ผู้รู้ธรรม, ผู้ฝึกธรรม-ปฏิบัติธรรม, และผู้มีธรรม มีประพฤติกรรมเช่นไร

เป็นคำถามครับ อาจจะไม่ต้องการคำตอบจริงจัง
อันผู้รู้ธรรม ฝึกธรรม และมีธรรมของผมนั้นมีความต่างกัน หรือหากจบอกว่าการเข้าถึงธรรมนั้นต่างกัน
ผู้รู้แค่รู้แต่ไม่ทำ ผู้ฝึกคือทำแล้วแต่ยังสำเร็จ และผู้มีเรียกว่าอยู่ในสติในสายเลือดนิสัยและความประพฤติ
กับคำถาม(อาจจะงงๆนิด)

อันผู้ในนับถือและเชื่อในสิ่งหนึ่งๆ ย่อมไม่ชอบหากมีใครมาว่ากล่าวในทางไม่ดี หรือเอาสิ่งที่เราบูชาไปทำในทางที่เสื่อม
อันผู้ที่ทำให้ศาสนาเสื่อม
อันผู้ที่มีคิดต่าง และไม่ยอมคิดให้เหมือนความคิดเรา
อันผู้ใดด่าว่าเราและกล่าวหาเราในทางไม่ดี
อันผู้ไม่เคารพกฏจราจร ขับรถไม่มีสำนึกมารยาท
อันเมื่อเห็นคนทำผิดต่อหน้าอย่างลักขโมยของ
อันผู้อื่นไม่เคารพและไม่แสดงความให้เกียรติเรา ไม่เคารพความคิดเรา และสิ่งที่เรานับถือ
และอันทั้งหลายเหตุการณืเหล่านี้ ประสบกับ....
ผู้รู้ธรรม(คนรู้ธรรมแต่ไม่ได้ฝึกปฏิบัตหรือคนทั่วๆไปที่ยังมีกิเลสแต่ รู้ดี-ชั่ว แต่ก็ยังทำตามอารมณ์ใจ เช่น นังเลงหัวไม้ วัยรุ่น เด็กแว๊น)
และผู้ฝึกธรรมรู้ธรรม(ผู้ที่กำลังขัดเกลาตัวเอง ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ที่ปฏิบัตตัวดีในระดับหนึ่งดีกว่าประเภทแรก)
และผู้มีธรรม(คือผู้มีธรรมตั้งอยู่ในนิสัยความคิดอยู่ทุกสติ ปฏิบัตอย่างเคร่งครัดจนเป็นความเคยชิน ตัวอย่าง หลวงพ่อคูณ หลวงปู่หมมั่น หลวปู่แหวน หลวงพ่อโต)
คนทั้ง 3 ประเภทนี้ จะแสดงพฤติกรรมอย่างไรเมื่อต้องเจอกับเหตุเหล่านี้หากช่วยลองสมมุติเหตุการณ์ขึ้นมา
แล้วถ้าเป็นตัวเราล่ะจะแสดงพฤติกรรมอะไรออกมา

**ถ้าจะกรุณาผมก็ขอเป็นความคิดเห็นนะครับ เอานั้นนี่มาแปะๆนี่ขอแระกันครับ

**จะคริสหรืออิสราม หรือไม่มีศาสนา หรือจะศาสนาอะไร ผมก็ยินดีนะครับหากเข้ามาแสดงความคิดเห็น

**อันได้ประโยคใดผมอาจจะเขียนและสื่อสารผิดไปบางก็ขอทำความเข้าใจผมหน่อยแระกัน บางทีนึกไม่ออกจะเขียนยังไงพยามได้แค่นี้อ่ะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ในชีวิตมนุษย์นี้มีแต่ทุกข์ครับ
ผมขอเสนอแนวคิดตัวเองสักหน่อย

วิธีดับทุกข์ คือการควบคุมฝืนธรรมชาติของใจ

ธรรมชาติ
คือของที่เกิดเอง และเป็นไปเองตามวิสัยของโลก
เช่น สิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตต่างๆ ภายในโลกนี้
มันเป็นธรรมดาที่เกิดขึ้น และเสื่อมสลายในที่สุด


ธรรมชาติ แยกออกเป็น 2 ฝ่าย
คือ ฝ่ายที่มีจิตใจ  และฝ่ายที่ไม่มีจิตใจ
ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ปฎิเสทไม่ได้เลย
ว่าย่อมจะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้แน่นอน

ถ้าเรายอมรับสิ่งเหล่านี้อาจก่อให้เกิดคุณแก่เรา
อย่างสูงสุดจนถึงพระนิพพานได้
ถ้ามีสติและปัญญาพอ

เหตุที่เกิดความทุกข์ เพราะเราไม่เข้าใจ
ในกฎธรรมชาติ ฝืนธรรมชาติ
ปล่อยใจให้ไหลไปตามความอยาก
หรือ ความไม่อยากของใจ
ความอยากคือ อยากกิน อยากได้
ความไม่อยากคือ การฝืนหรือบังคับธรรมชาติ
เมื่อไม่ได้อย่างที่ใจต้องการ นั่นคือทุกข์


ทางแก้
1. อย่าฝืนโลก อย่าแบกโลก ให้คิดเสียว่า
    อะไรจะเกิดมันก็เกิด อะไรจะดับมันก็ดับ
    ตามเหตุปัจจัยของมัน หน้าที่ของเรา
    คือ ทำเหตุที่ดีและถูกต้อง เท่านั้นเป็นพอ

2. ธรรมชาติจะไม่โหดร้าย ถ้าเราปรับใจถูกต้อง
    แถมจะได้รับบทเรียนที่ล้ำค่าจากธรรมชาติ

3. ถ้าอยากให้ธรรมชาติ ตอบปัญหาอันเร้นลับ
    จงตั้งปัญหาถามธรรมชาติคือใจดูเถิด
    แล้วธรรมชาติคือใจจะตอบคำถามเอง

    ถ้าไม่มีเชื้อ “ ปทปรมะ “ อย่างหนาแน่น
    จะได้ยินเสียงธรรมชาติคือใจตอบปัญหาเอง

     ขอให้โชคดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่