่าอยู่ตรงนี้เราไม่มีศักดิ์ศรีเลย
แฟนเราเป็นคนที่ไม่มีจุดยืนและมักจะอยู่คนเดียวไม่ได้ เค้าอยากให้เราอยู่เป็นที่พึ่งให้เค้าตลอด แต่เค้าไม่รู้ตัวหรือเปล่า เลยบอกว่ายังรักเราอยู่ ทั้งๆที่อาจจะไม่รักเราแล้ว คืนไหนที่เราไม่ไปนอนด้วย หรือไม่ว่างคุยกับเค้า เค้าก็จะอยู่เฉยๆไม่ได้อ่ะค่ะ เช่นเล่นเกมยันเช้า หรือไม่ก็ออกไปผับกับเพื่อน เค้าเหมือนต้องพึ่งพาอะไรในชีวิตตลอด อยู่คนเดียวไม่ได้ ต่างจากเราที่เราอยู่ได้ เราชอบอยู่คนเดียวในบางเวลา เช่น บางวันอยากนอนขี้เกียจทั้งวัน อยากอ่านหนังสือบ้าง ดูหนังบ้าง ตามประสา
ที่เล่ามาทั้งหมดเพราะอยากให้ทุกคนเข้าใจในปัจจัยเราค่ะ อยากให้คุณมาอยู่และเข้าใจในจุดที่เราเป็น เพราะเราเคยตั้งกระทู้ถามแต่มันสั้นมากจนบางคนมองเราผิดไป
เราควรเลิกกับแฟนแล้วกลับไปเริ่มใช้ชีวิตตัวเองใหม่ไหมคะ ถ้าเราเลิกกับเค้าชีวิตเราจะดีกว่านี้ไหม เค้าดูไม่มีอนาคตอะไรเลย แย่กว่าเราในทุกๆด้าน เรียนแย่กว่า เกรดต่ำกว่า แล้วยังขี้เกียจทำงานอีก คิดอะไรก็ไม่เป็นเลย เรามองอนาคตเค้าไม่ออก บางทีเราก็อยากมีที่พึ่งนะคะ เราใช้ชีวิตเหมือนต้องแบกตัวเองและพ่วงเค้าไว้ด้วย เหมือนเรากำลังปีนขึ้นหน้าผาที่มีเค้าผูกห้อยติดไว้ ถ้าเราไม่ไหวเราก็อาจจะตกลงไปตายได้ทั้งคู่ คนรักกันควรจะเกื้อหนุนกันไม่ใช่ฉุดกันลงอย่างนี้
ต้องขออภัยหากยาวไปหรือสะกดคำใดๆผิด อาจจะพิมพ์วกไปวนมาซักหน่อย มีศัพท์แสลงบ้าง และขอบคุณทุกคนล่วงหน้าที่สละเวลาเข้ามาอ่านและตอบนะคะ เรายินดีรับฟังทุกความเห็นค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(เจ้าของกระทู้)
แสดงความคิดเห็น
แฟนไม่เอาไหน เราทำให้เค้าทุกอย่าง แต่เค้ากลับไม่ดูแลในวันที่เราจน
ปัญหาที่อยากจะปรึกษามันอยู่ตรงนี้ค่ะ แฟนเราเป็นคนที่ “ไม่เอาไหน” เลยค่ะ อย่างเช่น
ขี้เกียจและไม่มีระเบียบ = ขี้เกียจอ่านหนังสือ ขี้เกียจทำรายงาน ทำการบ้าน ทำทุกๆอย่างด้วยตัวเอง (ปัด กวาด เช็ด ถู ซักผ้า ล้างจาน) เราต้องคอยบอกให้ทำเสมอค่ะ แต่เราไม่ไปนั่งจ้ำจี้จ้ำไชนะคะ คือเราพูดเฉยๆ เค้าก็จะทำค่ะ แต่ถ้าไม่มีคนกระตุ้นเค้าก็จะไม่ทำ ทำไปได้ซักพักก็กลับไปนั่งเล่น นอนเล่น เล่นมือถือเหมือนเดิม เราก็จะถามว่า “ทำเสร็จแล้วหรอ” เค้ามักจะตอบว่า “แป๊บนึงดิ” “พักเหนื่อย” หรือ “เออ รู้แล้ว” ประมาณนี้ เวลาเราไปห้องเค้า เราต้องทำทุกๆอย่างให้ ซักผ้า ตากผ้า กวาดห้อง เก็บห้อง จนหลังๆเราเริ่มเบื่อแล้วค่ะ เพราะทำให้กี่ทีก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เราเลยปล่อยเลยตามเลย (ขนาดที่นอน เราต้องมาปัดให้ ปูให้ใหม่ตลอด เพราะเค้านอนเละมาก นอนยังไงไม่ทราบให้ผ้าปูหลุดทุกครั้ง ถ้าหากเราไม่ทำ เค้าก็จะนอนทับไปเลยค่ะ คือไม่ปูไม่สนใจ) จานชามกินเสร็จก็ทิ้งไว้จนแมลงสาบเต็มห้อง ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่มี, ขนมกินไว้ก็เปิดห่อทิ้งไว้ตลอดเวลา ถ้าเราไม่หาอะไรมามัดปากถุงให้ ก็กินมันอยู่อย่างนั้นล่ะค่ะจนหมด อันนี้แค่ตัวอย่างนะคะ
เรื่องที่เรารู้สึกว่ามันมากเกินแล้วคือ เมื่อช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เราเริ่มทำโปรเจคแล้วค่ะ เราต้องอ่านงานวิจัยทั้งไทยและอังกฤษเป็นร้อยๆงานวิจัย (คือเรากับเค้าเรียนเอกเดียวกัน ปีเดียวกัน เราเลยรู้สึกสบายที่สุดค่ะถ้าได้คู่กับเค้า เพราะเป็นแฟนกัน สนิทกันที่สุด ถ้าเราสองคนต้องการอะไรเราสามารถคุยกันตรงๆได้ อีกอย่าง ถ้าเราไม่คู่กับเค้า เราก็ไม่รู้เค้าจะคู่กับใครค่ะ เพราะเพื่อนสนิทเค้าที่เป็นผู้ชายอยู่คนละเอกกันหมด ส่วนเพื่อนผู้หญิงเค้าในเอกก็มีคู่อยู่แล้ว ตัวเรามีเพื่อนคนอื่นอีก2-3 คนมาถามจะจับคู่ด้วยค่ะ แต่เราเลือกเค้า หลักๆเลยเราเป็นห่วงเค้าเพราะความไม่เอาไหนของเค้านี่แหละค่ะ) เอาง่ายๆนะคะ ทั้งรูปเล่มProposalและสไลด์พรีเซ้นต์ก่อนจบปี3 เราเป็นคนทำเองทั้งสิ้น 90% ค่ะ เพราะเค้าทำงานชุ่ยมาก ทำมาเราก็ต้องมาตามอ่านตามแก้ตลอด และทั้งๆที่ยืนฟังอ.พร้อมกัน แต่เค้ากลับรู้ไม่เท่าเรา คือแทบไม่รู้อะไรเลย ตอนพรีเซ้นต์เราเลยมอบหมายให้เค้าพรีอะไรง่ายๆเช่น วัตถุดิบที่ใช้ หลักหารง่ายๆ และเครื่องมือการทดลองค่ะ แต่สัดส่วนการพูดพอๆกันนะคะ เพราะถ้าให้เรานั่งอธิบายงานวิจัยเป็นร้อยๆที่เราอ่านไป เพื่อให้เค้าเข้าใจและบรรลุ มันคงไม่ทัน อีกอย่างทักษะการพรีเซ้นต์เราเก่งเป็นอันดับต้นๆของเอกค่ะ เราพูดเก่งและพูดชัดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เราไม่ตื่นเต้นเพราะเราทำกิจกรรมมาตั้งแต่เด็กๆ เราเคยประกวด,เป็นตัวแทนโรงเรียนในงานต่างๆเป็นร้อยๆงาน อีกทั้งเราเป็นเชียร์ลีดเดอร์คณะ และเคยเป็นนักร้องนำไปประกวดงานต่างๆค่ะ ส่วนเค้าจะตื่นเต้นค่ะ ตอนพรีเซ้นต์พูดเร็วมาก จนเพื่อนๆต้องเอาใจช่วย พูดอย่างกับแร็ป 555+ เราก็ไม่ได้โกรธอะไรเค้านะคะ เพราะเราคิดว่ามันเป็นความน่ารักของเค้า
แต่กว่าจะผ่านมาได้มันไม่ง่ายเลยนะคะ เราร้องไห้บ่อยมาก เพราะต้องทำทุกอย่างคนเดียวแทบทั้งหมด เราเหนื่อย เราท้อ ทำคนเดียวไม่พอ ยังชอบทะเลาะกันอีก เค้าเป็นคนที่ชอบเถียงและคิดว่าตัวเองถูก เราก็เช่นกันค่ะ พอตกลงกันไม่ได้ เลยทำให้มันยากขึ้นไปอีก อย่างเช่น เราบอกว่า อย่าเอาตัวหนังสือมาใส่สไลด์เยอะๆ มันจะดูหน้าเบื่อ อ่านให้เข้าใจและสรุปใส่แค่ใจความสำคัญพอ ใส่รูปบ้าง ไม่ใช่อัดความรู้มายาวเป็นพรืด เค้าก็เถียงว่า มันไม่สำคัญตรงไหน คือเค้าไม่เข้าใจอ่ะค่ะ มันเลยไม่จบซักที
มีครั้งนึงเรานั่งทำรูปเล่มโปรเจคอยู่ วันรุ่งขึ้นจะส่ง หอเราไม่มีไวไฟค่ะ คอมก็เก่า เราเลยมาใช้คอมเค้า เค้าไม่ช่วยไม่เป็นไรค่ะ แค่นั่งเป็นกำลังใจให้กันก็พอ ตอนนั้นประมาณ 4 ทุ่ม เพื่อนต่างเอกของเค้ามีเรื่องค่ะ จะไปเคลียร์กันที่มหา’ลัย (คือหอสมุดม.ช่วงนั้นปิดดึกเพราะใกล้สอบ) เคลียร์หมายถึงพูดคุยกันนะคะ ปัญญาชนไม่ต่อยตบตี 5555+ เค้าก็ออกตัว จะไปด้วยๆ ทั้งๆที่เพื่อนเค้าบอกว่า “มันเป็นเรื่องที่เกิดในเอก
นอกจากนี้แฟนเรายังคิดอะไรเองไม่เป็น ชอบตามคนอื่น(คือทำตามคนอื่นโดยที่ไม่คิดก่อนว่ามันดีหรือไม่ดี ควรหรือไม่ควร, ตามใจคนอื่นมากไป) ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเอง เป็นต้น ต่างจากเราที่ทำอะไรตามใจตัวเอง ทำในสิ่งที่คิดแล้วว่ามันควร มันถูก เราไม่ทำอะไรตามคนอื่นค่ะ เราไม่ตามกระแส เราไม่เชื่ออะไรง่ายๆจนกว่าสิ่งนั้นจะได้รับการพิสูจน์ (เค้าชอบเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลังค่ะ ส่วนเราไม่เลย เราหัวสมัยใหม่เกินไป แต่เราไม่ได้ลบหลู่คนอื่นนะคะ ถึงเราเป็นคนไม่ค่อยเชื่ออะไร แต่เราเคารพความเชื่อคนอื่นเสมอค่ะ) นี่แหละค่ะคือข้อเสียของเรา เรามั่นใจในตัวเองมากเกินไป คิดว่าตัวเองถูกเสมอ
เราอยู่ด้วยการดูแลตัวเอง รับผิดชอบตัวเอง และดูแลคนอื่นรอบๆตัวมาตลอด (เราเป็นลูกคนโตค่ะ เราเลยนิสัยเหมือนพ่อมาก แม่ทิ้งไปตั้งแต่เรา 8 ขวบ เราต้องรับผิดชอบบ้านและดูแลทุกคนตั้งแต่นั้นมาตลอด เรามีน้องสาวอีก 2 คนค่ะ) เราเริ่มรู้สึกว่าเราดูแลเค้าจนเหนื่อยมากๆๆๆ มันเบียดเบียนทุกอย่างในชีวิตเราไปหมด เราเรียนแย่ลง มีเวลาให้ตัวเองน้อยลง เพราะต้องมาคอยนั่งดูแลเค้า แต่ถามว่ายินดีไหม ยินดีค่ะ เพราะเรารักเค้ามาก และเค้าดีกับเรา เค้าดีตามที่เราต้องการ เค้าไม่โกหก ไม่มีความลับ ไม่เคยมีคนอื่น เค้าอ่อนโยนกับเรา คอยรับฟังเราในวันที่เราไม่มีใคร แค่นี้แหละค่ะคือสิ่งที่เราต้องการ
ตอนมัธยมเราเคยมีแฟนคนหนึ่งค่ะ เก่งมาก เก่งกว่าเราทุกอย่าง มีระเบียบมากกว่า ขยันมากกว่า คิดเก่งกว่า รอบคอบกว่า เรียนเก่งได้ที่ 1 ของระดับชั้นตั้งแต่ ม.1-6 ตอนนี้เรียนวิศวะอยู่มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง แฟนคนนั้นรักเรามากเหมือนกัน แต่เค้าเป็นคนไม่รู้จักพอค่ะ ไม่รู้ว่ารักแบบไหน แอบมีคนอื่นตลอดเวลาที่คบกัน แต่เราเป็นที่1เสมอนะคะ ถ้าเราจับได้ เค้าก็จะเลิกแต่หาคนใหม่คุยไปเรื่อยๆอยู่ดี จนเราต้องพอและบอกเลิกเค้าเอง เค้าตามง้อเราอยู่ 2 ปีค่ะ แต่เราเป็นคนที่จบแล้วคือจบ เราจะทน เราทนได้มากๆ แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง เราจะไม่หวนกลับไปอีกแล้ว ตอนนี้พอมีแฟน เราเลยไม่ขอให้แฟนของเราดีอะไรเลย นอกจากรักเราคนเดียวก็พอ เท่านั้นจริงๆค่ะ
แต่แฟนปัจจุบันเราเริ่มเปลี่ยนไป แฟนเราแอบไปเที่ยวผับกับเพื่อน(ทั้งๆที่ไม่เคยเข้าผับมาเลยทั้งชีวิต) โดยที่เราไม่รู้ เพราะเราไม่เคยเช็คเค้าค่ะ เราไว้ใจเค้า พอเราจับได้ มันจุกเหมือนกันค่ะ เค้าหลอกว่าเล่นเกมบ้าง เผลอหลับไปบ้างเลยไม่ได้คุยกัน เราก็เชื่อค่ะ เพื่อนกลุ่มเค้าเป็นคนเที่ยวผู้หญิงค่ะ ซื้อหญิงขายบริการบ้าง (อันนี้แฟนเล่าให้เราฟังเองเลยนะคะ) ต้องบอกก่อนว่า ปกติแฟนเราเวลาไปกินเหล้ากับเพื่อน เค้าจะบอกตลอดค่ะ บอกว่าจะไปที่ไหน จะกลับแล้วก็จะบอก ช่วงเวลาที่เค้าอยู่กับเพื่อนไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง เราไม่เคยรบกวนเวลาของเค้าค่ะ เราจะรอให้กลับมาเค้ามาเล่าเอง ถ้าไม่เล่าก็ไม่เป็นไร เราให้ช่องว่างและให้เกียรติกันเสมอ แต่พอไปเที่ยวผับ เค้าไม่เคยบอกเลยค่ะ ปิดเรามาได้เป็นเดือน เก่งจริงๆ เรื่องนี้จบไปค่ะ เรายังคงเชื่อใจเค้าอยู่ว่าเค้าคงแค่อยากไปเที่ยวกับเพื่อนเฉยๆ เค้าคงไม่ทำอะไรไม่ดีหรอก อีกอย่างเราคิดว่า ในเมื่อเค้าไปมาแล้ว เราไปว่าหรือหาเรื่องทะเลาะมันก็ไม่ช่วยอะไรอยู่ดี แต่เราเลยบอกเค้าว่า งั้นมาทำความตกลงกันใหม่ ถ้าคุณอยากทำแบบนี้ ต่อไปนี้จะไปไหนไม่ต้องรายงานกันทุกอย่างทั้งสองฝ่าย สะดวกใจจะบอกก็บอก ไม่บอกก็ไม่เป็นไร เราจะไม่โกรธกัน แบบนี้โอเคไหม? เค้าบอกเค้าไม่โอเคค่ะ เค้าบอกว่า ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะเป็นคนคบกันได้ยังไง เราบอกว่า ได้สิ ก็เธอทำมาแล้วไง เค้าก็โมโหฟึดฟัดค่ะ บอกว่า ขอโทษ ต่อไปจะบอก แล้วก็พูดคำเดิมๆว่า ที่ไม่บอกเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง เค้าอ้างว่าเราไม่เชื่อใจเค้าค่ะ ตลกดี
มาถึงช่วงฝึกงาน เรากับแฟนได้รับงานคนละแผนก แต่บริษัทเดียวกัน เค้าได้รับหน้าที่ของเค้า แต่เค้ากลับส่งงานวิจัยมาแล้วบอกว่าให้เราแปลให้หน่อย เราก็งงเลยค่ะ แต่คราวนี้เราจะไม่ช่วยเค้าแล้ว เราบอกว่า “ไม่! เธอต้องทำด้วยตัวเอง ถ้าเธอทำเธอก็ได้เอง เราทำให้มันจะมีความหมายอะไร” เราอยากให้เค้าเรียนรู้บ้างค่ะ ว่าเมื่อถึงเวลาจริงๆ มันไม่มีใครที่จะทำอะไรให้เค้าไปได้ตลอดชีวิตหรอก
อีกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้สถานการณ์ทางบ้านเราค่อนข้างแย่ค่ะ รายจ่ายเยอะมาก ช่วงนี้บ้านเราขัดสนมากเลยค่ะ ต่างจากตอนที่เรากับเค้าคบกันแรกๆ เพราะแม่เราไปมีสามีใหม่อยู่ที่อังกฤษ มีงานร้านอาหารไทย ส่งเงินมาให้เราใช้ได้เยอะมาก เมื่อก่อนเราใช้เงินเดือนละ 4-5 หมื่น รวมค่าเช่าคอนโดใจกลางเมืองใกล้มหาลัยเดือนละ 15,000 บาท เราใช้เงินเป็นเบี้ยเลยค่ะ ประมาณวันละหนึ่งพันบาท โดยไม่มีภาระหนี้สินอะไรเลย แต่เราไม่ได้ซื้อของแบรนด์เนมเลยนะคะ คือหมดไปกับมื้ออาหารแพงๆและพาน้องไปเที่ยว เพราะน้องไม่มีโอกาสเหมือนเราค่ะ น้องอยู่บ้านกับพ่อ ส่วนเราอยู่คอนโด บอกตรงๆตอนนั้นเราเด็กมากค่ะ เราไม่เคยอยู่ในเมือง ไม่เคยมีเงินอยู่ในมือเยอะขนาดนี้ เราใช้เงินไม่เป็น คิดแต่ว่ายังไงพ่อกับแม่ก็ต้องมีเงินให้เราตลอด มาคิดตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว ร้านอาหารไทยที่แม่เราทำงานปิดลงค่ะ แม่เราเป็นหญิงไทยที่การศึกษาหยุดอยู่แค่ ป.6 มีแฟนฝรั่ง พูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษยังเก่งไม่เท่าเราเลยแม้ไปอยู่อังกฤษนานหลายปี แม่ไม่มีความรู้ด้านใดเลยนอกจากทำงานบ้าน ทำอาหาร จนถึงทุกวันนี้ แม่ก็ยังคงไม่มีงานทำค่ะ ประมาณเกือบปีแล้ว เราต้องย้ายหอออกมาอยู่หอหญิงเดือนละ 2 พันกว่า ใช้ห้องน้ำรวม ห้องแคบเท่ากับเรากางแขนออกมา 2 ข้าง