สวัสดีครับ เพื่อนๆ พ่อแม่พี่น้อง ลุงป้าน้าอา ญาติสนิทมิตรสหายชาวพันทิปทุกท่าน
บอกเลยว่า กระผมเองพึ่งหัดตั้งกระทู้ (ยืมล๊อกอินหลานชายของแม่ลุงที่เป็นพี่พ่อมาครับ) ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
เรื่องทั้งหมด มันเกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือน เมษายน ที่ผ่านมานี่แหละครับ กระผมเป็นนักศึกษา ป.โท มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ย่านรามฯสองบางนา
ซึ่งมีเรียนเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ผมต้องย้ายที่ทำงานและที่พักออกจากกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของไทยไปอยู่ที่ต่างจังหวัด ทำให้ผมจำเป็นต้อง
เช่าห้องเพื่อนอนค้างคืน ในทุกสัปดาห์
อาทิตย์แรกที่ผมต้องมาหาห้องรายวันเพื่อนอนค้างแรมนั้น ผมได้ตระเวนหาที่พักทั้งหมดในย่านนั้น แต่ด้วยวันอาทิตย์ที่จะถึงนั้นตรงกับวันสอบตำรวจ ทำให้ห้องพักรายวันถูกจองเต็มทั้งหมด
จนกระทั่ง ผมไปเจอกับอาคารหลังหนึ่ง ติดป้ายว่ามีห้องว่าง พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ผมจึงไม่รอช้ารีบโทรไปตามเบอร์โทรนั้นทันที ไม่นานก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งรับสาย พร้อมกับเสียงหมาเห่ากันอย่างเกรียวกราว ผมจึงสอบถามไปว่ายังมีห้องว่างอยู่ใช่มั้ยครับ พอดีว่าเห็นป้ายที่ตึกเขียนแจ้งไว้ ผู้หญิงคนดังกล่าวตอบกับมาว่า "ไอ้

จะอะไรกันนักกันหนา ให้กUได้หลับได้นอนบ้าง งานการไม่ได้ทำเพราะรำคาญพวกนี่แหละ" ผมตกใจนิดหน่อย พอรวบรวมสติได้จึงพูดถามไปอีกครั้ง ทางปลายสายก็ตอบกลับมาว่า "ขอโทษค่ะเมื่อกี้หนูว่าไงนะคะ พอดีป้าด่าหมาอยู่น่ะค่ะ เลยไม่ได้ฟัง" ผม ........ มีห้องว่างใช่มั้ยครับ ....
หลังจากนั้นปลายสายก็ได้ตอบผมมาว่ามี 1 ห้องห้องสุดท้าย แต่อยู่ที่ตึกเก่า ห้องจะเก่าหน่อย เป็นห้อวพัดบม ราคา 350 บาท ป้าคิดหนู 300 บาท หลังจากตกลงราคากันเรียบร้อย ก็มีผู้หญิงอายุราวๆ 40 ท่านหนึงเดินออกมาจากตึกที่ติดป้ายนั้นกวัดมือเรียกให้ไปจ่ายเงินด้านใน (หลังจากปล่อยให้ยืนโทรศyพท์ตากแดดอยู่หน้าตึกเกือบ 10 นาที = =" )
จากนั้นป้าคนดังกล่าวก็พาเดินไปยังตึกที่ถัดไป พอเดินเข้าไปในตึกถึงกับตกใจ เพราะสภาพที่โทรมมากและมืดทึบ บันไดและโถงด้านล่างไม่มีไฟ อศัยแสงสว่างจากแสงที่ส่องมาจากด้านนอกเท่านั้น
พอขึ้นไปถึงห้อง สภาพก็ไม่ต่างจากด้านนอกเท่าไหร่นัก ห้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส กว่าห้าคูณห้าเมตรโดยประมาณ มีไฟหนึ่งดวง และหลอดตะเกียบในห้องน้ำอีกดวง เตียงเป็นเตียงไม้แบบเก่ามาก มีที่นอนเป็นฟูกบางๆ และมีตู้เสื้อผ้าเป็นตู้ล๊อกเกอร์เหล็กสีน้ำเงินสนิมจับทั้งตู้สองตู้ หลังจากจ่ายเงิน ป้าคนนั้นก็เดินกลับไป ทิ้งให้ผมอยู่ในห้องคนเดียว ผมจึงรีบน้ำเสื้อผ้าและของใช้ออกเหลือเพียงตำราเรียนไว้ในกระเป๋าและรีบไปเรียนในเย็นวันนั้น (เรียนเย็นวันเสาร์และวันอาทิตย์เต็มวัน จึงต้องค้างหนึ่งคืน คือคืนวันเสาร์)
หลังจากเรียนเสร็จ ผมก็รีบเดินกลับมาที่ห้องพัก เพราะมืดแล้ว และไปทางก็ไม่ค่อยมี เมื่อถึงห้องพัก ก็จัดการเก็บข้าวของและอาบน้ำ จากนั้นก็เข้านอนในช่วงเวลาประมาณ ห้าทุ่ม
แต่หลังจากนั้นไม่นานหลังจากที่ผมเข้านอน ผมก็เริ่มได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องน้ำ ผมจึงลุกไปดูว่าลือปิดน้ำหรือเปล่า แต่พอผมลุกขึ้นจากที่นอน เสียงน้ำก็หยุดลง ผมจึงเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อเชคดูให้แน่ใจ ปรากฏว่าห้องน้ำไม่มีก๊อกที่มีน้ำไหลอยู่ แต่พื้นยังคงเปียกอยู่จากตอนที่ผมอาบน้ำ ผมจึงกลับไปนอนต่อเพราะคิดว่าอาจเป็นเสียงอย่างอื่น
หลังจากนั้นซักพัก ก็มีเสียงของฝักบัว และเสียงน้ำไหล ซึ่งดังมาก ผมจึงแน่ใจว่าใช่เสียงนั้นแน่ๆ ในใจก็คิดว่า กUโดนแล้วล่ะ
.
.
.
เดี๋ยวมาต่อครับ ขอตัวไปทัวร์ยุโรปซักครึ่งเดือน เดี๋ยวกลับมาต่อครับ
ไม่ไปแล้วครับ พอดีพึ่งนึกได้ว่าไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบินน่ะครับ
ครับหลังจากที่ที่มั่นใจว่าโดนผีหลอกแน่ๆแล้ว ผมรีบลุกจากเตียงรีบไปเปิดไฟทันทีเลยครับ ชนิดที่ว่าแทบจะกระโดดพุ่งไปจากเตียงทีเดียวถึงสวิทไฟเลย ในใจก็คิดว่าไฟมันต้องไม่ติดแน่ๆ แล้วผีจะมาโผล่าตรงหน้า กUรู้ กUเคยดูหนังมา ที่ไหนได้ ไฟเปิดติดครับ ผมจึงเริ่มกวาดสายตาไปทั่วๆห้อง หาสิ่งผิดปกติ แต่ว่าไม่พบอะไร
นาทีนั้นก็สรุปได้ว่าเสียงมันมาจากห้องน้ำ ซึ่งปิดไฟอยู่ ผมจึงเดินไปใกล้ๆเพื่อเปิดไฟในห้องน้ำ พอผมเปิดไฟเท่านั้นแหละ มันก็พุ่งออกมาใส่ผมเลยครับ !!
หนูครับ ตัวใหญ่มาก เรียกว่าโครตรหนูจะดีกว่า อาจเป็นลุกครึ่งผสมก๊อสซิลล่าก็เป็นได้ มันพุ่งใส่เท่าผมชนกับหน้าแข้งแล้วก็วิ่งไปตรงประตูทางเข้า ปีนประตูอย่างมืออาชีพ แล้วใต่ตามสายไฟขึ้นบนฝ่าหนีไป ผมนี่ยืนงงเลยครับ
พอได้ตั้งสติได้ ผมก็เลยเข้าไปสำรวจห้องน้ำอีกครั้ง คราวนี้ไม่พบอะไร เสียงน้ำก็หยุดไปแล้ว ผมจึงสำรวจตามท่อน้ำจุดต่างๆดูอีกครั้งให้แน่ใจ จากนั้น
จู่ๆเสียงน้ำไหลกับเสียงฝักบัวอาบน้ำก็ดังขึ้นอีกครั้ง ใช่ครับ ตอนนั้นผมยังอยู่ในห้องน้ำ ผมมองไปที่ฝักบัวก็ไม่ได้เปิด น้ำที่ท่อก็ไม่ไหล ผมจึงตั้งใจฟังเสียงอีกครั้งชัดๆ
ในที่สุดผมก็รู้ว่า เสียงนั้นมันมาจากกำแพงห้องน้ำด้านหนึง ซึ่งกันไว้ด้วยไม้อัด ส่วนเสียงน้ำไหลก็มาจากท่อน้ำทิ้งซึ่งคาดว่าเชื่อมถึงกันทั้งสองห้อง
หลังจากนั้น ผมจึงต้องเปิดไฟนอนทั้งคืน จนถึงเช้า ไม่ได้กลัวผีนะครับ กลัวหนูแม่มจะมาแดรกหัวเอา หนูบ้าอะไรตัวใหญ่ขนาดนั้น กินแมวเป็นอกาหารได้เลย
และหลังจากวันนั้นผมก็ไม่เคยคิดจะไปพักที่นั่นอีกเลย จนถึงทุกวันนี้
เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้ล่ะครับ
ขอบคุณที่กรุณาอ่านจนจบครับ
สวัสดีครับทุกท่าน
กระทู้เล่าเรื่องสยองขวัญ ห้องพักรายวันข้างมหา'ลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง
บอกเลยว่า กระผมเองพึ่งหัดตั้งกระทู้ (ยืมล๊อกอินหลานชายของแม่ลุงที่เป็นพี่พ่อมาครับ) ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
เรื่องทั้งหมด มันเกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือน เมษายน ที่ผ่านมานี่แหละครับ กระผมเป็นนักศึกษา ป.โท มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ย่านรามฯสองบางนา
ซึ่งมีเรียนเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ผมต้องย้ายที่ทำงานและที่พักออกจากกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของไทยไปอยู่ที่ต่างจังหวัด ทำให้ผมจำเป็นต้อง
เช่าห้องเพื่อนอนค้างคืน ในทุกสัปดาห์
อาทิตย์แรกที่ผมต้องมาหาห้องรายวันเพื่อนอนค้างแรมนั้น ผมได้ตระเวนหาที่พักทั้งหมดในย่านนั้น แต่ด้วยวันอาทิตย์ที่จะถึงนั้นตรงกับวันสอบตำรวจ ทำให้ห้องพักรายวันถูกจองเต็มทั้งหมด
จนกระทั่ง ผมไปเจอกับอาคารหลังหนึ่ง ติดป้ายว่ามีห้องว่าง พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ผมจึงไม่รอช้ารีบโทรไปตามเบอร์โทรนั้นทันที ไม่นานก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งรับสาย พร้อมกับเสียงหมาเห่ากันอย่างเกรียวกราว ผมจึงสอบถามไปว่ายังมีห้องว่างอยู่ใช่มั้ยครับ พอดีว่าเห็นป้ายที่ตึกเขียนแจ้งไว้ ผู้หญิงคนดังกล่าวตอบกับมาว่า "ไอ้
หลังจากนั้นปลายสายก็ได้ตอบผมมาว่ามี 1 ห้องห้องสุดท้าย แต่อยู่ที่ตึกเก่า ห้องจะเก่าหน่อย เป็นห้อวพัดบม ราคา 350 บาท ป้าคิดหนู 300 บาท หลังจากตกลงราคากันเรียบร้อย ก็มีผู้หญิงอายุราวๆ 40 ท่านหนึงเดินออกมาจากตึกที่ติดป้ายนั้นกวัดมือเรียกให้ไปจ่ายเงินด้านใน (หลังจากปล่อยให้ยืนโทรศyพท์ตากแดดอยู่หน้าตึกเกือบ 10 นาที = =" )
จากนั้นป้าคนดังกล่าวก็พาเดินไปยังตึกที่ถัดไป พอเดินเข้าไปในตึกถึงกับตกใจ เพราะสภาพที่โทรมมากและมืดทึบ บันไดและโถงด้านล่างไม่มีไฟ อศัยแสงสว่างจากแสงที่ส่องมาจากด้านนอกเท่านั้น
พอขึ้นไปถึงห้อง สภาพก็ไม่ต่างจากด้านนอกเท่าไหร่นัก ห้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส กว่าห้าคูณห้าเมตรโดยประมาณ มีไฟหนึ่งดวง และหลอดตะเกียบในห้องน้ำอีกดวง เตียงเป็นเตียงไม้แบบเก่ามาก มีที่นอนเป็นฟูกบางๆ และมีตู้เสื้อผ้าเป็นตู้ล๊อกเกอร์เหล็กสีน้ำเงินสนิมจับทั้งตู้สองตู้ หลังจากจ่ายเงิน ป้าคนนั้นก็เดินกลับไป ทิ้งให้ผมอยู่ในห้องคนเดียว ผมจึงรีบน้ำเสื้อผ้าและของใช้ออกเหลือเพียงตำราเรียนไว้ในกระเป๋าและรีบไปเรียนในเย็นวันนั้น (เรียนเย็นวันเสาร์และวันอาทิตย์เต็มวัน จึงต้องค้างหนึ่งคืน คือคืนวันเสาร์)
หลังจากเรียนเสร็จ ผมก็รีบเดินกลับมาที่ห้องพัก เพราะมืดแล้ว และไปทางก็ไม่ค่อยมี เมื่อถึงห้องพัก ก็จัดการเก็บข้าวของและอาบน้ำ จากนั้นก็เข้านอนในช่วงเวลาประมาณ ห้าทุ่ม
แต่หลังจากนั้นไม่นานหลังจากที่ผมเข้านอน ผมก็เริ่มได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องน้ำ ผมจึงลุกไปดูว่าลือปิดน้ำหรือเปล่า แต่พอผมลุกขึ้นจากที่นอน เสียงน้ำก็หยุดลง ผมจึงเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อเชคดูให้แน่ใจ ปรากฏว่าห้องน้ำไม่มีก๊อกที่มีน้ำไหลอยู่ แต่พื้นยังคงเปียกอยู่จากตอนที่ผมอาบน้ำ ผมจึงกลับไปนอนต่อเพราะคิดว่าอาจเป็นเสียงอย่างอื่น
หลังจากนั้นซักพัก ก็มีเสียงของฝักบัว และเสียงน้ำไหล ซึ่งดังมาก ผมจึงแน่ใจว่าใช่เสียงนั้นแน่ๆ ในใจก็คิดว่า กUโดนแล้วล่ะ
.
.
.
เดี๋ยวมาต่อครับ ขอตัวไปทัวร์ยุโรปซักครึ่งเดือน เดี๋ยวกลับมาต่อครับ
ไม่ไปแล้วครับ พอดีพึ่งนึกได้ว่าไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบินน่ะครับ
ครับหลังจากที่ที่มั่นใจว่าโดนผีหลอกแน่ๆแล้ว ผมรีบลุกจากเตียงรีบไปเปิดไฟทันทีเลยครับ ชนิดที่ว่าแทบจะกระโดดพุ่งไปจากเตียงทีเดียวถึงสวิทไฟเลย ในใจก็คิดว่าไฟมันต้องไม่ติดแน่ๆ แล้วผีจะมาโผล่าตรงหน้า กUรู้ กUเคยดูหนังมา ที่ไหนได้ ไฟเปิดติดครับ ผมจึงเริ่มกวาดสายตาไปทั่วๆห้อง หาสิ่งผิดปกติ แต่ว่าไม่พบอะไร
นาทีนั้นก็สรุปได้ว่าเสียงมันมาจากห้องน้ำ ซึ่งปิดไฟอยู่ ผมจึงเดินไปใกล้ๆเพื่อเปิดไฟในห้องน้ำ พอผมเปิดไฟเท่านั้นแหละ มันก็พุ่งออกมาใส่ผมเลยครับ !!
หนูครับ ตัวใหญ่มาก เรียกว่าโครตรหนูจะดีกว่า อาจเป็นลุกครึ่งผสมก๊อสซิลล่าก็เป็นได้ มันพุ่งใส่เท่าผมชนกับหน้าแข้งแล้วก็วิ่งไปตรงประตูทางเข้า ปีนประตูอย่างมืออาชีพ แล้วใต่ตามสายไฟขึ้นบนฝ่าหนีไป ผมนี่ยืนงงเลยครับ
พอได้ตั้งสติได้ ผมก็เลยเข้าไปสำรวจห้องน้ำอีกครั้ง คราวนี้ไม่พบอะไร เสียงน้ำก็หยุดไปแล้ว ผมจึงสำรวจตามท่อน้ำจุดต่างๆดูอีกครั้งให้แน่ใจ จากนั้น
จู่ๆเสียงน้ำไหลกับเสียงฝักบัวอาบน้ำก็ดังขึ้นอีกครั้ง ใช่ครับ ตอนนั้นผมยังอยู่ในห้องน้ำ ผมมองไปที่ฝักบัวก็ไม่ได้เปิด น้ำที่ท่อก็ไม่ไหล ผมจึงตั้งใจฟังเสียงอีกครั้งชัดๆ
ในที่สุดผมก็รู้ว่า เสียงนั้นมันมาจากกำแพงห้องน้ำด้านหนึง ซึ่งกันไว้ด้วยไม้อัด ส่วนเสียงน้ำไหลก็มาจากท่อน้ำทิ้งซึ่งคาดว่าเชื่อมถึงกันทั้งสองห้อง
หลังจากนั้น ผมจึงต้องเปิดไฟนอนทั้งคืน จนถึงเช้า ไม่ได้กลัวผีนะครับ กลัวหนูแม่มจะมาแดรกหัวเอา หนูบ้าอะไรตัวใหญ่ขนาดนั้น กินแมวเป็นอกาหารได้เลย
และหลังจากวันนั้นผมก็ไม่เคยคิดจะไปพักที่นั่นอีกเลย จนถึงทุกวันนี้
เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้ล่ะครับ
ขอบคุณที่กรุณาอ่านจนจบครับ
สวัสดีครับทุกท่าน