สวัสดีคะเพื่อนพันทิป
เป็นครั้งแรกที่อยากแชร์เรื่องราวความรักที่เราเองไม่เคยคิดว่าจะได้เจอ และหลายๆคนอยากเจอ "รักแท้" คำ2คำนี้ เราเชื่อว่าถ้าใครได้เจอมันมีความสุขมากๆคะ เริ่มต้นเรื่องเลยนะคะ หากใช้คำพูดสับสนยังไงขออภัยด้วยนะคะ
เราอกหักจาก ผช คนนึงที่รักกันมา4 ปี หักหลังเราด้วยการไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่น และเลิกรากันไป ด้วยความที่ทั้งแค้นและรักจึงอยากแก้แค้น ผช คนนี้จึงอยากทำให้เค้าเจ็บปวดด้วยการไล่แอดเพื่อนของเค้าหวังที่จะคบกับเพื่อนของเค้า เพื่อให้เค้ารู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่ทำกับฉันไว้ เหมือนหนังเลยเนอะ555แต่ไม่คิดเลยว่า มันจะทำให้ฉันได้เจอกับรักแท้ เราแอดเฟสบุค ผช คนนึงชื่อ เอ เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนของแฟนเก่า และแชทเข้าไปคุยปฏิบัติการจีบซะเลย ด้วยความที่มั่นใจตัวเองมาก คิดว่าเออเราก้อหน้าตาใช้ได้ เค้าน่าจะชอบนะ แรกๆก้อคุยไป ผช ก้อถามคำตอบคำ แหม่ มันยิ่งทำให้ท้าทายนะ เล่นตัวจริงเว้ย เอ เป็น ผช ไม่ได้หล่ออะไร แต่เป็นคนตัวใหญ่มาก และเป็นคนชอบถ่ายรูป ถ่ายรูปสวยมาก เราดูๆไปก้อเออดีนะ แต่ยังไม่ได้คิดอะไรมากกว่าการแก้แค้น สุดท้าย เอ ชอบเราจริงๆ แต่สิ่งที่เราไม่เคยรู้เลย คือ ผช คนนี้เป็นมะเร็ง!! หลังจากคุยกันทุกวัน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ความรู้สึกที่จะแก้แค้นแฟนเก่าก้อหายไป แต่เราได้มิตรภาพของเพื่อนคนนึง ระหว่างที่คุยกับเอนั้น เอบอกแค่ว่า เอไม่ได้ทำงานแล้วเอเป็นโรคเนื้องอกที่ลำไส้ เราเองก้อคิดว่าแค่เนื้องอก มันไม่อันตรายอะไร เพราะใครๆก้อเป็นตัดออกก้อหาย เอบอกว่ามันไม่สามารถตัดได้ เพราะมันเป็นแบบกระจาย ต้องกินยา เราเองก้อไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่หลายๆครั้งเอมักจะขึ้นสเตตัส เหมือนคนใกล้จะตาย ท้อแท้ในชีวิต เราเองก้อคอยให้กำลังใจ เพราะเหมือนเพื่อนคนนึง เอมักจะเล่าเรื่องราวในชีวิตตัวเองให้เราฟัง ยิ่งฟังเราก้อยิ่งเห็นใจ เอบอกเราว่าเค้าไม่เคยมีแฟน เคยชอบเพื่อนคนนึงแต่เพื่อนไม่ชอบ แต่เค้าก้อรักไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าเพื่อนจะไม่ชอบ เอเคยมี ผญ มาคุยๆคบๆบ้างแต่ก้อหายจากกันไป เค้ามักจะตัดพ้อตัวเองว่าคนอย่างเค้ามันไร้ค่า ไม่มีใครมารักหรอก อยู่แค่รอวันตาย!!! เราเองไม่เคยเจอหน้าเอเลย แค่คุยแค่แชทกันในเฟสปกติ เพราะตอนนั้นไลน์ยังไม่มี และวันนึงเราก้อตัดสินใจขอคบเอเป็นแฟน เอบอกเราว่าเค้าดีใจและตื่นเต้นมากเค้าไม่คิดว่าเราจะขอเค้าเป็นแฟนเราก้อไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกไหมหรือเค้าจะดีจริงรึป่าว แต่เรารู้สึกได้ว่าเค้าเป็น ผช ที่ดีคนนึง และเราก้อนัดเจอกัน วันแรกที่เราเจอเอ เค้าเป็น ผช ตัวใหญ่มากเดิน ขเยกๆมาเราถามเอว่าเจ็บเท้าเหรอ เค้าบอกใช่เพราะเค้ากินยามันผลมาถึงเท้าเค้า เราไม่รู้หรอกว่า ผลของยามันร้ายแรงมาก เรียกว่าลอกหนังเท้าออกมาได้เลย เห็นเป็นหนังแดงๆ เอไม่เคยให้เราดู เราคิดว่าแค่เล็กน้อย เอเป็น ผชที่ไม่ได้หล่ออะไร เอเป็น ผชที่สุภาพมากไม่จับมือ ให้เกียรติเรา จนเราเองต้องเอามือไปจับเค้า เอเขินและอายมากจับมือเราแน่น เออยู่จ.ระยอง จะพยายามขับรถมาหาเราทุกอาทิตย์ เอบอกเอไม่ค่อยขับรถมานานแล้ว เพราะเจ็บเท้า จะนั่งรถทัวร์มากกว่า แต่เอก้อหันมาขับรถอีกเพราะอยากเข้ามาหาเราที่กรุงเทพบ่อยๆ เอต้องมาหาหมอที่รพ.รามาตลอดแต่เอไม่เคยเล่าเรื่องราวความเจ็บปวดให้เราฟัง เค้าเป็น ผช เข้มแข็งมาก ทุกอย่างดำเนินไปเราเริ่มเข้าไปอยู่ในเรื่องราวของชีวิตเค้ามากขึ้น จากที่เราไม่รู้เราเริ่มรับรู้ถึงเวลาที่เค้าต้องทำการรักษา เอเริ่มเปิดเท้าให้ดูเราเห็นครั้งแรกเราตกใจมาก หนังที่เท้าลอกออกมาเป็นแผ่นๆ เราเริ่มเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงเจ็บมาก ไปนั่งคอยเวลาที่เอต้องเติมเลือดเพราะเค้าซีด เริ่มรับรู้ว่าเค้าเป็นมะเร็งที่ตับและรามมาที่ลำไส้ แต่เอบอกเราว่าเป็นเนื้องอกที่ลำไส้ เพื่อให้เราสบายใจ ทุกครั้งที่ไปนอนเติมเลือดเราจะไปให้กำลังใจเค้าคอยถามว่าเจ็บไหม เอไม่เคยบอกว่าเจ็บ ไม่เคยบอกว่าปวด ทุกคำที่พูดจะพูดแต่ให้เราสบายใจเอต้องเข้าอุโมงค์ ต้องกินแป้ง ทั้งๆที่รสชาติมันสุดอ้วก เอเกลียดการมา รพ. แต่เอต้องสู้เพื่ออยากหายจากการเจ็บป่วย เราเคยไปหาหมอกับเอและพยายามถามว่ามีวิธีอื่นที่รักษาได้ไหม ตัดได้ไหม หมอก้อบอกว่าในเคสเอ เป็นเคสสตัสดี้ ไม่ค่อยมีใครเป็น ยาที่รักษาเอนั้นเป็นยานำเข้า โชคดีที่เอได้รับเหมือนประมาณทุน หรือโควต้าอะไรประมาณนี้ เลยได้รักษาฟรี ซึ่งมันไม่ต่างจากการที่เอเป็นหนูทดลองยาเลย เพราะทุกครั้งที่เปลี่ยนยา เอฟเฟ็คของยามีผลต่อร่างกายของเอมากๆ แต่ทำไงได้เมื่อมันไม่มีทางรักษา ก้อต้องรับยาที่บรรเทาอาการไป เราไม่เคยรู้เลยว่าเอเป็นโรคนี้มา 4 ปี แล้ว คนรอบๆตัวเอรับรู้ความเจ็บปวดของเอมาตลอด มีเพียงเราที่เพิ่งเค้ามาในชีวิตของเค้าเพิ่งรับรู้เรื่องราวความเจ็บปวด แรกๆเราเสียใจนะ เราพยายามหาทุกทางที่อยากให้เอหาย หาโน่นนี่ อาหารชีวจิต กินใบไม้ที่ว่าแก้โรคมะเร็ง รวมถึงน้ำป้าเช็ง ยิ่งทำเอยิ่งแย่ เรายิ่งเสียใจ เอเข้าใจเรา เอพูดกับเราว่าเอเข้าใจในสิ่งที่เราทำเพราะเค้าผ่านจุดนั้นมาแล้ว แม่และน้องก้อสรรหาทุกอย่างมาให้เขา แต่เค้าอยากให้เรายอมรับ เค้าไม่มีทางที่จะรักษาได้ เอพูดตอนที่ขับรถมาส่งเราที่บ้าน เราน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาหมด และกอดเอไว้ เราไม่อยากให้เค้าตาย เราอยากให้เค้าอยู่กับเรา วันเวลาผ่านไปเราบอกเอว่าเราจะทำทุกๆวันให้มีค่า เราจะดูแลเอให้ดีที่สุด เพื่อนเราเคยพูดกับเราว่าเรามีโอกาสและน่าจะเจอคนที่ดีกว่านี้ เอาเวลาไปอยู่กับคนที่มีอนาคตกว่านี้ไม่ดีเหรอ เราก้อนิ่งๆไม่ตอบอะไร เราเข้าใจเพื่อนเรานะ แต่เราก้ออยากดูแลคนที่เรารักให้ดีที่สุด ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเรารักเอ อย่างเต็มหัวใจ ทุกๆวันเอจะโทรหาเราทุกเช้าคุยกันจนเราเข้างาน พักกลางวัน ตอนเย็นเลิกงาน จนเราไม่เคยรู้สึกว่าเราห่างกัน เติมเต็มกันและกัน เราชวนเอไปทะเล เพราะเอชอบ ชอบถ่ายรูป เราไปเที่ยวด้วยกันเพราะเราไม่รู้ว่าเอจะมีโอกาสไปบ่อยไหม เอบอกว่าเอไม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดนานมาก เพราะไม่รู้จะไปกับใคร ไปทำไมเพราะชีวิตมันหมดความหวัง แต่เพราะมีเราชีวิตเค้ามีความหมายขึ้นมา มีความหวัง อยากกลับมาทำงาน อยากมีเงิน จริงๆครอบครัวเอมีฐานะพอสมควร แม่เอจะคอยดูแลเอตลอด แต่เพราะเอมีความหวังในชีวิตเลยอยากกลับมาทำงาน เอจบวิศวมาแต่ก่อนจะทำงานกับรุ่นพี่ แต่พอเจ็บป่วยก้อเลยต้องออกจากงานมาเพื่อรักษาตัว ไม่ได้ทำงานอีก เอกลับไปขอรุ่นพี่ทำงานอีกครั้ง รุ่นพี่เข้าใจและให้ทำและบอกเอว่า ทำแค่พอทำไหวนะ เพราะเค้ารู้ถึงสภาพว่าเอคงทำอะไรไมได้เยอะ เพราะเออยากมีเงิน อยากแต่งงาน เราก้อไม่ได้คัดค้านอะไร แต่ด้วยความห่วงของแม่เอแม่เลยเสนอให้ทำงานที่บ้านและจะให้เงินเดือน เอจึงทำงานที่บ้าน ระว่างนั้นเราก้อไปทะเลกันบ้างไปเที่ยวกันแค่ใกล้ เอมีความสุขมาก เอบอกอยากไปทะเลใต้ เราจึงหาแพคเกจไปเที่ยวกระบี่กัน เราก้อไปเที่ยวกันแบบเบาๆไม่แอดเวนเจออะไรกันมาก เอเดินช้ามาก เพราะต้องกินยา และผิวหนังที่เท้าก้อลอกออกมาแดงๆ ไม่ลอกแค่เท้านะคะ มือก้อลอก แต่เราเองก้อคอยประคับประคองเอตลอด ตอนที่เค้าจอดเรือให้ดำน้ำ เอบอกว่าเออยากดำน้ำ เราบอกว่าอยากดำก้อดำสิ ถ้าทำแล้วมีความสุขก้อทำ เอโดดลงน้ำ ดำผุดดำว่าย เอดูมีความสุขมากเราไม่เคยเห็นเค้ายิ้มแบบมีความสุขแบบนี้มาก่อน ระหว่างตอนเที่ยวเอก้อมีอาการปวดท้องบ้างเล็กน้อยแต่เอก้อไม่ค่อยแสดงออกให้เรารู้กลัวเราเป็นห่วง เพราะเราจะคอยถามตลอด ไหวไหมโอเครรึป่าว หลังกลับจากกระบี่เอเริ่มมีอาการมากขึ้นเริ่มต้องนอน รพ. ดีที่แม่เอทำประกันชีวิตไว้ ก้อเข้ารักษาตัวที่ รพ.เอกชน อยู่เป็นเดือน แม่เอคอยดูแลตลอด เรียกว่า รพ.เป็นบ้านหลังที่2 เราเองตอนนั้นก้อเทียวไปกลับชลบุรี ตลอด เอมักจะปวดท้อง เราก้อตื่นมาคอยดู แต่แม่เอจะดูแลไม่ห่าง เราเองเห็นคนที่เรารักเจ็บปวด เราก้อน้ำตารื้นทุกที เอมักจะจับมือเราและบอกว่าไม่เป็นไรนะเอไม่เจ็บ แต่ความจริงคือปวดมากมาย ก่อนเอจะนอน รพ.เอเคยโทรเข้าไปที่คลับฟายเดย์ เล่าเรื่องราวของเค้า และบอกรักเรา เราน้ำตาไหลพราก และทางรายการให้บัตรดูละครเวที เรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว เรื่องราวของ ผช ที่ตาย (มอส) ไปแล้วพยายามกลับมาหา ผญ (นิโคล เทริโอ) ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ อย่าติดกับคำสัญญา เพราะ ผญ ไม่กล้าเริ่มที่จะมีคนใหม่ ดูไปน้ำตาไหลไป มันเหมือนชีวิตเรา เราสัญญากันว่าเราจะรักเอตลอดไป ไม่ว่าชาติไหน
ู
รักแท้ที่ใครๆอยากเจอ แต่ฉันมั่นใจว่าฉันเจอมันแล้ว
เป็นครั้งแรกที่อยากแชร์เรื่องราวความรักที่เราเองไม่เคยคิดว่าจะได้เจอ และหลายๆคนอยากเจอ "รักแท้" คำ2คำนี้ เราเชื่อว่าถ้าใครได้เจอมันมีความสุขมากๆคะ เริ่มต้นเรื่องเลยนะคะ หากใช้คำพูดสับสนยังไงขออภัยด้วยนะคะ
เราอกหักจาก ผช คนนึงที่รักกันมา4 ปี หักหลังเราด้วยการไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่น และเลิกรากันไป ด้วยความที่ทั้งแค้นและรักจึงอยากแก้แค้น ผช คนนี้จึงอยากทำให้เค้าเจ็บปวดด้วยการไล่แอดเพื่อนของเค้าหวังที่จะคบกับเพื่อนของเค้า เพื่อให้เค้ารู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่ทำกับฉันไว้ เหมือนหนังเลยเนอะ555แต่ไม่คิดเลยว่า มันจะทำให้ฉันได้เจอกับรักแท้ เราแอดเฟสบุค ผช คนนึงชื่อ เอ เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนของแฟนเก่า และแชทเข้าไปคุยปฏิบัติการจีบซะเลย ด้วยความที่มั่นใจตัวเองมาก คิดว่าเออเราก้อหน้าตาใช้ได้ เค้าน่าจะชอบนะ แรกๆก้อคุยไป ผช ก้อถามคำตอบคำ แหม่ มันยิ่งทำให้ท้าทายนะ เล่นตัวจริงเว้ย เอ เป็น ผช ไม่ได้หล่ออะไร แต่เป็นคนตัวใหญ่มาก และเป็นคนชอบถ่ายรูป ถ่ายรูปสวยมาก เราดูๆไปก้อเออดีนะ แต่ยังไม่ได้คิดอะไรมากกว่าการแก้แค้น สุดท้าย เอ ชอบเราจริงๆ แต่สิ่งที่เราไม่เคยรู้เลย คือ ผช คนนี้เป็นมะเร็ง!! หลังจากคุยกันทุกวัน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ความรู้สึกที่จะแก้แค้นแฟนเก่าก้อหายไป แต่เราได้มิตรภาพของเพื่อนคนนึง ระหว่างที่คุยกับเอนั้น เอบอกแค่ว่า เอไม่ได้ทำงานแล้วเอเป็นโรคเนื้องอกที่ลำไส้ เราเองก้อคิดว่าแค่เนื้องอก มันไม่อันตรายอะไร เพราะใครๆก้อเป็นตัดออกก้อหาย เอบอกว่ามันไม่สามารถตัดได้ เพราะมันเป็นแบบกระจาย ต้องกินยา เราเองก้อไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่หลายๆครั้งเอมักจะขึ้นสเตตัส เหมือนคนใกล้จะตาย ท้อแท้ในชีวิต เราเองก้อคอยให้กำลังใจ เพราะเหมือนเพื่อนคนนึง เอมักจะเล่าเรื่องราวในชีวิตตัวเองให้เราฟัง ยิ่งฟังเราก้อยิ่งเห็นใจ เอบอกเราว่าเค้าไม่เคยมีแฟน เคยชอบเพื่อนคนนึงแต่เพื่อนไม่ชอบ แต่เค้าก้อรักไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าเพื่อนจะไม่ชอบ เอเคยมี ผญ มาคุยๆคบๆบ้างแต่ก้อหายจากกันไป เค้ามักจะตัดพ้อตัวเองว่าคนอย่างเค้ามันไร้ค่า ไม่มีใครมารักหรอก อยู่แค่รอวันตาย!!! เราเองไม่เคยเจอหน้าเอเลย แค่คุยแค่แชทกันในเฟสปกติ เพราะตอนนั้นไลน์ยังไม่มี และวันนึงเราก้อตัดสินใจขอคบเอเป็นแฟน เอบอกเราว่าเค้าดีใจและตื่นเต้นมากเค้าไม่คิดว่าเราจะขอเค้าเป็นแฟนเราก้อไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกไหมหรือเค้าจะดีจริงรึป่าว แต่เรารู้สึกได้ว่าเค้าเป็น ผช ที่ดีคนนึง และเราก้อนัดเจอกัน วันแรกที่เราเจอเอ เค้าเป็น ผช ตัวใหญ่มากเดิน ขเยกๆมาเราถามเอว่าเจ็บเท้าเหรอ เค้าบอกใช่เพราะเค้ากินยามันผลมาถึงเท้าเค้า เราไม่รู้หรอกว่า ผลของยามันร้ายแรงมาก เรียกว่าลอกหนังเท้าออกมาได้เลย เห็นเป็นหนังแดงๆ เอไม่เคยให้เราดู เราคิดว่าแค่เล็กน้อย เอเป็น ผชที่ไม่ได้หล่ออะไร เอเป็น ผชที่สุภาพมากไม่จับมือ ให้เกียรติเรา จนเราเองต้องเอามือไปจับเค้า เอเขินและอายมากจับมือเราแน่น เออยู่จ.ระยอง จะพยายามขับรถมาหาเราทุกอาทิตย์ เอบอกเอไม่ค่อยขับรถมานานแล้ว เพราะเจ็บเท้า จะนั่งรถทัวร์มากกว่า แต่เอก้อหันมาขับรถอีกเพราะอยากเข้ามาหาเราที่กรุงเทพบ่อยๆ เอต้องมาหาหมอที่รพ.รามาตลอดแต่เอไม่เคยเล่าเรื่องราวความเจ็บปวดให้เราฟัง เค้าเป็น ผช เข้มแข็งมาก ทุกอย่างดำเนินไปเราเริ่มเข้าไปอยู่ในเรื่องราวของชีวิตเค้ามากขึ้น จากที่เราไม่รู้เราเริ่มรับรู้ถึงเวลาที่เค้าต้องทำการรักษา เอเริ่มเปิดเท้าให้ดูเราเห็นครั้งแรกเราตกใจมาก หนังที่เท้าลอกออกมาเป็นแผ่นๆ เราเริ่มเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงเจ็บมาก ไปนั่งคอยเวลาที่เอต้องเติมเลือดเพราะเค้าซีด เริ่มรับรู้ว่าเค้าเป็นมะเร็งที่ตับและรามมาที่ลำไส้ แต่เอบอกเราว่าเป็นเนื้องอกที่ลำไส้ เพื่อให้เราสบายใจ ทุกครั้งที่ไปนอนเติมเลือดเราจะไปให้กำลังใจเค้าคอยถามว่าเจ็บไหม เอไม่เคยบอกว่าเจ็บ ไม่เคยบอกว่าปวด ทุกคำที่พูดจะพูดแต่ให้เราสบายใจเอต้องเข้าอุโมงค์ ต้องกินแป้ง ทั้งๆที่รสชาติมันสุดอ้วก เอเกลียดการมา รพ. แต่เอต้องสู้เพื่ออยากหายจากการเจ็บป่วย เราเคยไปหาหมอกับเอและพยายามถามว่ามีวิธีอื่นที่รักษาได้ไหม ตัดได้ไหม หมอก้อบอกว่าในเคสเอ เป็นเคสสตัสดี้ ไม่ค่อยมีใครเป็น ยาที่รักษาเอนั้นเป็นยานำเข้า โชคดีที่เอได้รับเหมือนประมาณทุน หรือโควต้าอะไรประมาณนี้ เลยได้รักษาฟรี ซึ่งมันไม่ต่างจากการที่เอเป็นหนูทดลองยาเลย เพราะทุกครั้งที่เปลี่ยนยา เอฟเฟ็คของยามีผลต่อร่างกายของเอมากๆ แต่ทำไงได้เมื่อมันไม่มีทางรักษา ก้อต้องรับยาที่บรรเทาอาการไป เราไม่เคยรู้เลยว่าเอเป็นโรคนี้มา 4 ปี แล้ว คนรอบๆตัวเอรับรู้ความเจ็บปวดของเอมาตลอด มีเพียงเราที่เพิ่งเค้ามาในชีวิตของเค้าเพิ่งรับรู้เรื่องราวความเจ็บปวด แรกๆเราเสียใจนะ เราพยายามหาทุกทางที่อยากให้เอหาย หาโน่นนี่ อาหารชีวจิต กินใบไม้ที่ว่าแก้โรคมะเร็ง รวมถึงน้ำป้าเช็ง ยิ่งทำเอยิ่งแย่ เรายิ่งเสียใจ เอเข้าใจเรา เอพูดกับเราว่าเอเข้าใจในสิ่งที่เราทำเพราะเค้าผ่านจุดนั้นมาแล้ว แม่และน้องก้อสรรหาทุกอย่างมาให้เขา แต่เค้าอยากให้เรายอมรับ เค้าไม่มีทางที่จะรักษาได้ เอพูดตอนที่ขับรถมาส่งเราที่บ้าน เราน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาหมด และกอดเอไว้ เราไม่อยากให้เค้าตาย เราอยากให้เค้าอยู่กับเรา วันเวลาผ่านไปเราบอกเอว่าเราจะทำทุกๆวันให้มีค่า เราจะดูแลเอให้ดีที่สุด เพื่อนเราเคยพูดกับเราว่าเรามีโอกาสและน่าจะเจอคนที่ดีกว่านี้ เอาเวลาไปอยู่กับคนที่มีอนาคตกว่านี้ไม่ดีเหรอ เราก้อนิ่งๆไม่ตอบอะไร เราเข้าใจเพื่อนเรานะ แต่เราก้ออยากดูแลคนที่เรารักให้ดีที่สุด ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเรารักเอ อย่างเต็มหัวใจ ทุกๆวันเอจะโทรหาเราทุกเช้าคุยกันจนเราเข้างาน พักกลางวัน ตอนเย็นเลิกงาน จนเราไม่เคยรู้สึกว่าเราห่างกัน เติมเต็มกันและกัน เราชวนเอไปทะเล เพราะเอชอบ ชอบถ่ายรูป เราไปเที่ยวด้วยกันเพราะเราไม่รู้ว่าเอจะมีโอกาสไปบ่อยไหม เอบอกว่าเอไม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดนานมาก เพราะไม่รู้จะไปกับใคร ไปทำไมเพราะชีวิตมันหมดความหวัง แต่เพราะมีเราชีวิตเค้ามีความหมายขึ้นมา มีความหวัง อยากกลับมาทำงาน อยากมีเงิน จริงๆครอบครัวเอมีฐานะพอสมควร แม่เอจะคอยดูแลเอตลอด แต่เพราะเอมีความหวังในชีวิตเลยอยากกลับมาทำงาน เอจบวิศวมาแต่ก่อนจะทำงานกับรุ่นพี่ แต่พอเจ็บป่วยก้อเลยต้องออกจากงานมาเพื่อรักษาตัว ไม่ได้ทำงานอีก เอกลับไปขอรุ่นพี่ทำงานอีกครั้ง รุ่นพี่เข้าใจและให้ทำและบอกเอว่า ทำแค่พอทำไหวนะ เพราะเค้ารู้ถึงสภาพว่าเอคงทำอะไรไมได้เยอะ เพราะเออยากมีเงิน อยากแต่งงาน เราก้อไม่ได้คัดค้านอะไร แต่ด้วยความห่วงของแม่เอแม่เลยเสนอให้ทำงานที่บ้านและจะให้เงินเดือน เอจึงทำงานที่บ้าน ระว่างนั้นเราก้อไปทะเลกันบ้างไปเที่ยวกันแค่ใกล้ เอมีความสุขมาก เอบอกอยากไปทะเลใต้ เราจึงหาแพคเกจไปเที่ยวกระบี่กัน เราก้อไปเที่ยวกันแบบเบาๆไม่แอดเวนเจออะไรกันมาก เอเดินช้ามาก เพราะต้องกินยา และผิวหนังที่เท้าก้อลอกออกมาแดงๆ ไม่ลอกแค่เท้านะคะ มือก้อลอก แต่เราเองก้อคอยประคับประคองเอตลอด ตอนที่เค้าจอดเรือให้ดำน้ำ เอบอกว่าเออยากดำน้ำ เราบอกว่าอยากดำก้อดำสิ ถ้าทำแล้วมีความสุขก้อทำ เอโดดลงน้ำ ดำผุดดำว่าย เอดูมีความสุขมากเราไม่เคยเห็นเค้ายิ้มแบบมีความสุขแบบนี้มาก่อน ระหว่างตอนเที่ยวเอก้อมีอาการปวดท้องบ้างเล็กน้อยแต่เอก้อไม่ค่อยแสดงออกให้เรารู้กลัวเราเป็นห่วง เพราะเราจะคอยถามตลอด ไหวไหมโอเครรึป่าว หลังกลับจากกระบี่เอเริ่มมีอาการมากขึ้นเริ่มต้องนอน รพ. ดีที่แม่เอทำประกันชีวิตไว้ ก้อเข้ารักษาตัวที่ รพ.เอกชน อยู่เป็นเดือน แม่เอคอยดูแลตลอด เรียกว่า รพ.เป็นบ้านหลังที่2 เราเองตอนนั้นก้อเทียวไปกลับชลบุรี ตลอด เอมักจะปวดท้อง เราก้อตื่นมาคอยดู แต่แม่เอจะดูแลไม่ห่าง เราเองเห็นคนที่เรารักเจ็บปวด เราก้อน้ำตารื้นทุกที เอมักจะจับมือเราและบอกว่าไม่เป็นไรนะเอไม่เจ็บ แต่ความจริงคือปวดมากมาย ก่อนเอจะนอน รพ.เอเคยโทรเข้าไปที่คลับฟายเดย์ เล่าเรื่องราวของเค้า และบอกรักเรา เราน้ำตาไหลพราก และทางรายการให้บัตรดูละครเวที เรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว เรื่องราวของ ผช ที่ตาย (มอส) ไปแล้วพยายามกลับมาหา ผญ (นิโคล เทริโอ) ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ อย่าติดกับคำสัญญา เพราะ ผญ ไม่กล้าเริ่มที่จะมีคนใหม่ ดูไปน้ำตาไหลไป มันเหมือนชีวิตเรา เราสัญญากันว่าเราจะรักเอตลอดไป ไม่ว่าชาติไหน
ู