คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
คำพูดของท่านโพธิภิกขุ (พระเถรวาท บวชเรียนที่ศรีลังกา)
ฟัง นาทีที่ 15:26
http://youtu.be/S0MWAAykFuc?t=15m26s
As somebody goes into a market, say on the Tuesday, and orders a piece of chicken, at the sales counter somebody will click some kind of a calculator which will determine on Tuesday a piece of chicken be sold which will send out a message for the next Tuesday that we have to meet the same quantity of chickens to satisfy our customer base.
You know, so even though when you order the chicken on Tuesday, you are not responsible for the death of the chicken that's providing as meal on Tuesday, but in the indirect way you can be sending a signal that next Tuesday chickens should be killed to provide food for the customers.
(แปลไทยแบบจับใจความ)
เมื่อใครสักคนเดินเข้าไปในตลาด สมมุติว่าเป็นวันอังคาร และสั่งซื้อเนื้อไก่ในตลาดนั้น ระบบของร้าน จะบันทึกนับไว้ เพื่อเป็นตัวเลขที่จะไปกำหนดว่า ทุกวันอังคารถัดๆไป ควรมีเนื้อไก่เตรียมไว้ขายเท่านี้ๆ ซึ่งตัวเลขที่นับไว้นี้ ส่งผลไปถึง การสั่งฆ่าไก่ไว้ขาย ในวันอังคารหน้าถัดไป เพื่อรับรองว่า จะต้องมีเนื้อไก่เพียงพอกับความต้องการของผู้ซื้อ.
คุณลองพิจารณาดู ถึงแม้ว่า คุณจะสั่งซื้อเนื้อไก่ในวันอังคารนี้ คุณไม่ต้องรับผิดชอบในข้อหาสั่งฆ่าไก่ ที่คุณพึ่งซื้อไปนั้น แต่ในทางปฏิบัติแล้ว การซื้อเนื้อไก่ของคุณในวันอังคารนี้ คือการระบุส่งสัญญาณล่วงหน้าแก่ระบบ ว่า วันอังคารหน้า ต้องฆ่าไก่เตรียมไว้ให้ลูกค้ามาซื้อให้ได้เท่านี้ๆ.
คำพูดของท่านโพธิภิกขุ (พระเถรวาท บวชเรียนที่ศรีลังกา)
ฟัง นาทีที่ 43:04
http://youtu.be/S0MWAAykFuc?t=43m4s
It has always been my preference to be a vegetarian since I became a buddhist. Compassion is always to find, very simply with the same fixed expression, which is the quality of the heart or the quality that makes the heart of a good person tremble with the suffering of others and it's the wish to alleviate the suffering of others.
So again it would seem to me so intuitively that if one has this deep quality of compassion that one doesn't want others to suffer and one knows that either ordering meat or consuming meat is going through some chain of causation bring about even the cruel upbringing and the slaughter of animals that out of compassion one would adopt vegetarianism.
So that's why it seems to me that if one takes the ethical principle of buddhism in my own reflection and try to be strictly consistent with them, it would seem to entail an obligation to observe vegetarianism at least within countries where one does have an option.
เนื้อหาของข้อความข้างต้น ท่านโพธิภิกขุ (ซึ่งเป็นผู้แปลสุตตันตปิฏก ที่พระฝรั่งใช้ศึกษากันในทุกวันนี้) ท่านพูดถึงศึลข้อปาณาติปาต ตามนัยพุทธพจน์ คือตรงบทว่า which is the quality of the heart or the quality that makes the heart of a good person tremble with the suffering of others ซึ่งแปลตรงๆมาจากนิยามของศีลข้อปาณาติปาต ตามนัยพุทธพจน์ ตรงบทว่า "สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี" (ความที่เป็นผู้มีความรู้สึกถึงความไหวกระเพื่อมจากความทุกข์ของหมู่สัตว์ทั้งปวง) ด้วยเหตุนี้ ท่านจึง prefer ที่จะไม่กินสัตว์.
คำพูดของท่านโพธิภิกขุ (พระเถรวาท บวชเรียนที่ศรีลังกา)
ฟัง นาทีที่ 15:26
http://youtu.be/S0MWAAykFuc?t=15m26s
As somebody goes into a market, say on the Tuesday, and orders a piece of chicken, at the sales counter somebody will click some kind of a calculator which will determine on Tuesday a piece of chicken be sold which will send out a message for the next Tuesday that we have to meet the same quantity of chickens to satisfy our customer base.
You know, so even though when you order the chicken on Tuesday, you are not responsible for the death of the chicken that's providing as meal on Tuesday, but in the indirect way you can be sending a signal that next Tuesday chickens should be killed to provide food for the customers.
(แปลไทยแบบจับใจความ)
เมื่อใครสักคนเดินเข้าไปในตลาด สมมุติว่าเป็นวันอังคาร และสั่งซื้อเนื้อไก่ในตลาดนั้น ระบบของร้าน จะบันทึกนับไว้ เพื่อเป็นตัวเลขที่จะไปกำหนดว่า ทุกวันอังคารถัดๆไป ควรมีเนื้อไก่เตรียมไว้ขายเท่านี้ๆ ซึ่งตัวเลขที่นับไว้นี้ ส่งผลไปถึง การสั่งฆ่าไก่ไว้ขาย ในวันอังคารหน้าถัดไป เพื่อรับรองว่า จะต้องมีเนื้อไก่เพียงพอกับความต้องการของผู้ซื้อ.
คุณลองพิจารณาดู ถึงแม้ว่า คุณจะสั่งซื้อเนื้อไก่ในวันอังคารนี้ คุณไม่ต้องรับผิดชอบในข้อหาสั่งฆ่าไก่ ที่คุณพึ่งซื้อไปนั้น แต่ในทางปฏิบัติแล้ว การซื้อเนื้อไก่ของคุณในวันอังคารนี้ คือการระบุส่งสัญญาณล่วงหน้าแก่ระบบ ว่า วันอังคารหน้า ต้องฆ่าไก่เตรียมไว้ให้ลูกค้ามาซื้อให้ได้เท่านี้ๆ.
คำพูดของท่านโพธิภิกขุ (พระเถรวาท บวชเรียนที่ศรีลังกา)
ฟัง นาทีที่ 43:04
http://youtu.be/S0MWAAykFuc?t=43m4s
It has always been my preference to be a vegetarian since I became a buddhist. Compassion is always to find, very simply with the same fixed expression, which is the quality of the heart or the quality that makes the heart of a good person tremble with the suffering of others and it's the wish to alleviate the suffering of others.
So again it would seem to me so intuitively that if one has this deep quality of compassion that one doesn't want others to suffer and one knows that either ordering meat or consuming meat is going through some chain of causation bring about even the cruel upbringing and the slaughter of animals that out of compassion one would adopt vegetarianism.
So that's why it seems to me that if one takes the ethical principle of buddhism in my own reflection and try to be strictly consistent with them, it would seem to entail an obligation to observe vegetarianism at least within countries where one does have an option.
เนื้อหาของข้อความข้างต้น ท่านโพธิภิกขุ (ซึ่งเป็นผู้แปลสุตตันตปิฏก ที่พระฝรั่งใช้ศึกษากันในทุกวันนี้) ท่านพูดถึงศึลข้อปาณาติปาต ตามนัยพุทธพจน์ คือตรงบทว่า which is the quality of the heart or the quality that makes the heart of a good person tremble with the suffering of others ซึ่งแปลตรงๆมาจากนิยามของศีลข้อปาณาติปาต ตามนัยพุทธพจน์ ตรงบทว่า "สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี" (ความที่เป็นผู้มีความรู้สึกถึงความไหวกระเพื่อมจากความทุกข์ของหมู่สัตว์ทั้งปวง) ด้วยเหตุนี้ ท่านจึง prefer ที่จะไม่กินสัตว์.
แสดงความคิดเห็น
ศาสนาพุทธ และการบริโภคเนื้อสัตว์
ผมเป็นชาวพุทธคนหนึ่งครับ แต่ไปเจอข้อมูลบางอย่างมา และขัดกบที่ตนเองเคยรู้มาในศาสนาพุทธ
ข้อมูลแรกคือ พระสูตรที่ชื่อลังกาวตารสูตร (ท่านพุทธทาสภิกขุแห่งสวนโมกข์เป็นผู้แปล) (พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องการไม่ควรบริโภคเนื้อสัตว์)
ลังกาวตารสูตร (สันสกฤต: लंकावतारसूत्र Laṅkāvatāra Sūtra) เป็นพระสูตรเก่าแก่เล่มหนึ่งในนิกายมหายาน พระสูตรนี้ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎกภาษาบาลีของเถรวาท แต่งขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏ แต่ได้แปลเป็นภาษาจีนครั้งแรกราว ค.ศ. 443 เนื้อหาเป็นบทสนทนาระหว่างพระศากยมุนีพุทธเจ้ากับพระมหามติโพธิสัตว์ที่เกาะลงกา
อ้างอิงจาก
http://th.wikipedia.org/wiki/ลังกาวตารสูตร
http://www.crs.mahidol.ac.th/thai/mahayana32.htm
ข้อมูลที่สอง เป็นข้อความโพสจากเพจชื่อ เสียงร้องขอชีวิต ที่ไม่มีใครได้ยิน กล่าวถึงเรื่องเล่าจากท่านเจ้าอาวาสวัดไทยนาลันทา ท่านวิเวกนันทะภิกขุ มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงการถกปัญหาเรื่องการฉันเนื้อสัตว์ ระหว่างพระไทย และพระอินเดีย ความว่า
"พระไทยได้ยกเอาพระสูตร พระวินัยต่างๆ มาอ้างว่า มีบอกเอาไว้ว่า พระพุทธเจ้าเสวยเนื่อสัตว์ และพระภิกษุสาวกฉันเนื้อสัตว์ ไม่ถึงว่า "ขาดเมตตา" อีกทั้งไม่มี "กรรมร่วม" พระอินเดียจึงนำเอาต้นฉบับดั้งเดิมมาเปิดยืนยัน ปรากฏว่า ต้นฉบับเดิมเขาไม่มีเขียนไว้ " (ข้อความส่วนที่เหลือตามไปดูได้ตามลิงค์ด้านล่างครับ)
อ้างอิงจาก
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=833801033340898&substory_index=0&id=212552155465792
จากข้อมูลข้างต้นเลยทำให้ผมเกิดข้อสงสัยดังต่อไปนี้ครับ
1.พระไตรปิฎกของเถรวาทในไทยของเราเชื่อว่ามีเนื้อหาตามต้นฉบับเดิมที่สุด เท่าที่ผมศึกษามา พระพุทธองค์ไม่ได้ห้ามฉันเนื้อสัตว์ พระพุทธองค์เพียงตรัสไว้ว่ามีเนื่อที่พระสงฆ์ห้ามฉันสิบอย่าง และเนื้อที่ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รังเกียจ สามารถกินได้ ซึ่งการไม่กินเนื้อสัตว์นั้นเป็นแนวคิดของพระเทวทัต แต่ข้อมูลดังกล่าวไม่ตรงกับเนื้อหาในลังกาวตารสูตร และพระสูตรต้นฉบับที่อินเดีย(ข้อมูลจากเพจดังกล่าว ไม่ทราบเท็จจริงประการใด) เลยเกิดเป็นข้อสงสัยว่า อันไหนเป็นของดั้งเดิมแน่
2.สรุปแล้วพระสงฆ์ที่อินเดีย หรือลังกา ฉันเนื้อสัตว์หรือไม่ (อันนี้ไม่ทราบจริงๆ ครับ เมื่อก่อนคิดว่า พระที่นั่นคงปฏบัติเหมือนพระในไทยเรา เพราะพุทธในไทย เป็นสายตรงมาที่สุด แต่พอเจอข้อมูลที่ไปเจอมา เลยสงสัยครับ ขอผู้รู้ไขความกระจ่างด้วยครับ)
3.ลังกาวตารสูตรเป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้จริงไหม หรือแต่งขึ้นภายหลัง
ขอผู้รู้ชี้แนะ ร่วมกันศึกษาด้วยครับ
ปล.จริงๆอย่างที่เราทราบกันว่า การกินเนื้อสัตว์หรือไม่กินนั้น ไม่สำคัญเท่าการปฏิบัติลงแรงที่จิตใจ แต่ประเด็นที่ผมอยากยกมาถกกัน เป็นประเด็นที่อยู่ในมุมของประวัติศาสตร์ และการบันทึกข้อมูลที่มีความแตกต่าง ความแตกต่างนี้ผมคิดว่ามีส่วนสำคัญ เพราะพระสูตรหรือคัมภีร์ เป็นหลักในการที่ชนรุ่นหลังจะยึดถือปฏิบัติครับ จึงอยากมาหาความกระจ่างครับ
ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าครับ