เตือนภัย!! ประกันสุขภาพวิริยะ BDMS แผน 3 *ต้องสำรองจ่ายเอง*

สวัสดีค่ะ
เราขออนุญาตเเชร์ประสบการณ์ที่ ''ไม่ควรทำ'' ประกันภัยของ*วิริยะประกันภัย*ค่ะ

วันนี้เราขอใช้พื้นที่สื่อแห่งนี้ เพื่อเป็นเสียงเล็กๆเตือนทุกท่าน ที่คิดจะทำประกันสุขภาพกับวิริยะประกันภัย ให้คิดไตร่ตรองก่อนทำเเละดูเคสตัวอย่างของเรา เเละอีกหลายๆเคสที่ท่านอื่นนำมาเเชร์ในPantipดูค่ะ

1. เราได้ทำประกันสุขภาพวิริยะ BDMS แผน 3 
- ทำมาได้ห้าเดือนกว่า ซึ่งพ้นระยะเวลารอคอยการเป็นโรคร้ายเเรง 120 วันเเล้ว

2. อาการป่วย 
- เรามีอาการปวดท้องหลังจากท้องเสีย โดยมีอาการปวดตั้งเเต่ช่วงดึก จนมาถึงช่วงเช้า อาการก็ยังไม่ดีขึ้น โดยจะปวดบริเวณใต้ซี่โครงข้างซ้ายเเละมีผายลมบ้างเป็นระยะ
- เราจึงตัดสินใจไปหาหมอที่ โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน 
- จากนั้นหมอได้ซักประวัติ เเละตรวจดูอาการเบื้องต้น โดยใช้มือกดไปที่ท้องตามจุดต่างๆทั่วท้อง เเต่ก็ไม่พบความผิดปกติ หรือก้อนใดๆ
- หมอจึงให้เราไปอัลตร้าซาวด์ช่องท้อง ทั้งท้องบนเเละท้องล่าง หลังจากนั้นก็ทำการส่องกล้องที่กระเพาะอาหาร เเละลำไส้ ตามลำดับ

3. ผลการตรวจ
- เมื่อหมอทำการตรวจทุกอย่างตามลำดับเรียบร้อยเเล้ว หมอก็ให้เรามาดูผลตรวจทุกอย่างพร้อมกับอธิบาย
- จากการอัลตร้าซาวด์ช่องท้อง ทั้งท้องบนเเละล่าง ไม่พบความผิดปกติใดๆ คุณหมอเเจ้งว่าไตดี รังไข่ดี ปกติทุกอย่าง
- จากการส่องกล้องกระเพาะอาหารเเละลำไส้ ก็ไม่พบความผิดปกติ ไม่มีแผล ไม่มีเลือดออก ไม่มีเนื้องอก ปกติทุกอย่าง
- เมื่อผลการตรวจทุกอย่างเป็นปกติ หมอก็มาซักประวัติการกิน การใช้ชีวิตประจำวันของเราเพิ่มเติม โดยส่วนตัว เราจะทานอาหารหลากหลาย ทานรสจัดได้นิดเดียว เเต่ไม่ทานของหมักดอง เเละไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เเละเราก็ได้ปรับเรื่องการทานอาหารให้เป็นเวลา โดยทานเเค่วันละสามมื้อ เช้า กลางวัน เย็น เเละไม่ทานจุกจิกได้ราวๆสองเดือนเเล้ว
- หมอสอบถามต่อถึงเรื่องความเครียด เราก็มีเครียดเรื่องงานบ้าง เเต่ไม่บ่อย

4. สรุปการรักษา
- เมื่อหมอได้รับข้อมูลจากการซักประวัติเราเรียบร้อยเเล้ว หมอก็ได้เเนะนำให้เราปรับเรื่องการกิน เเละความเครียด 
- โดยให้ทานอาหารอ่อนๆ เป็นระยะเวลา 4 เดือน งดชา, กาแฟ, อาหารรสเค็มเเละรสจัด
ผลไม้ให้งดการทานฝรั่งเพราะจะทำให้ท้องอืด
- โดยคุณหมอได้สรุปอาการป่วยของเรา คือ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ
- คุณหมอบอกเราว่า หมอได้แอบสะกิดชิ้นเนื้อในกระเพาะอาหารออกไปนิดนึง เพื่อไปตรวจดูว่ามีเชื้ออะไรไหม เเละจะนัดฟังผลในสัปดาห์หน้า
- เเละเนื่องจากเรายังมีอาการปวดเสียดท้องอยู่ เเละค่อนข้างอ่อนเพลียจากการตรวจภายในต่างๆ หมอจึงได้ให้แอดมิทดูอาการหนึ่งคืน ซึ่งเราเองก็ยินดีมากๆ เพราะเราก็ไม่ไหวเหมือนกัน คิดว่าถ้ามีอะไร หมอจะได้ช่วยทัน
- หลังแอดมิทผ่านไปหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นเวลาประมาณ 10.30 น. คุณหมอก็ได้เข้ามาตรวจเช็คอาการเรา ซึ่งอาการเราค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ เเต่จะมีอาการระคายเคืองคอจากการส่องกล้อง เเละเสียดท้องอยู่บ้าง เนื่องจากคุณหมอเเจ้งว่าได้เป่าลมเข้าไปในกระเพาะอาหาร เเละลำไส้ เพื่อดูภายในขณะส่องกล้อง เเละคุณหมอจะให้ยาต่างๆกลับไปทานที่บ้านต่อ พร้อมเเจ้งให้เรากลับบ้านได้เลย

5. ''การประสานงาน'' ของโรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน เเละ วิริยะประกันภัย
- หลังจากคุณหมอตรวจเช็คอาการเสร็จ ก็มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล แผนกประสานงานระหว่างโรงพยาบาลกับ บริษัท วิริยะประกันภัย ขึ้นมาคุยกับเราที่ห้อง เกี่ยวกับการใช้สิทธิ์การรักษาต่างๆว่าอาจจะเคลมไม่ได้ในทันที เเจ้งว่าเราอาจจะต้องสำรองจ่ายไปก่อน เเละให้ไปเบิกเคลมตรงกับบริษัท วิริยะประกันภัยเอง
- เราก็บอกว่า ทำไมเป็นแบบนั้นในเมื่อประกันที่เราทำ เป็นแผนที่ไม่ต้องสำรองจ่าย 
ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ได้เเจ้งว่า เนื่องจากอายุการถือครองกรมธรรม์ของเราน้อย ทางบริษัทประกันอาจจะขอตรวจสอบประวัติก่อน 
- เมื่อคุยกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเสร็จเป็นเวลาประมาณ 12.30 น. ทางเจ้าหน้าที่ก็รับทราบว่า เราจะต้องออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ก็ได้เเจ้งว่าจะไปทำเรื่องประสานงานกับบริษัท วิริยะประกันภัย ให้ก่อน เเละจะมาเเจ้งให้ทราบภายใน 2 - 3 ชม. ว่าสรุปสามารถ
แฟกซ์เคลมได้เลยไหม หรือจะต้องสำรองจ่ายเอง
- ผ่านไปจนครบตามระยะเวลาที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน บอก เเต่ก็เราก็ยังไม่ได้รับความคืบหน้า จากทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลว่าจะต้องทำยังไงต่อ
- จนเวลา 16.00 น. เรารอต่อที่ห้องไม่ไหวเเล้ว เพราะไม่มีความคืบหน้าใดๆจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเลย ประสานงานกันล่าช้ามาก เราต้องเป็นฝ่ายโทรคุยกับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายเอง ทั้งฝั่งโรงพยาบาลเเละวิริยะประกันภัย เราโทรติดต่อทั้งสองฝ่ายหลายครั้งมาก ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือ โยนความผิดกันไปมา ฝั่งโรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ก็บอกว่าระบบภายในตัวเองล่าช้า ขอให้เรารอไปก่อน เเต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเเล้วเสร็จเมื่อไหร่ เเละก็เเจ้งว่าต้องรอให้ทางบริษัท วิริยะประกันภัย ตอบรับแฟกซ์เคลมมาก่อน ซึ่งจะใช้เวลาอีก 2 ชม. ส่วนฝ่ายวิริยะประกันภัยก็บอกว่าทางโรงพยาบาลส่งข้อมูลมาให้ช้าเอง
- สรุปในวันนั้น เราต้องรอทั้งสองฝ่าย ทั้งวิริยะประกันภัย เเละ โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ส่งข้อมูลกันไปมาประมาณห้าชั่วโมงครึ่ง นี่ขนาดเป็นโรงพยาบาลในเครือโดยตรงของแผนประกันภัยนะคะ 
- จนกระทั่งเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็โทรเข้ามาในห้องเรา บอกว่า 
''ในการรักษาพยาบาลครั้งนี้ ทางบริษัท วิริยะประกันภัย ไม่สามารถให้ความคุ้มครองผ่านเเฟกซ์เคลมได้ รบกวนคนไข้สำรองจ่ายเอง เเละไปทำเรื่องเคลมตรงกับทางบริษัท
ส่วนทางโรงพยาบาลจะเตรียมเอกสารที่จะใช้พิจารณาการเคลมให้ค่ะ'' 
เเละเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็เเจ้งต่อว่า ในการที่เราสำรองจ่ายไปก่อน ก็ไม่ได้ความหมายว่า ทางบริษัท วิริยะประกันภัย จะไม่ให้เคลมนะคะ เเต่ทางเค้าจะขอพิจารณาก่อน 
ถ้าให้เราพูดตรงๆก็คือ ทางประกันขอไปสืบประวัติก่อนนั่นแหละค่ะ เเต่เราไม่กังวลใจ เพราะเราไม่ได้ปกปิดประวัติการรักษาใดๆ ยินดีให้ตรวจสอบทุกอย่าง เพราะไม่เคยมีโรคร้ายแรง ไม่มีโรคเรื้อรัง หาหมอก็โรคทั่วไปปวดหัวเป็นไข้ นอนโรงพยาบาลครั้งนี้ในรอบสิบกว่าปีได้ค่ะ

6. การติดต่อ ''วิริยะประกันภัย''
- จากนั้นด้วยความที่เราเริ่มไม่พอใจ ในการดูเเลลูกค้าที่ล่าช้ามากของทั้งสองฝ่าย เเละเกิดคำถามว่า ทำไมเราจะต้องสำรองจ่ายเอง?
- ในเมื่อตอนขายประกัน พนักงานบอกชัดเจนว่าไม่ต้องสำรองจ่าย เเละ ในหน้าเว็บไซต์ของคุณเองก็ระบุชัดเจนดังคำโฆษณา ''ไม่ต้องสำรองจ่ายเมื่อรักษาที่โรงพยาบาลในเครือ BDMS ทั่วประเทศ'' (ตามรูป)
- จากนั้นเราโทรติดต่อ บริษัท วิริยะประกันภัย ทันที ซึ่งตรงกับวันที่ 09/12/64 หลังได้รับเเจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเวลาประมาณ 18.00 น. ว่าจะต้องสำรองจ่ายเอง 
- เจ้าหน้าที่ของ บริษัท วิริยะประกันภัย ท่านที่ 1 รับสาย เเต่ไม่สามารถให้การช่วยเหลือใดๆหรือตอบคำถามที่เราสงสัยได้เลย เเละเเจ้งจะให้ฝ่ายสินไหมติดต่อกลับ 
- จากนั้นอีกสักพัก ก็มีเจ้าหน้าที่ท่านที่ 2 ติดต่อกลับมา เเต่ก็ยังให้คำตอบไม่ได้ เเละเเจ้งจะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องติดต่อกลับมาอีก.....
- จนสุดท้ายในวันนั้น ก็ไม่มีพนักงานของ บริษัท วิริยะประกันภัย ติดต่อกลับมาหาเราสักคนค่ะ
- เเละเราต้องสำรองจ่ายเงินเองทั้งหมด เป็นยอดค่าใช้จ่ายเกือบ 43,000 บาทค่ะ

7. การติดตามความดูเเลจาก ''วิริยะประกันภัย''
- ในวันถัดมา หลังจากออกจากโรงพยาบาล ซึ่งตรงกับวันที่ 10/12/64 
- เราได้โทรติดต่อบริษัท วิริยะประกันภัย อีกครั้งในเวลาทำการ เพื่อสอบถามถึงขั้นตอนต่างๆที่เราจะต้องส่งเอกสารเพื่อเบิกเคลม
- พนักงานท่านที่ 1 รับสาย : เราก็พูดคุยกับเค้าด้วยความสุภาพ ไม่วีนใดๆ เเต่คำตอบที่ได้ ก็เหมือนเดิม จะให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องติดต่อกลับ เราถามกลับไปว่า ''เราตามตั้งเเต่เมื่อวานหลายรอบเเล้ว เเละก็บอกจะติดต่อกลับ เเต่ก็ไม่มีใครติดต่อกลับมา เเล้ววันนี้เราจะต้องรออีกหรอคะ?
- พนักงานของวิริยะท่านนี้ ก็ได้เเจ้งว่า ''ช่วงนี้เคสเยอะ ลูกค้าเยอะ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ เเต่จะประสานงานเร่งด่วนให้ติดต่อกลับใน 1-2 ชม.ค่ะ''
- เวลาผ่านไปตามที่พนักงานท่านที่ 1 เเจ้ง ก็ไม่มีใครติดต่อกลับมาเช่นเดิม เราจึงโทรติดตามอีกครั้ง
- พนักงานท่านที่ 2 รับสาย : ก็ได้เเจ้งข้อมูลเบื้องต้นว่าต้องทำยังไงต่อ เเละให้เราจดที่อยู่ในการจัดส่งเอกสารเพื่อทำเรื่องเคลมตรง เเต่เราต้องการให้เค้าส่งข้อมูลที่อยู่ในการจัดส่งเอกสารมาที่อีเมล เพื่อป้องกันข้อมูลตกหล่น เเต่พนักงานท่านนี้ได้เเจ้งว่า ''ไม่สามารถส่งอีเมลให้เราได้'' เราจึงถามต่อว่า ''เเล้วเวลาคุณจะให้ลูกค้าส่งเอกสารให้ หรือเเจ้งว่าต้องทำยังไงต่อ คุณจะให้ลูกค้าโทรถามเเละจดเองวิธีเดียวหรอคะ'' เเละพนักงานท่านนี้ก็บอกว่า ''ถ้าอย่างนั้นขออนุญาตไปตรวจสอบข้อมูลก่อนค่ะ'' เเละระหว่างHoldสายกลับมา ก็มีเสียงผู้หญิงพูดอยู่กับอีกคนนึงว่า ''อิดอก เเค่นี้เอง'' ทำเองไม่ได้ ทำนองนี้ค่ะ
เเต่คำที่ได้ยินชัดเจนเลยคือคำว่า ''อิดอก'' เมื่อสิ้นเสียงคำด่า พนักงานท่านนี้ก็บอกเราว่า ''ไม่สามารถส่งข้อมูลที่อยู่จัดส่งเอกสารทางอีเมลให้เราได้ เราต้องจดเองเท่านั้น...''
- สุดท้าย เราก็ต้องจดที่อยู่ตามคำพูดของพนักงานท่านนี้ เเละเราก็ถามต่อว่า ''ก่อนหน้านี้ที่ติดต่อไป ทำไมยังไม่มีฝ่ายสินไหมท่านไหน ติดต่อกลับมาเลยสักคนคะ'' เเละพนักงานท่านนี้ก็เเจ้งกลับว่า จะรับเรื่องประสานงานเร่งด่วนให้อีกเเล้วค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่