เพิ่งเจอมาวันนี้สด ๆ ร้อน ๆ ครับ เมื่อก่อนได้แต่อ่านได้แต่เจอเคสคนอื่นมีปัญหาเคลมประกันไม่ได้ ประกันไม่จ่าย ฯลฯ ไม่นึกว่าวันนี้โชค(ร้าย) นี้จะมาเป็นของผมครับ เรื่องคือผมทำประกันชีวิตกับบริษัทประกันแห่งหนึ่งที่มีสนามฟุตบอลเป็นของตัวเองประเทศเดียวกันกับที่ผลิตรถเบนซ์ซึ่งมาทำธุรกิจในบ้านเรากับยุคกรุงศรีและบริษัทขายไก่ ซึ่งตัวผมมีอาการเจ็บคอและมีก้อนขาว ๆ ออกมาจากข้าง ๆ ต่อมทอนซิลซึ่งผมเป็นมานานพอสมควรจนตอนนี้ไม่ไหวเพราะมันเริ่มเจ็บคอเวลากลืนน้ำลายมากและก้อนสีขาวที่หลุดออกมาทำให้ปากมีกลิ่นเหม็นจึงตัดสินใจไปหาหมอที่ โรงพยาบาลพญาไทย3 เพราะเป็นโรงพยาบาลที่ผมศึกษาข้อมูลแล้วว่าสามารถรักษาโรคที่ผมคาดว่าผมน่าจะเป็นเพราะดูลักษณะอาการและไอ้ก้อนขาว ๆ ที่ออกมานี้มันเหมือนกันกับโรค "นิ่วในต่อมทอนซิล" ซึ่โรงพยาบาลพญาไท3 นี้มีเครื่องมือที่ใช้ในการรักษาโดยวิธีการผ่าตัดใช้เลเซอร์จี้อุดโพรงที่นิ่วออกมาได้โดยไม่ต้องตัดต่อมทอนซิลทิ้งผมเลยตัดสินใจไปหา
วันแรกที่มาผมพบคุณหมอท่านแรก คำแนะนำของแกผมก็อึ้งไปเหมือนกันแม้ผมจะแจ้งกับ รพ.แล้วว่าผมมีประกันชีวิตและได้ทำการเซ็นต์เอกสารให้เรียบร้อยแล้วว่าผมมารับการตรวจรักษาในฐานะผู้ป่วยนอก(เบื้องต้น) เพราะยังไม่รู้ว่าจะได้ผ่าไหมและยังไม่เข้าข่ายผู้ป่วยใน พอเข้าไปเจอคุณหมอท่านนี้แกก็อ้าปากผมดูแล้วก็กดบริเวณโคนลิ้นและด้วยวันนี้ก้อนนิ่วมันไม่หลุดออกมาแกจึงไม่เห็นมันแกเลยลงความเห็นว่า "ไม่เป็นอะไรมาก" แค่เวลาที่มันหลุดออกมาให้คอยเอาไม้เขี่ยออกเท่านั้น ต่อมทอนซิลเป็นอวัยวะหนึ่งที่มีหน้าที่ดักจับเชื้อโรคแกไม่แนะนำให้ตัดออก ซึ่งความตั้งใจจากที่ผมศึกษาข้อมูลมามันมีวิธีรักษาโรคนี้คือให้ตัดต่อมทอนซิลออกหรือไม่ก็จี้เอา ซึ่งวิธีตัดนี่ผมก็ตั้งใจไม่เอาอยู่แล้วผมอยากให้จี้ปิดมากกว่าแต่อึ้งกับคำแนะนำแกที่บอกว่า "ไม่ต้องทำอะไรให้คอยเอาไม้เขี่ยนิ่วออกเท่านั้นเอง" ทั้ง ๆ ที่ผมก็บอกว่ามันมีกลิ่นปากอยากจี้อยากหาย แกก็บอกว่า "จี้ไปก็เท่านั้นเดี๋ยวมันก็ขึ้นมาใหม่" ผมก็ไม่เข้าใจว่าผมไปขอแกรักษาฟรีหรือยังไงเหมือนอยากให้มันจบ ๆ ไปจัง แต่ผมไม่ยอมจึงขอยืนยันว่าจะขอพบแพทย์ท่านอื่น ซึ่งแกก็ส่งผมต่อไปให้แพทย์อีกท่านที่เชี่ยวชาญมากกว่าและนัดผมในวันถัดไป ค่าใช้จ่ายวันนี้ไม่มีอะไรต้องจ่ายเพราะแกไม่เก็บอะไรเลย
วันที่สองผมก็มาตามนัดเจอคุณหมออีกท่าน ก่อนเข้าไปผมก็เซ็นต์เอกสารใบเคลมอีกรอบที่พนักงานเอาให้ แล้วก็เข้าไปพบคุณหมอ คราวนี้เรื่องใหญ่เลยครับเพราะหมอท่านนี้แกเฉพาะทางแกตรวจช่องปากผมดูปรากฏว่าต่อมทอนซิลผมมันเป็นรูหมดแล้วเหมือนรังผึ้งทำให้มีนิ่วหลุดออกมาในบางครั้ง และตอนนี้มันก็ยังมีก้อนนิ่วฝังอยู่ แกจึงจัดการให้พยาบาลทำนัดผ่าตัดโดยการใช้เลเซอร์ครับซึ่งพยาบาลบอกว่าคนไข้มีประกันต้องขอเช็คประกันก่อน
จากนั้นผมก็ออกมาทำเรื่องที่เคาน์เตอร์พยาบาล ซึ่งทางพยาบาลบอกว่าต้องส่งแฟกซ์ไปเช็คกับทางบริษัทประกันก่อนว่าค่าใช้จ่ายประมาณ 85,000 นี้ครอบคลุมไหมแล้วทางโรงพยาบาลจะติดต่อกลับมาอีกที เสร็จแล้วผมก็กลับบ้านไปรอทางโรงพยาบาลติดต่อกลับมา
เย็นวันเดียวกันนั้นทางโรงพยาบาลก็โทรมาครับและสิ่งที่ผมได้ยินทำให้ผมโกรธและไม่เข้าใจบริษัทประกันแห่งนี้มากเพราะปลายสายพยาบาลบอกว่า "ทางบริษัทแจ้งมาว่า ทำประกันได้ไม่ถึง 2 ปีต้องสำรองจ่ายไว้ก่อน" อึ้งครับตัวชามาก โกรธสุดขีด ไม่เข้าใจครับว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ ประกันที่เราตั้งใจทำไว้เพื่อให้เวลาเราลำบากจะได้ไม่มีภาระค่ารักษาพยาบาล ประกันที่เราทำไว้เพื่อความมั่นคงกับสุขภาพตอนทำนี้อะไร ๆ ทำไมมันง่ายไปหมดแต่ทำไมเวลาตอนจะใช้สิทธิมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ พอวางสายจากโรงพบาลเสร็จผมก็โทรไปที่ call center แจ้งเรื่องทันทีครับแต่ต้องผิดหวังเพราะ call center นั้นติดต่อข้อมูลได้เฉพาะกรณี OPD ไม่สามารถติดต่อ IPD ได้ แต่ผมก็ได้ฝากเรื่องไว้ด้วยอารมณ์โมโหว่า "คุณช่วยให้ใครก็ได้ที่มีอำนาจโทรหาผมและอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยนะว่า ทำประกันชีวิตตอนทำบอกว่าทำเสร็จแล้วคุ้มครองเลยทันทีในเดือนถัดไป ถ้าเดือนเดียวกับที่ทำอาจต้องสำรองจ่ายไปก่อนตอนรอกรมธรรม์อนุมัติ แต่นี่ผมทำมาปีนึงแล้วทำไมยังต้องสำรองจ่าย ถ้าผมต้องจ่ายเบี้ยประกันให้คุณด้วยแล้วต้องสำรองจ่ายด้วยผมจะทำประกันกับคุณทำไมในเมื่อจ่ายเงินแล้วต้องรอถึงสองปี"
ถ้าใครมีความรู้ผมขอถามหน่อยนะครับว่า
1. เราทำประกันชีวิตมันต้องรอถึง 2 ปีเลยเหรอครับถึงจะใช้สิทธิเคลมได้โดยไม่ต้องจ่ายล่วงหน้าไปก่อน
2. กรณีนี้เป็นไปได้ไหมครับว่า รพ.กับบริษัทประกันสื่อสารกันผิดพลาดทำให้ผมต้องสำรองจ่ายไปก่อน
3. ผมไม่เคยมีประวัติเจ็บป่วยอะไรแข็งแรงดีทำไมต้องรอถึง 2 ปีกว่าจะเคลมได้
4. แบบนี้ผมจะเรียกร้องอะไรกับหน่วยงานไหนได้บ้างครับถ้าเค้าไม่รับผิดชอบ
พรุ่งนี้ตัวแทนบอกว่าจะติดต่อผมมาแล้วผมจะมาเล่าอีกทีนะครับว่ามันเป็นยังไงต่อ สำหรับท่านที่กำลังมีแผนจะทำประกันกับบริษัทนี้ก็ดูดี ๆ แล้วกันนะครับ
คิดสักนิดก่อนทำประกันชีวิต โลกนี้มันอยู่ยากจริง ๆ ครับ
วันแรกที่มาผมพบคุณหมอท่านแรก คำแนะนำของแกผมก็อึ้งไปเหมือนกันแม้ผมจะแจ้งกับ รพ.แล้วว่าผมมีประกันชีวิตและได้ทำการเซ็นต์เอกสารให้เรียบร้อยแล้วว่าผมมารับการตรวจรักษาในฐานะผู้ป่วยนอก(เบื้องต้น) เพราะยังไม่รู้ว่าจะได้ผ่าไหมและยังไม่เข้าข่ายผู้ป่วยใน พอเข้าไปเจอคุณหมอท่านนี้แกก็อ้าปากผมดูแล้วก็กดบริเวณโคนลิ้นและด้วยวันนี้ก้อนนิ่วมันไม่หลุดออกมาแกจึงไม่เห็นมันแกเลยลงความเห็นว่า "ไม่เป็นอะไรมาก" แค่เวลาที่มันหลุดออกมาให้คอยเอาไม้เขี่ยออกเท่านั้น ต่อมทอนซิลเป็นอวัยวะหนึ่งที่มีหน้าที่ดักจับเชื้อโรคแกไม่แนะนำให้ตัดออก ซึ่งความตั้งใจจากที่ผมศึกษาข้อมูลมามันมีวิธีรักษาโรคนี้คือให้ตัดต่อมทอนซิลออกหรือไม่ก็จี้เอา ซึ่งวิธีตัดนี่ผมก็ตั้งใจไม่เอาอยู่แล้วผมอยากให้จี้ปิดมากกว่าแต่อึ้งกับคำแนะนำแกที่บอกว่า "ไม่ต้องทำอะไรให้คอยเอาไม้เขี่ยนิ่วออกเท่านั้นเอง" ทั้ง ๆ ที่ผมก็บอกว่ามันมีกลิ่นปากอยากจี้อยากหาย แกก็บอกว่า "จี้ไปก็เท่านั้นเดี๋ยวมันก็ขึ้นมาใหม่" ผมก็ไม่เข้าใจว่าผมไปขอแกรักษาฟรีหรือยังไงเหมือนอยากให้มันจบ ๆ ไปจัง แต่ผมไม่ยอมจึงขอยืนยันว่าจะขอพบแพทย์ท่านอื่น ซึ่งแกก็ส่งผมต่อไปให้แพทย์อีกท่านที่เชี่ยวชาญมากกว่าและนัดผมในวันถัดไป ค่าใช้จ่ายวันนี้ไม่มีอะไรต้องจ่ายเพราะแกไม่เก็บอะไรเลย
วันที่สองผมก็มาตามนัดเจอคุณหมออีกท่าน ก่อนเข้าไปผมก็เซ็นต์เอกสารใบเคลมอีกรอบที่พนักงานเอาให้ แล้วก็เข้าไปพบคุณหมอ คราวนี้เรื่องใหญ่เลยครับเพราะหมอท่านนี้แกเฉพาะทางแกตรวจช่องปากผมดูปรากฏว่าต่อมทอนซิลผมมันเป็นรูหมดแล้วเหมือนรังผึ้งทำให้มีนิ่วหลุดออกมาในบางครั้ง และตอนนี้มันก็ยังมีก้อนนิ่วฝังอยู่ แกจึงจัดการให้พยาบาลทำนัดผ่าตัดโดยการใช้เลเซอร์ครับซึ่งพยาบาลบอกว่าคนไข้มีประกันต้องขอเช็คประกันก่อน
จากนั้นผมก็ออกมาทำเรื่องที่เคาน์เตอร์พยาบาล ซึ่งทางพยาบาลบอกว่าต้องส่งแฟกซ์ไปเช็คกับทางบริษัทประกันก่อนว่าค่าใช้จ่ายประมาณ 85,000 นี้ครอบคลุมไหมแล้วทางโรงพยาบาลจะติดต่อกลับมาอีกที เสร็จแล้วผมก็กลับบ้านไปรอทางโรงพยาบาลติดต่อกลับมา
เย็นวันเดียวกันนั้นทางโรงพยาบาลก็โทรมาครับและสิ่งที่ผมได้ยินทำให้ผมโกรธและไม่เข้าใจบริษัทประกันแห่งนี้มากเพราะปลายสายพยาบาลบอกว่า "ทางบริษัทแจ้งมาว่า ทำประกันได้ไม่ถึง 2 ปีต้องสำรองจ่ายไว้ก่อน" อึ้งครับตัวชามาก โกรธสุดขีด ไม่เข้าใจครับว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ ประกันที่เราตั้งใจทำไว้เพื่อให้เวลาเราลำบากจะได้ไม่มีภาระค่ารักษาพยาบาล ประกันที่เราทำไว้เพื่อความมั่นคงกับสุขภาพตอนทำนี้อะไร ๆ ทำไมมันง่ายไปหมดแต่ทำไมเวลาตอนจะใช้สิทธิมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ พอวางสายจากโรงพบาลเสร็จผมก็โทรไปที่ call center แจ้งเรื่องทันทีครับแต่ต้องผิดหวังเพราะ call center นั้นติดต่อข้อมูลได้เฉพาะกรณี OPD ไม่สามารถติดต่อ IPD ได้ แต่ผมก็ได้ฝากเรื่องไว้ด้วยอารมณ์โมโหว่า "คุณช่วยให้ใครก็ได้ที่มีอำนาจโทรหาผมและอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยนะว่า ทำประกันชีวิตตอนทำบอกว่าทำเสร็จแล้วคุ้มครองเลยทันทีในเดือนถัดไป ถ้าเดือนเดียวกับที่ทำอาจต้องสำรองจ่ายไปก่อนตอนรอกรมธรรม์อนุมัติ แต่นี่ผมทำมาปีนึงแล้วทำไมยังต้องสำรองจ่าย ถ้าผมต้องจ่ายเบี้ยประกันให้คุณด้วยแล้วต้องสำรองจ่ายด้วยผมจะทำประกันกับคุณทำไมในเมื่อจ่ายเงินแล้วต้องรอถึงสองปี"
ถ้าใครมีความรู้ผมขอถามหน่อยนะครับว่า
1. เราทำประกันชีวิตมันต้องรอถึง 2 ปีเลยเหรอครับถึงจะใช้สิทธิเคลมได้โดยไม่ต้องจ่ายล่วงหน้าไปก่อน
2. กรณีนี้เป็นไปได้ไหมครับว่า รพ.กับบริษัทประกันสื่อสารกันผิดพลาดทำให้ผมต้องสำรองจ่ายไปก่อน
3. ผมไม่เคยมีประวัติเจ็บป่วยอะไรแข็งแรงดีทำไมต้องรอถึง 2 ปีกว่าจะเคลมได้
4. แบบนี้ผมจะเรียกร้องอะไรกับหน่วยงานไหนได้บ้างครับถ้าเค้าไม่รับผิดชอบ
พรุ่งนี้ตัวแทนบอกว่าจะติดต่อผมมาแล้วผมจะมาเล่าอีกทีนะครับว่ามันเป็นยังไงต่อ สำหรับท่านที่กำลังมีแผนจะทำประกันกับบริษัทนี้ก็ดูดี ๆ แล้วกันนะครับ