Just Love Good Food - "แมงดาทะเล" เลีอดสีฟ้า ที่ช่วยชีวิตคน
แมงดาเป็นสัตว์ที่อยู่คู่โลกเรามาถึง 400 ล้านปีแล้ว
เกิดมาก่อนยุคไดโนเสาร์จะเป็นพระเอกซะอีก
แมงดานี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เลือดของมันเป็นสีฟ้าเพราะว่ามี Copper อยู่มาก
และเลือดสีฟ้าของมันนี่แหละ สามารถช่วยชีวิตคนได้มหาศาลเลยครับ
ผมขอเล่าย้อนกลับไปเมื่อ 60 ปีที่แล้วก่อน
ตอนนั้น มีคนพบการตายของแมงดาทะเลโดยไม่ทราบสาเหตุ
ทีมแพทย์นำโดย Dr. Frederick Bang จึงพยายามหาสาเหตุการตายของแมงดาทะเล
ปกติแล้วแมงดาจะมีเลือดเป็นของเหลว สีฟ้า
"แต่ทำไมเลือดที่ตรวจพบเป็นของแข็ง จับกันเป็นก้อน มันเกิดอะไรขึ้นกับแมงดา !?"
วิจัยอยู่ซักพักก็ค้นพบว่า สาเหตุการตายของแมงดาคือติดเชื้อแบคทีเรีย E.Coli
เมื่อเลือดของแมงดาโดนเชื้อแบคทีเรียเข้า จะทำปฎิกริยากัน ทำให้เลือดเป็นของแข็ง จับกันเป็นก้อน!

Dr. Frederick Bang
E.Coli เชื้อแบคทีเรียที่เคยระบาด จนคร่าชีวิตคนเยอรมันไปเมื่อปี 2554 นั่นแหละครับ
E.Coli จะทำให้อาหารเป็นพิษ ท้องร่วง อุจจาระร่วง ถ้าได้รับมากๆก็ทำให้เสียชีวิตได้เลย
เลือดแมงดานี้เมื่อโดนเชื้ออย่าง E.Coli, Salmonella, Fungi จะแข็งจับกันเป็นก้อน
ก็แปลว่าคุณสมบัติสุดยอดของเลือดแมงดาคือ "ตรวจจับเชื้อโรคได้ว่า อาหารชนิดไหนมีเชื้อ ชนิดไหนไม่มีเชื้อนั่นเอง"
นี่คือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ ที่จะพัฒนาวงการแพทย์ให้ดีขึ้นได้เลยครับ
นักวิจัยเลยสกัดสารที่ได้จากเลือดแมงดาออกมา สารตัวนี้ชื่อว่า "Limulus Amebocyte Lysate (LAL)"
และตอนนี้ LAL ใช้ในโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบเชื้อ E.Coli, Salmonella, Fungi ก่อนใช้วัคซีน และอุปกรณ์การแพทย์ครับ
ทั้งนี้เพื่อผู้ป่วยจะได้ปลอดภัยจริงๆ
ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์เลยจับแมงดาทะเล เพื่อนำเลือดมาใช้
ระยะเวลาการนำเลือดออกมาใช้เวลาประมาณ 1-3 วัน ซึ่งหลังจากนำเลือดออกมาจะปล่อยลงสู่ทะเล
แมงดาจะใช้เวลาเพื่อฟื้นฟูประมาณ 1 อาทิตย์แล้วจะกลับมาเหมือนเดิม
แต่ก็มีเรื่องน่าเศร้าที่แมงดาจะตายตอนนำเลือดออกมาคิดเป็น 10-15% ของทั้งหมดเลยทีเดียว
แมงดาเป็นสัตว์ที่อัศจรรย์มากครับ การที่เลือดแข็งตัวนั้นเป็น Process การปกป้องตัวเองของแมงดา
เมื่อแมงดาเกิดบาดแผล เชื้อโรคอย่าง E.Coli จะเข้ามาทางบาดแผลนั้น
แต่พอเชื้อโรคสัมผัสกับเลือดแมงดา ก็จะแข็งตัว สุดท้ายก็สมานแผลได้ในที่สุด
เป็นสัตว์ 400 ล้านปีที่มีคุณสมบัติน่าทึ่งจริงๆครับ
นี่อาจเป็นเคล็ดลับที่มันอยู่ได้นานเป็นล้าน ล้านปีโดยไม่สูญพันธุ์ก็เป็นได้ครับ
ติดตามเรื่องราวอาหารดีๆได้ที่ Facebook ผมนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://goo.gl/5vwBKD
[Food] - "แมงดาทะเล" เลือดสีฟ้า ที่ช่วยชีวิตคน
แมงดาเป็นสัตว์ที่อยู่คู่โลกเรามาถึง 400 ล้านปีแล้ว
เกิดมาก่อนยุคไดโนเสาร์จะเป็นพระเอกซะอีก
แมงดานี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เลือดของมันเป็นสีฟ้าเพราะว่ามี Copper อยู่มาก
และเลือดสีฟ้าของมันนี่แหละ สามารถช่วยชีวิตคนได้มหาศาลเลยครับ
ผมขอเล่าย้อนกลับไปเมื่อ 60 ปีที่แล้วก่อน
ตอนนั้น มีคนพบการตายของแมงดาทะเลโดยไม่ทราบสาเหตุ
ทีมแพทย์นำโดย Dr. Frederick Bang จึงพยายามหาสาเหตุการตายของแมงดาทะเล
ปกติแล้วแมงดาจะมีเลือดเป็นของเหลว สีฟ้า
"แต่ทำไมเลือดที่ตรวจพบเป็นของแข็ง จับกันเป็นก้อน มันเกิดอะไรขึ้นกับแมงดา !?"
วิจัยอยู่ซักพักก็ค้นพบว่า สาเหตุการตายของแมงดาคือติดเชื้อแบคทีเรีย E.Coli
เมื่อเลือดของแมงดาโดนเชื้อแบคทีเรียเข้า จะทำปฎิกริยากัน ทำให้เลือดเป็นของแข็ง จับกันเป็นก้อน!
Dr. Frederick Bang
E.Coli เชื้อแบคทีเรียที่เคยระบาด จนคร่าชีวิตคนเยอรมันไปเมื่อปี 2554 นั่นแหละครับ
E.Coli จะทำให้อาหารเป็นพิษ ท้องร่วง อุจจาระร่วง ถ้าได้รับมากๆก็ทำให้เสียชีวิตได้เลย
เลือดแมงดานี้เมื่อโดนเชื้ออย่าง E.Coli, Salmonella, Fungi จะแข็งจับกันเป็นก้อน
ก็แปลว่าคุณสมบัติสุดยอดของเลือดแมงดาคือ "ตรวจจับเชื้อโรคได้ว่า อาหารชนิดไหนมีเชื้อ ชนิดไหนไม่มีเชื้อนั่นเอง"
นี่คือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ ที่จะพัฒนาวงการแพทย์ให้ดีขึ้นได้เลยครับ
นักวิจัยเลยสกัดสารที่ได้จากเลือดแมงดาออกมา สารตัวนี้ชื่อว่า "Limulus Amebocyte Lysate (LAL)"
และตอนนี้ LAL ใช้ในโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบเชื้อ E.Coli, Salmonella, Fungi ก่อนใช้วัคซีน และอุปกรณ์การแพทย์ครับ
ทั้งนี้เพื่อผู้ป่วยจะได้ปลอดภัยจริงๆ
ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์เลยจับแมงดาทะเล เพื่อนำเลือดมาใช้
ระยะเวลาการนำเลือดออกมาใช้เวลาประมาณ 1-3 วัน ซึ่งหลังจากนำเลือดออกมาจะปล่อยลงสู่ทะเล
แมงดาจะใช้เวลาเพื่อฟื้นฟูประมาณ 1 อาทิตย์แล้วจะกลับมาเหมือนเดิม
แต่ก็มีเรื่องน่าเศร้าที่แมงดาจะตายตอนนำเลือดออกมาคิดเป็น 10-15% ของทั้งหมดเลยทีเดียว
แมงดาเป็นสัตว์ที่อัศจรรย์มากครับ การที่เลือดแข็งตัวนั้นเป็น Process การปกป้องตัวเองของแมงดา
เมื่อแมงดาเกิดบาดแผล เชื้อโรคอย่าง E.Coli จะเข้ามาทางบาดแผลนั้น
แต่พอเชื้อโรคสัมผัสกับเลือดแมงดา ก็จะแข็งตัว สุดท้ายก็สมานแผลได้ในที่สุด
เป็นสัตว์ 400 ล้านปีที่มีคุณสมบัติน่าทึ่งจริงๆครับ
นี่อาจเป็นเคล็ดลับที่มันอยู่ได้นานเป็นล้าน ล้านปีโดยไม่สูญพันธุ์ก็เป็นได้ครับ
ติดตามเรื่องราวอาหารดีๆได้ที่ Facebook ผมนะครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้