[CR] :::>>เมื่อฉันพาสามีตากล้องออกท่องโลก<<::: ตอน ทริปเล็กๆ ในยุโรป

ครั้งนี้เป็นกระทู้ที่ 2 สำหรับเรานะคะ หลังจากกระทู้แรกเป็นประเทศฮิตในแถบเอเชีย คราวนี้จะพาไปโซนยุโรปค่ะ ยังคงยืนยันว่าไปแค่ 2 คน ก็มีรูปคู่เก๋ๆ ได้ค่ะ ลองเปลี่ยนจากการใช้ไม้ selfie หรือถ่าย selfie ด้วยมือ เป็นขาตั้งกล้องดูบ้าง  (ถ้าอดทนมากพอที่จะแบกขาตั้งกล้องไป) รับรองว่ารูปสวยกว่ากันเยอะค่ะ

กระทู้ของเราจะเน้นการเล่าเรื่องและบรรยากาศ พร้อมรูปประกอบโดยเน้นรูปคู่เยอะหน่อย แต่เป็นรูปคู่ที่สามารถเก็บฉากหลัง เห็นบรรยากาศได้ชัดเจน น้อยมากที่จะถ่ายแนว portrait หรือหลังละลาย ซึ่งการถ่ายรูปที่เน้นสถานที่ แต่มีเราเป็นส่วนหนึ่งรวมอยู่ด้วย เป็นสไตล์การถ่ายรูปที่เรา 2 คนชอบค่ะ  จะไม่ได้รีวิววิธีการเดินทางละเอียดมากนักนะคะ ทำไปก็ซ้ำกับหลายกระทู้ ^^ แต่ถ้าใครอยากสอบถามส่วนไหน เรื่องตั๋ว เรื่องการเดินทาง ที่พัก หรือเรื่องเทคนิคการถ่ายรูป หลังไมค์มาได้ค่ะ จะพยายามตอบให้ กระทู้นี้เรื่องเล่าเยอะกว่ากระทู้แรก ใครไม่ชอบอ่าน ดูแต่รูปได้ค่ะ

ขอฝากกระทู้แรกไว้ด้วยนะคะ ตอนประเทศสุดฮิตในเอเชีย http://pantip.com/topic/33661617
กระทู้ที่ 3 ตอนไอซ์แลนด์จ๋า..พี่มาแล้วจ้ะ http://pantip.com/topic/34597255
กระทู้ที่ 4 จะรุบจุ๊บจิ๊บ:: พาเที่ยวแบบครอบครัว ทัวร์เขาใหญ่ >> พักหรู อยู่สบาย บรรยากาศส่วนตัว…The Air @ Khao Yai http://pantip.com/topic/35426137



ยังคงเน้นย้ำสไตล์การเที่ยวแบบเดิม คือ ตั๋วโปร  พักราคากลางๆ ค่อนไปทางถูก แต่เน้นปลอดภัยและเดินทางสะดวก กินถูกเป็นส่วนใหญ่ กินดีก็มีบ้าง แต่น้อยค่ะ ที่สำคัญคือไม่ช็อปปิ้ง ทั้งที่ไปถึงฝรั่งเศส กระเป๋าหลุยส์วิคตง วิคตองอะไรนั่น ที่ราคาแพง ไม่ใช่สไตล์เราเลยค่ะ ถ้าใครงบเหลือหรือชอบของแบรนด์เนมมากๆ ก็จัดไปตามรสนิยมและตังค์ในกระเป๋า

ทริปนี้เราได้ตั๋วเครื่องบินจากเพจอาแปะเช่นเคย จองตั๋วแบบ multi city BKK-CDG-KUL แล้วหาตั๋วจากกัวลาลัมเปอร์กลับ กทม. อีกทีค่ะ ไหนๆ ก็ได้แวะมาแล้ว ดังนั้นทริปนี้ เราจึงแวะค้างกัวลาลัมเปอร์  1 คืนก่อนกลับไทยค่ะ

สำหรับ route ในยุโรปที่เราแวะเที่ยวคือ ประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และแวะเยอรมันแค่เมืองมิวนิคค่ะ ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ดูเหมือนจะเป็นชะโงกทัวร์ แต่อย่างเราไม่ได้มีตังค์จะไปบ่อยๆ ไปทั้งทีเก็บที่เด็ดๆ ไว้ก่อน ถ้าไล่ตามเมือง ก็ตามนี้ค่ะ Paris – Strasbourg – Colmar – Interlaken (Jungfraujoch) – Zermatt (Matterhorn) – Thun – Interlaken – Luzern  – Hallstatt –Salzburg – Munich – Paris  จากเส้นทางคือเริ่มที่ปารีส จบที่ปารีส เพราะเราซื้อตั๋วโปรแบบนี้ ซื้อไปแบบไม่ได้วางแผนว่าจะเที่ยวยังไง ก็เลยเที่ยววนลูปแบบนี้ และเดินทางโดยรถไฟใช้ Eurail Pass



คำเตือน สำหรับทริปนี้เราไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เนื่องจากไปช่วงต้น ธ.ค. ปี 2014 ตอนจองตั๋วเพราะเป็นตั๋วโปร คิดน้อยไปค่ะ ตั๋วโปรมา มือไม้สั่น รีบเกิน จองตามวันที่ว่าง ช่วงหยุดยาววันพ่อ-วันรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นช่วงกำลังเข้าฤดูหนาว พูดง่ายๆ คือ low season นั่นเอง พอไปถึงอากาศแย่มากค่ะ มี 3 วันที่เจอแดด ฟ้าเปิด นอกนั้นเมฆครึ้ม ฝนตก ทรมานมาก ขอเตือนว่าใครจะไปเที่ยวยุโรป โปรดหลีกเลี่ยงช่วงนี้นะคะ พอเข้าหน้าหนาว สถานที่เที่ยวหลายแห่งก็งดให้บริการ ดังนั้นรูปในกระทู้นี้ อาจจะไม่เหมือนทริปยุโรปที่หลายคนเคยรีวิว ซึ่งเป็นภาพฟ้าใสๆ อากาศดี แต่ของเราขมุกขมัวค่ะ แนวภาพก็จะเป็นโทนสีอาร์ทๆ นะคะ สภาพอากาศไม่เหมาะกับการแต่งรูปสีสด ยกเว้นวันที่ฟ้าเปิด จัดไปเลยจ้า สีสดๆกันเลย

สิ่งที่กังวลที่สุดในการไปยุโรปครั้งนี้คือ ความปลอดภัย โดยเฉพาะประเทศฝรั่งเศส ขึ้นชื่อเรื่องโจร ขโมย นักล้วงกระเป๋า และการที่เราไปกันแค่ 2 คน ทำให้เรากังวลมากเลยทีเดียว ต้องวางแผนว่าไปเที่ยวแต่เช้า ไม่กลับดึก ไม่เดินที่เปลี่ยวๆ ระวังข้าวของทุกฝีก้าว แม้แต่กระเป๋าใส่สตางค์กับบัตรเครดิต เราใช้เป็นกระเป๋าห้อยคอแล้วมีเสื้อทับอีกทีค่ะ ก่อนจะตั้งขาตั้งถ่ายรูป ต้องดูบริเวณแวดล้อมให้ดีนะคะ ซึ่งทริปนี้เราสามารถผ่านไปได้ด้วยดี ไม่เจอเรื่องโจรขโมยค่ะ



ในส่วนของอุปกรณ์ถ่ายรูป แทบจะทุกทริป คุณสามีเราพกกล้องไป 2 บอดี้ค่ะ หลายคนอาจจะคิดว่ายิ่งเสี่ยง ถ้าถูกขโมยขึ้นมาก็คงไม่เหลืออะไร จริง ๆ แล้วเราพกไปเผื่อมีกล้องพังค่ะ จะได้มีบอดี้สำรองใช้ ซึ่งบางทริปก็จะพกออกไปแค่ตัวเดียว อีกตัวใส่ตู้เซฟในห้องที่โรงแรมไว้ค่ะ และทริปนี้กล้องก็พัง 1 ตัวจริงๆ ค่ะ รายละเอียดจะเล่าทีหลังนะคะ และอุปกรณ์อื่นๆ ก็จะมีขาตั้งกล้อง รีโมทชัตเตอร์(เป็นรีโมทที่ใช้ได้กับบอดี้นึง แต่อีกอันใช้ไม่ได้ค่ะ คนละรุ่น ต้องกดชัตเตอร์แล้ววิ่งเหมือนเดิม) แฟลช+ขาตั้ง กล้อง GoPro พร้อม steady cam+ ไม้ selfie



และนี่ก็เป็นผลงาน VDO ของทริปนี้ค่ะ ที่จริงอันนี้เป็นงาน VDO ชิ้นแรกที่คุณสามีเราถ่ายเอง ตัดต่อเอง เพราะทริปนี้ไปมาก่อนทริปเกาหลีในตอนที่แล้วที่มี MV ให้ดู ไม่ต้องคาดหวังเรื่องฝีมือ VDO นะคะ ปกติสามีเราเป็นช่างภาพถ่ายภาพนิ่งเป็นหลักค่ะ


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Bonjour มาแล้วจ้า...ปารีส ฝรั่งเศส เมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เรามาถึงเช้าค่ะ กว่าจะจัดการเรื่องตั๋วรถไฟ ตั๋ว metro ให้เรียบร้อย ก็สายมากแล้วค่ะ แต่วันนี้เรายังไม่ค้างที่ปารีส แค่แวะเที่ยวก่อน มาถึงก็ไปหาที่ฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟ แล้วเดินเที่ยวเล่น ประมาณบ่ายสามค่อยกลับมาเอากระเป๋า เพื่อต่อรถไฟไป Strasbourg โปรแกรมเที่ยววันนี้ไปได้ไม่กี่ที่ค่ะ เราไปเดินเล่นแถวโบสถ์ sainte-chapelle แต่โบสถ์ปิดซ่อมแซมค่ะ จึงเดินไปเรื่อย ๆ ไปยัง Notre Dame Cathedral สภาพอากาศ ก็อย่างที่เห็นค่ะ แต่คนก็เยอะอยู่ดี เราก็หลีกเลี่ยงผู้คนมาถ่ายรูปบริเวณด้านข้างแทนที่จะถ่ายตรงกลาง



จาก Notre Dame Cathedral เดินเล่นไปเรื่อยๆ ด้านหลัง Notre Dame มีสวนค่ะ ยังคงได้บรรยากาศแบบ autumn ก็เข้าไปถ่ายรูปเล่น แต่ระหว่างที่เดินเที่ยวแถวนั้น ต้องระวังตัวนิดนึง มีชาวท้องถิ่นเข้ามาคุยด้วยตลอดเวลา ต้อง say no ตลอดค่ะ กลัวไปหมด ชวนไปเดินเที่ยวเล่น อาสาเป็นไกด์บ้าง เราตอบไม่อย่างเดียวเลยค่ะ และแถวนั้นจะมีเกาะกลางชื่อว่า Île Saint-Louis มีไอศกรีมขึ้นชื่อ แต่บรรยากาศหน้าหนาว ดูเงียบเหงามากค่ะ หนาวจนเราไม่กล้าทานไอศกรีม



เดินเล่นพอสมควรแก่เวลา นั่ง metro กลับมาที่สถานีรถไฟที่ต้องขึ้นรถไฟไป Strasbourg เป็นรถไฟ TGV ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าก็ถึงค่ะ เมืองนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น Capital of Christmas Market เริ่มมีบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาสแล้ว เราก็อยากมาดูว่าเป็นยังไง พอไปถึงเราฝากกระเป๋าที่โรงแรม แล้วนั่งรถรางไป Place Kléber



ตรงนั้นมีการแสดงโชว์ มีต้นคริสต์มาสต้นใหญ่ และมีการออกร้านคล้ายๆ ตลาดนัดบ้านเราเลยค่ะ เดินเล่นเพลินๆ มาเจอร้านขนมปัง น่ากินมาก....หมายถึงคนขายหรือขนมปังดีนะ เจอคนขาย ถึงกับลืมสามีเลยค่ะ แหะๆ อุดหนุนบาแกตต์ไป 4 ยูโร ตอนนั้นค่าเงินยูโร 40 บาทค่ะ ขนมชิ้นนี้จึงราคาประมาณ 160 บาท แพงโฮก.... ซื้อแล้วก็ขอเค้าถ่ายรูปด้วย เค้าทำหน้างงเล็กน้อย ถามกลับด้วยเสียงสูงว่า “take a photo with me??????” ประมาณว่า ถ่ายกับกระผมเนี่ยนะ ก็หน้าตาแบบนี้ แถวบ้านอิช้านจัดว่าดูดีจ้ะ บ้านเธออาจจะธรรมดา หลังจากนั้นก็เดินกินไป ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ค่ะ



เช้าวันต่อมา ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม เพราะครึ่งเช้าเราจะไปเมือง Colmar ค่ะ ที่ Colmar ไม่มีที่ฝากกระเป๋า นั่งรถไฟจาก Strasbourg เพียงครึ่งชั่วโมง จากสถานีรถไฟ เราเดินไปตรงสถานที่สุดฮิตที่ปักหมุดไว้ คือ La Petite Venise (ลิตเติ้ลเวนิส) ระยะทางพอเดินได้ค่ะ ประมาณ 10 กว่านาที เห็นตามรีวิวสวยมาก...แต่พอไปจริง รู้สึกเซ็งสภาพอากาศ ฝนตกปรอยๆ ตลอด บ้านเมืองน่ารักมีสีสัน ถ้ามีแดด จะสวยมาก แต่เจออากาศแบบนี้ ท้อเลยค่ะ เสียใจนิดๆ อยากได้รูปสวยๆ เหมือนที่คนอื่นไปบ้าง รูปเราได้มาแบบนี้ค่ะ



ถ่ายรูปจัดเต็มไม่ได้ ก็ถ่ายแนวๆ นี้ละกันเนอะ ก่อนกลับขอซักนิด หน้าสถานีรถไฟ Colmar ทำเสมือนว่ามีคนมาถ่าย Candid คู่เรา  ทั้งที่ใช้ขาตั้งนี้แหละค่ะ แอคติ้งต้องได้ด้วยนะ



เดินคอตกมาขึ้นรถไฟกลับไป Strasbourg มาถึงก็ใช้บริการรถรางเหมือนเดิม ไปแถวๆ Cathédrale Notre-Dame de Strasbourg วิหารประจำเมือง ยิ่งใหญ่อลังการมาก แต่เราไม่สามารถถ่ายรูปด้านหน้าให้สวยๆ ได้เลยค่ะ เพราะมี Christmas market เต็มไปหมด ต้องหลบมาทางด้านหลัง เหนื่อยก็พักกินตามร้านที่เขาออกร้านกัน ขนมปังกับ hot wine เจ้าไวน์ร้อนนี่ฮ็อทสมชื่อค่ะ คนดื่มเยอะมาก ดื่มแก้หนาวมั้งคะ เดินเล่นไปเรื่อยไปที่ Le Petite France คล้ายๆ ที่ Colmar ค่ะ แต่รู้สึกว่า Colmar สวยกว่า



จากนั้นได้เวลาขึ้นรถไฟ เดินทางต่อไปที่เมือง Interlaken ที่สวิตค่ะ เราพักที่ Youth Hostel Interlaken อยู่ใกล้สถานี Interlaken Ost ชื่อเป็นบ้านพักเยาวชน แต่น้ำหน้าอย่างเราที่เกินวัยสะรุ่นแล้ว ก็พักได้ค่ะ เค้ามีห้องพักแบบส่วนตัว พร้อมห้องน้ำในตัวให้ด้วย เราก็จองแบบนั้นไปค่ะ มีอาหารเช้าให้ กินตุนไว้เยอะๆ เช้ารุ่งขึ้นหลังจากเช็คสภาพอากาศ เราตัดสินใจขึ้น Jungfraujoch-Top of Europe ฟ้าเปิดเป็นบางช่วงค่ะ เท่าที่พูดคุยกับเจ้าหน้าที่โรงแรม เค้าบอกว่าวันนี้ดีที่สุดในสัปดาห์แล้วล่ะ



รูปข้างล่างนี้เป็นรูปที่ถ่ายตอนรอเปลี่ยนขบวนรถ ระหว่างทางขึ้นไป Jungfraujoch ตากล้องส่วนตัวของเราทำหน้าที่ดีเหลือเกิน ไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าจริงๆ ลงรถปุ๊บ เฮียแกเดินหามุมทันที ไม่ต้องกดสวิทช์ก็ทำงานค่ะ



พอขึ้นมาหลังจากเล่นหิมะแบบเต็มๆ แล้ว ก็มาถึงลานด้านนอก ถ่ายกับธงชาติสวิตค่ะ เพิ่งเข้าหน้าหนาว บนนั้นอุณหภูมิ -10 แต่ลมแรงมากค่ะ พัดเอาเมฆมาด้วย ฟ้ากำลังจะหายไป เราทั้งหน้าชา มีเกล็ดน้ำแข็งเกาะบนใบหน้า อยู่ได้แป๊บเดียวไม่ไหวค่ะ ต้องรีบเข้ามาข้างในอาคาร



***เดี๋ยวมาต่อนะคะ ที่สวิตยังมีวันฟ้าเปิดอีก 1 วัน***