มาเล่าประสบการณ์ "ขายข้าวกล่อง" ของเรา

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา เห็นช่วงนี้อาหารคลีน อาหารเพื่อสุขภาพกำลังฟีเวอร์ และมีหลายกระทุ้ที่เขียนขอคำแนะนำ  เกี่ยวกับขายอาหารเหล่านี้ เราก็เพิ่งเริ่มต้นเหมือนกัน เลยอยากมาเล่าให้ฟัง เผื่อเป็นประโยชน์ให้แก่หลายๆ คนที่สนใจได้บ้าง ประหลาดใจ แต่เดิมนั้น เราเริ่มจากขายอาหารเช้าก่อนค่ะ เป็นอาหารปกติ ปรุงธรรมดา ไม่ได้สุขภาพอะไรนัก

         เริ่มต้นเมื่อปีที่แล้ว เรามีงานประจำทำค่ะ (อยู่ต่างจังหวัด) ทำ 08.30 เลิก 16.30 บางวันต้องอยู่เวรบ้าง เลิกประมาณ 20.00 แต่เราอยากหารายได้เพิ่ม และก็ชอบเกี่ยวกับเรื่องของอาหารมากๆ ชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็กๆด้วย ที่ทำงานเราจะมีสหกรณ์ขายอาหาร แต่เราพบว่า อาหารมันจำเจมากๆ และมันก็ไม่ค่อยอร่อยเลย ข้าวก็แข็ง แต่ทุกคนไม่ค่อยมีทางเลือกมากนัก ไม่เช่นนั้นก็ต้องตากแดดอันร้อนแรงออกไปซื้อข้างนอก  เราเลยปิ๊งไอเดีย ทำข้าวมาขายดีกว่า  

         ช่วงแรก  เราจะคิดเมนูว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร แล้วเดินถามคนในแผนกค่ะ ถามทุกคนเลย ลุง ป้า น้า อา รุ่นน้อง รุ่นพี่ ถามหมด พอได้ออเดอร์หลังเลิกงานเราจะซื้อของมาเตรียมไว้ หั่นผัก หั่นเนื้อเตรียมไว้สำหรับพรุ่งนี้เช้า ตอนเช้าจะได้ไม่ยุ่งมาก  สำหรับราคาเราตั้งไว้ที่ 30 บาทต่อกล่อง กับข้าวจะเป็นกับข้าวง่ายๆ เช่น ผัดกระเพราะไก่ ไข่ดาว, ผัดพริกแกงหมู ไข่เจียว, มัสมั่นน่องไก่, ข้าวผัดห่อไข่ เป็นต้น  เป้าหมายเราคือทำสำหรับไว้ทานช่วงเช้า เพราะฉะนั้น ปริมาณอาหารช่วงเช้าจึงไม่เยอะเท่าช่วงเที่ยง จึงทำให้ขายในราคา 30 บาทได้

        ภาชนะที่ใส่ เป็นกล่องพลาสติกใสซึ่งเราซื้อมา ตกกล่องละ 1.3 บาทค่ะ

        ข้าวเราใช้ข้าวหอมท่อม ราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิประมาณ 5-8 บาทต่อกิโล ข้าวนิ่มค่ะ อร่อยดี แค่มันไม่เป็นเม็ดสวยงามเท่าข้าวหอมมะลิ

       ส่วนวัตถุดิบ เมื่อเรามีเมนูแล้ว ก็จะซื้อมาทีเดียวมากๆ เลย จะได้ราคาถูกกว่าซื้อทีละหน่อยๆ ต้องพยายามหาเมนูที่ใช้วัตถุดิบใกล้เคียงกัน ไม่หลากหลายมาก เช่น ผัดเปรี้ยวหวาน ผัดพริก ใช้หอมใหญ่ ใช้พริกชี้ฟ้าเหมือนกัน เป็นต้น (ทั้งหมดซื้อตลาดสดใกล้บ้านค่ะ)







          เราก็ทำไปตามออเดอร์ก่อน ในช่วงแรก ผลตอบรับค่อนข้างดี คนเดิมๆ ก็สั่งซ้ำ คนใหม่พอเห็นก็ลองสั่งบ้าง และกลายเป็นขาประจำไป เราเริ่มจาก 7-8 กล่องในช่วงแรก ทำไปสักเดือน เลยเพิ่มขึ้นเป็น  15-20 กล่อง หลังหักต้นทุนแล้วก็จะได้กำไรประมาณ 250-350 บาทแล้วแต่เมนู ตกต่อกล่อง กำไร
13-15 บาท เราพยายามควบคุมให้ได้ตามนี้ รวมค่าแก๊ส ค่าน้ำมันแล้วคร่าวๆ ซึ่งสำหรับเราถือว่าโอเค เป็นรายได้เล็กๆ น้อยๆ แลกกับการตื่นเช้ากว่าเดิมประมาณ 2 ชั่วโมง

         ช่วงที่สอง - - เรารุ้จักอาหารคลีนมาจากพี่ทำงานค่ะ เค้าเล่นกล้าม ออกกำลังกาย และทานคลีน เราทำกินเอง กินคลีนบ้าง กินปกติบ้าง ก็ยังไม่ได้คิดอะไร จนพี่ที่ทำงานถามว่า ถ้าเค้าสั่งเรา เราทำมาให้เค้าได้รึเปล่า ไม่ต้องเอาอะไรยากๆ ขอแค่ไก่ต้ม กะไข่ต้ม และข้าวกล้องก็พอ ประกอบกับช่วงนั้นอาหารสุขภาพกำลังฟีเวอร์มาก เราเลยคิดอยากลองทำขาย ยิ่งที่ทำงาานเรามีแต่คนรักสุขภาพเลยคิดว่าน่าจะขายได้

            วางเป้าหมาย - เราหากลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเราคิดไว้ว่า ยังไงก็ต้องเริ่มจากพี่ที่ทำงาน (อีกแล้ว) เพราะมีกลุ่มรักสุขภาพเยอะ และเคยกินฝีมือเรามาก่อน เราเลยเริ่มทำอาหารคลีนมากินที่ทำงาน (มากินให้เค้าเห็น เผื่ออยากกินแล้วสั่งบ้าง 555)  ซึ่งก็ได้ผลค่ะ เค้าเห็นเรากินเค้าก็สนใจ และซักถาม แต่เรายังไม่ขายก่อน เพราะยังไม่พร้อม แค่ลองหยั่งๆดู  และเราคิดว่าจะไม่ทำคลีน จะทำเป็นแค่ "อาหารเพื่อสุขภาพ" เพราะเราคิดว่าคลีน 100% มันจะไม่เหมาะกับคนทั่วไปมากนัก กลุ่มลูกค้าน่าจะน้อยกว่า เพราะจังหวัดที่เราอยู่ค่อนข้างติดรสอาหารกัน

            เริ่มลงมือ - เริ่มเตรียมกล่องอาหาร ซึ่งแพคเกจดีมีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ เราหากล่องพลาสติกที่มี 3 ช่อง ไว้ใส่ข้าว ผัก และกับข้าว (ตกกล่องละ 3.2 B) จากนั้นออกแบบโลโก้ เราปรึกษาเพื่อน ตอนแรกจะเอาเป็นสติกเกอร์แปะ แต่สสุดท้ายก็ได้โลโก้พิมพ์ลงบนกระดาษสีน้ำตาลแนวยาว เอาไว้คาดกล่อง ดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบค่ะ
            
             ตั้งระบบ - เราตัดสินใจ
        ๑. กำหนดเมนูอาหารไว้เป็นอาทิตย์ต่ออาทิตย์  มีให้เลือกวันละ 2 เมนู เพราะถ้ามากกว่านั้น เราจะยุ่งยากมาก
        ๒. กำหนดพื้นที่ในการจัดส่ง และราคาส่งไว้ให้ละเอียด รวมถึงสถานที่รับของ ถ้าลูกค้าสะดวกมารับเอง
        ๓. รายละเอียดการจ่ายเงิน เราตัดสินใจไปเก็บหน้างาน ไม่ได้ให้โอน เพราะคิดเทียบจากตัวเรา ถ้าสั่งไม่มากราคาไม่ถึงร้อย เราก็ขี้เกียจไปโอนธนาคาร
        ๔. วิธีการสั่ง เราให้สั่งทางเบอร์โทร หรือ อินบ๊อก สั่งล่วงหน้า 1 วันก่อนเวลาที่เรากำหนด เพราะจะได้เตรียมของถูก
        ๕. ต้องระบุให้ชัดเจนว่าอาหารของเรา ไม่ใช่คลีน เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ประกอบด้วยอะไรบ้าง (เช่นของเรา จะบอกเลยว่า ไม่ใช่คลีน ใช้ข้าวไรซ์เบอรี่ ปรุงน้ำมันคาโนล่า น้ำมันน้อย ปรุงน้อย เป็นต้น)

             โฆษณา
        - เมื่อเรากำหนดกลุ่มเป้าหมายแล้ว เราเริ่มจัดทำเพจทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค เราเตรียมซื้อกล่อง และวัตถุดิบบางส่วนมาทำ ถ่ายรูป และโพสลงเพจ จากนั้นก็แท็กเพื่อน พี่ ที่ทำงานไปก่อน
        - เราทำชุดตัวอย่างไปแจก และขอให้ช่วยถ่ายรูปลงเฟสให้หน่อย พอเพื่อนของพวกเค้าเห็น แล้วสนใจก็จะถามมา
        - ขยันอัพข้อมุลในเพจ คิดค้นเมนูใหม่ๆ จัดกล่องให้น่าทาน

        เราตั้งใจให้ได้วันละ 20 กล่อง เราขายอยุ่กล่องละ 49-59 บาท หลักหักแล้วกำไรก็อยู่ประมาณ กล่องละ 20-30 บาท แล้วแต่เมนูค่ะ ตอนนี้เพิ่งทำไปได้ 3 อาทิตย์ ยอดสั่งตอนนี้ประมาณ  15 กล่อง เราก็ถือว่าโอเค พอใจละ แต่ก็พยายามหาทางเพิ่มยอดให้มากขึ้น อย่างน้อยเอาให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ เพราะเราก็มีงานประจำด้วย และข้าวเช้าแบบธรรมดาก็ยังทำอยู่

ตัวอย่างเมนูอาหารของเรา


ผัดเต้าหู้อกไก่ทรงเครื่อง

น้ำพริกอ่องไก่ ไข่เจียว

หมี่ข้าวกล้องผัด อกไก่ย่าง

สปาเกตตี้โฮลวีท ไก่อบมะนาว

อันนี้ตัวอย่างที่เราบอกว่า พิมพ์โลโก้เป็นสายคาดกล่อง กระดาษสีน้ำตาลให้อารมณ์รักสุขภาพ (หรือเราคิดไปเองคนเดียว แหะๆ)
แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนค่ะ

     ปัญหา
     ช่วงแรก เรายังกะของไม่ถูก ขาดมั่ง เหลือเยอะมั่ง แต่พอทำไปสักพักก็เริ่มลงตัว  อีกอย่างคือพอคนรู้มากขึ้น พื้นที่ในการจัดส่งก็กระจายตัวกว้างขึ้น ถ้าอยู่ ไกลจากละแวกที่เราอยู่ เราก็จะส่งจ้างพี่วินที่ไว้ใจได้ไปส่งให้ ค่าส่งลูกค้าจ่ายเอง คิดตามความเป็นจริง ส่วนในละแวกใกล้ๆ ที่บ้านเราไปส่งให้ โดยส่งฟรี แต่ก็มีปัญหาลูกค้าบอกว่าค่าส่งแพงไป ตรงนี้เรายังแก้ปัญหาไม่ได้  ตอนนี้ก็เลยรับออเดอร์เฉพาะที่สามารถไปส่งเองได้ก่อน

      สุดท้ายนี้ หวังว่ากระทู้ของเราคงเป็นประโยชน์ให้กับคนที่สนใจนะคะ ใครมีคำแนะนำเพิ่มเติมก็บอกได้ค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

ขออนุญาต แท็ก สยามสแควร์และสังคมคุณแม่ เพราะเรายังวัยรุ่น (แหะๆ) เผื่อน้องๆ และคุณแม่สนใจหารายได้เสริม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่