จากทู้
http://pantip.com/topic/33729873
ใช่เลยครับ ว่านี่คือการใช้ "เทคนิค" ทางข้อกฎหมายในการยืดเรื่องดองความ
เมื่อปี 55 ตอนเรื่องนี้เป็นกระแสสังคม ทั้งอภิสิทธิ์ ทั้งศิริโชค เรียงหน้ากันออกมาแถ แก้ตัว
แต่โดน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ตอกหน้าด้วยหลักฐานจนเงียบไป
รวมทั้งคุณกมล บันไดเพชร ผู้เป็นคนแรกที่ทำเรื่องร้องต่อกองทัพบกว่าอภิสิทธิ์หนีทหารเมื่อปี 2542
ได้ออกมาท้านายศิริโชคที่โชว์ใบผ่อนผันต่อสื่อมวลชน ว่า หากนายศิริโชคมีหลักฐานมีต้นขั้วของใบผ่อนผันที่เอามาโชว์
ไม่ใช่เอามาโชว์ลอย ๆ แบบไม่มีที่มาที่ไป ไม่รู้เอามาจากไหน เขาพร้อมจะกราบ ผลก็ปรากฎว่า นายศิริโชคไม่รับคำท้า
เรื่องนี้ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่รู้จักมักคุ้นกับนักกฎหมายระดับอัยการ ผู้พิพากษา รู้จักกับนายทหารใหญ่
ได้เล่าให้ผมฟังว่า คุยกับเพื่อน ๆ เรื่องอภิสิทธิ์หนีทหารแล้ว ต่างส่ายหัว
พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รอดยาก เพราะไม่มีช่องเลย หลักฐานมัดตัว ใครอุ้มก็เน่าไปด้วย
แต่เขาก็อุ้มกันมาตลอด
ผมจึงเห็นว่า เป็นที่มาของการร้องต่อศาลปกครองของอภิสิทธิ์ครับ
เพราะตอนนั้น พวกเขาก็คงหาทางออกเต็มที่ สุดท้ายก็ได้ทางออกว่า ร้องต่อศาลปกครอง
ทั้งที่ ตามกฎหมายแล้ว ไม่มีทางเลยครับที่จะร้องต่อศาลปกครองได้
เพราะตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาความของศาลปกครอง พ.ศ. 2542
บัญญัติไว้ในมาตรา 9 วรรคสอง (1) ชัดเจนว่า
และศาลปกครองสูงสุดก็เคยพิพากษาไว้แล้ว ว่าเรื่องวินัยทหารไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง
ทั้งที่มีข้อกฎหมายชัด มีบรรทัดฐานทางการพิพากษา เขาก็ร้องและรับกันหน้าตาเฉย
ผ่านไปสองปี จึงรู้ว่าไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง ต้องไปที่ศาลยุติธรรม
http://www.dailynews.co.th/politics/240301
ครับ ใช้เทคนิคไปเสียเวลาอยู่ที่ศาลปกครองซะสองปี ด้วยการตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจศาล
และตอนนี้ ไม่รู้เรื่องถึงไหน
ความจริงเรื่องนี้มันชัดตั้งแต่แรกแล้วครับ ว่าหากอภิสิทธิ์คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ต้องฟ้องต่อศาลยุติธรรม ไม่ใช่ศาลอื่น
แต่อย่างว่า มีเทคนิคอะไรก็งัดมาใช้มาช่วยกันไว้ก่อน ดีไม่ดีไม่ถึงศาลยุติธรรมด้วยซ้ำ คดียุติก่อนว่า รอด
อย่างไรก็ตาม
ต่อให้อภิสิทธิ์ร้องไปศาลไหนก็ตาม คำสั่งของกลาโหมก็มีผลทางกฎหมายแล้ว
กกต.พิจารณาและส่งเรื่องให้ศาล รธน. วินิจฉัยชี้ขาดได้ แต่ กกต.ไม่ทำ (คุณเรืองไกรร้องต่อ กกต.เมื่อปี 56)
ศาล รธน. วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็น ส.ส. ของอภิสิทธิ์ได้ แต่ไม่ยอมวินิจฉัย อ้างรอศาลอื่น ทั้งที่ไม่มีผลผูกพันใด ๆ
แล้วพอยิ่งลักษณ์ยุบสภาฯปลายปี 56 ศาล รธน.ก็รีบจำหน่ายเรื่องออกจากสารบบ
ด้วยข้ออ้างอภิสิทธิ์พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เพราะยุบสภา ไม่มีเหตุต้องรับเรื่องไว้พิจารณาอีกต่อไป
(กกต.ไม่ดำเนินการ ส.ส.เพื่อไทยก็เข้าชื่อร้องต่อศาล รธน.โดยตรง)
เห็นไหมครับ ว่าเป็นสเต็ป ๆ ในการโอบอุ้มอย่างอบอุ่น
ไม่มีรูรอด เพราะหลักฐานมัดตัว
ก็ใช้ "เทคนิค" ร้องขัดร้องค้านตรงนั้นตรงนี้ไว้ ก็เป็นสิทธิของอภิสิทธิ์ครับ
แต่การรับเรื่องนั่นสิ ทั้งที่ตัวบทกฎหมาบอกชัดว่าไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง ยังรับเรื่องไว้ได้
แล้วใช้เวลาสองปีกว่าจะสรุปว่า ไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง
เฮ้ออออ...
คล้ายคดี 99 ศพนั่นแหละครับ
อัยการฟ้องข้อหาฆ่าคนตายต่อศาลอาญา เป็นเรื่องอาญา ฟ้องต่อศาลอาญา
แต่ศาลอาญาไม่รับฟ้อง บอกต้องไปที่ ป.ป.ช. โน่น
มันพิลึกหลุดโลกครับ
เรื่องหนีทหาร คำสั่งกลาโหมมีผลทางกฎหมายแล้ว ไม่ว่า กกต. ไม่ว่าศาล รธน. ก็ต้องวินิจฉัยไปตามกฎหมาย
คำสั่งจะผิดจะถูก เป็นเรื่องที่อภิสิทธิ์ต้องไปต่อสู้ในกระบวนการกับศาลยุติธรรม
กกต. และ ศาล รธน. ไม่มีหน้าที่มาบอกว่า รอศาลนั้นศาลนี้ก่อน ไม่เกี่ยวกันเลย
เรื่อง 99 ศพ จะผิดจะถูกว่ากันที่ศาลอาญา เรื่องอาญา ฟ้องศาลอาญา ถูกเรื่อง ถูกศาล
จะผิดจะถูกว่ากันในศาล ไม่ใช่หน้าที่ของศาลที่จะมาบอกว่าคดีต้องไปโน่นไปนี่ เพราะเขาไม่ได้ฟ้องผิดเรื่องผิดศาล
และถึงวันนี้ กองทัพบกก็ไม่ดำเนินการใด ๆ ไม่ว่าเรื่องถอดยศ เรียกเงินเดือนคืน เงียบสนิท
เหมือนเมื่อปี 42 ที่ขนาดลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ไปแล้ว
แต่นายอภิสิทธิ์ลอยนวล เรื่องหายไปกับสายลมเอาเฉย ๆ
นี่หากไม่มีใครกระตุ้น (พรรคเพื่อไทยก็งี่เง่า ทีหัวหน้าพรรคตัวเองอย่างคุณยงยุทธ วิขัยดิษฐ์ โดน ปชป. กระตุ้นซะจนต้องลาออกจากทุกตำแหน่ง)
สังคมก็ลืม เรื่องก็คงหายไปกับสายลมอีกรอบแน่ ๆ
ช่วย ๆ กันกระตุ้นครับ อย่าให้หายไปกับสายเส้น เอ๊ย สายลม
คุณ Rational ครับ ผมมีอะไรจะเล่าให้ฟังครับ เกี่ยวกับคดีหนีทหารของอภิสิทธิ์ คุณ Rational คาดการณ์ถูกต้องเลยครับ
ใช่เลยครับ ว่านี่คือการใช้ "เทคนิค" ทางข้อกฎหมายในการยืดเรื่องดองความ
เมื่อปี 55 ตอนเรื่องนี้เป็นกระแสสังคม ทั้งอภิสิทธิ์ ทั้งศิริโชค เรียงหน้ากันออกมาแถ แก้ตัว
แต่โดน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ตอกหน้าด้วยหลักฐานจนเงียบไป
รวมทั้งคุณกมล บันไดเพชร ผู้เป็นคนแรกที่ทำเรื่องร้องต่อกองทัพบกว่าอภิสิทธิ์หนีทหารเมื่อปี 2542
ได้ออกมาท้านายศิริโชคที่โชว์ใบผ่อนผันต่อสื่อมวลชน ว่า หากนายศิริโชคมีหลักฐานมีต้นขั้วของใบผ่อนผันที่เอามาโชว์
ไม่ใช่เอามาโชว์ลอย ๆ แบบไม่มีที่มาที่ไป ไม่รู้เอามาจากไหน เขาพร้อมจะกราบ ผลก็ปรากฎว่า นายศิริโชคไม่รับคำท้า
เรื่องนี้ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่รู้จักมักคุ้นกับนักกฎหมายระดับอัยการ ผู้พิพากษา รู้จักกับนายทหารใหญ่
ได้เล่าให้ผมฟังว่า คุยกับเพื่อน ๆ เรื่องอภิสิทธิ์หนีทหารแล้ว ต่างส่ายหัว
พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รอดยาก เพราะไม่มีช่องเลย หลักฐานมัดตัว ใครอุ้มก็เน่าไปด้วย
แต่เขาก็อุ้มกันมาตลอด
ผมจึงเห็นว่า เป็นที่มาของการร้องต่อศาลปกครองของอภิสิทธิ์ครับ
เพราะตอนนั้น พวกเขาก็คงหาทางออกเต็มที่ สุดท้ายก็ได้ทางออกว่า ร้องต่อศาลปกครอง
ทั้งที่ ตามกฎหมายแล้ว ไม่มีทางเลยครับที่จะร้องต่อศาลปกครองได้
เพราะตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาความของศาลปกครอง พ.ศ. 2542
บัญญัติไว้ในมาตรา 9 วรรคสอง (1) ชัดเจนว่า
และศาลปกครองสูงสุดก็เคยพิพากษาไว้แล้ว ว่าเรื่องวินัยทหารไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง
ทั้งที่มีข้อกฎหมายชัด มีบรรทัดฐานทางการพิพากษา เขาก็ร้องและรับกันหน้าตาเฉย
ผ่านไปสองปี จึงรู้ว่าไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง ต้องไปที่ศาลยุติธรรม
http://www.dailynews.co.th/politics/240301
ครับ ใช้เทคนิคไปเสียเวลาอยู่ที่ศาลปกครองซะสองปี ด้วยการตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจศาล
และตอนนี้ ไม่รู้เรื่องถึงไหน
ความจริงเรื่องนี้มันชัดตั้งแต่แรกแล้วครับ ว่าหากอภิสิทธิ์คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ต้องฟ้องต่อศาลยุติธรรม ไม่ใช่ศาลอื่น
แต่อย่างว่า มีเทคนิคอะไรก็งัดมาใช้มาช่วยกันไว้ก่อน ดีไม่ดีไม่ถึงศาลยุติธรรมด้วยซ้ำ คดียุติก่อนว่า รอด
อย่างไรก็ตาม
ต่อให้อภิสิทธิ์ร้องไปศาลไหนก็ตาม คำสั่งของกลาโหมก็มีผลทางกฎหมายแล้ว
กกต.พิจารณาและส่งเรื่องให้ศาล รธน. วินิจฉัยชี้ขาดได้ แต่ กกต.ไม่ทำ (คุณเรืองไกรร้องต่อ กกต.เมื่อปี 56)
ศาล รธน. วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็น ส.ส. ของอภิสิทธิ์ได้ แต่ไม่ยอมวินิจฉัย อ้างรอศาลอื่น ทั้งที่ไม่มีผลผูกพันใด ๆ
แล้วพอยิ่งลักษณ์ยุบสภาฯปลายปี 56 ศาล รธน.ก็รีบจำหน่ายเรื่องออกจากสารบบ
ด้วยข้ออ้างอภิสิทธิ์พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เพราะยุบสภา ไม่มีเหตุต้องรับเรื่องไว้พิจารณาอีกต่อไป
(กกต.ไม่ดำเนินการ ส.ส.เพื่อไทยก็เข้าชื่อร้องต่อศาล รธน.โดยตรง)
เห็นไหมครับ ว่าเป็นสเต็ป ๆ ในการโอบอุ้มอย่างอบอุ่น
ไม่มีรูรอด เพราะหลักฐานมัดตัว
ก็ใช้ "เทคนิค" ร้องขัดร้องค้านตรงนั้นตรงนี้ไว้ ก็เป็นสิทธิของอภิสิทธิ์ครับ
แต่การรับเรื่องนั่นสิ ทั้งที่ตัวบทกฎหมาบอกชัดว่าไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง ยังรับเรื่องไว้ได้
แล้วใช้เวลาสองปีกว่าจะสรุปว่า ไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง
เฮ้ออออ...
คล้ายคดี 99 ศพนั่นแหละครับ
อัยการฟ้องข้อหาฆ่าคนตายต่อศาลอาญา เป็นเรื่องอาญา ฟ้องต่อศาลอาญา
แต่ศาลอาญาไม่รับฟ้อง บอกต้องไปที่ ป.ป.ช. โน่น
มันพิลึกหลุดโลกครับ
เรื่องหนีทหาร คำสั่งกลาโหมมีผลทางกฎหมายแล้ว ไม่ว่า กกต. ไม่ว่าศาล รธน. ก็ต้องวินิจฉัยไปตามกฎหมาย
คำสั่งจะผิดจะถูก เป็นเรื่องที่อภิสิทธิ์ต้องไปต่อสู้ในกระบวนการกับศาลยุติธรรม
กกต. และ ศาล รธน. ไม่มีหน้าที่มาบอกว่า รอศาลนั้นศาลนี้ก่อน ไม่เกี่ยวกันเลย
เรื่อง 99 ศพ จะผิดจะถูกว่ากันที่ศาลอาญา เรื่องอาญา ฟ้องศาลอาญา ถูกเรื่อง ถูกศาล
จะผิดจะถูกว่ากันในศาล ไม่ใช่หน้าที่ของศาลที่จะมาบอกว่าคดีต้องไปโน่นไปนี่ เพราะเขาไม่ได้ฟ้องผิดเรื่องผิดศาล
และถึงวันนี้ กองทัพบกก็ไม่ดำเนินการใด ๆ ไม่ว่าเรื่องถอดยศ เรียกเงินเดือนคืน เงียบสนิท
เหมือนเมื่อปี 42 ที่ขนาดลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ไปแล้ว
แต่นายอภิสิทธิ์ลอยนวล เรื่องหายไปกับสายลมเอาเฉย ๆ
นี่หากไม่มีใครกระตุ้น (พรรคเพื่อไทยก็งี่เง่า ทีหัวหน้าพรรคตัวเองอย่างคุณยงยุทธ วิขัยดิษฐ์ โดน ปชป. กระตุ้นซะจนต้องลาออกจากทุกตำแหน่ง)
สังคมก็ลืม เรื่องก็คงหายไปกับสายลมอีกรอบแน่ ๆ
ช่วย ๆ กันกระตุ้นครับ อย่าให้หายไปกับสายเส้น เอ๊ย สายลม