"คนท้าผี" (ทหาร)

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อตอนที่ไปเป็นทหารเล่ายาวไปหน่อยนะสรุปไม่เป็น ฮ่าๆๆๆ

ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด และกรุณาอ่านเพื่อความสนุกสนาน อย่ามาจับผิดเรื่องภาษา เรื่องนั่นเรื่องนี่ ไม่พอใจจะอ่านก็ออก จบ

ต้องย้อนความไปตอนเป็นเด็ก ทุกครั้งที่ป่วย จะเห็นคนตัวใหญ่ๆ ทุกครั้งเหมือนเค้าจะมาทำร้ายเรา เคยวิ่งเหมือนคนเป็นบ้าเลยก็มี เคยมีครั้งนึงนอนไม่

สบายอยู่ในห้อง หลับตาลงก็เห็นเป็นคนร่างใหญ่ๆ เค้าชี้หน้าแล้วบอกว่าเอาของกูคืนมา

ผมนี่สะดุ้งขึ้นแล้วหอบผ้าห่มไปกองไว้ใต้เตียงพร้อมกับบอกว่า “เอาไป” แล้วผมก็วิ่งออกจากห้องนอนไปร้องไห้กับแม่แล้วเล่าให้แม่ฟัง จะเป็นแบบนี้บ่อยมาก จนเริ่มโตขึ้น อาการเหล่านี้ก็หายไป แต่สิ่งที่ยังอยู่คือความกลัว ผมเป็นคนกลัวผีนับจากนั้นมา  (ขอข้ามว่าทำไมปัจจุบันถึงเลิกกลัว)

ปัจจุบันผมค่อนข้างที่จะเลิกกลัวผีแล้ว 100% แต่ไม่ใช่ไม่เชื่อว่าผีไม่มีจริง ผมเป็นคนนึงที่เชื่อ แต่ก็คิดว่าเค้าจะมาทำอะไรเราไม่ได้เพราะเราอยู่คนละภพ
จิตเราย่อมสูงกว่า

พร่ามมานานเข้าเรื่องแล้วนะครับ อย่าพึ่งบ่นเด้อ  ผมเป็นคนอุบลครับ คัดเลือกได้ไปเป็นทหารที่ เพรชบุรี ผลัด 1/52 ค่ายไหนนั้นขอสงวนไว้นะครับ ถ้าคนที่ไปรุ่นเดียวกับผมจะรู้เรื่องนี้ทุนคน (คิดถึงเพื่อนๆนะครับใครผ่านมาอ่านทักได้นะครับ)
เรื่องเกิดขึ้นวันแรกที่ผมไปถึงค่าย ผมขึ้นรถที่ค่ายสรรพสิทอุบล ออกประมาณเที่ยงครับ ผมหลับยาว ตื่นตอนพักรถ ขึ้นรถก็หลับตลอดไม่รู้เรื่องอะไรกับคนอื่นๆเลยครับ

มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รถกำลังจะถึงค่ายซึ่งก็มืดมากแล้ว มองไม่เห็นเลยว่าบรรยากาศรอบข้างเป็นอย่างไงบ้าง พอถึงค่ายลงจากรถก็เจอลานกกว้างๆ มีทหารมาจากทุกสารทิศ ก็ลงไปนั่งรวมกัน พร้อมที่จะแยกค่าย เพราะเพรชบุรี มีค่ายอยู่ประมาณ 3-4 ที่ ถ้าจำไม่ผิด ผมโชคดีที่ถูกเรียกชื่อและมีคนเดินมารับไปยังที่พักเลย ซึ่งต่างจากคนอื่นที่ถูกแยกจะต้องนั่งรถต่อไปยังค่ายของตัวเอง

ระหว่างทางเดินที่จะถึงกองร้อย ผมเดินผ่านทางมืดๆ จะมีไฟเฉพาะจุด เดินไปเรื่อยๆประมาณ 200 เมตรเริ่มมองเห็นแสงไฟ ที่เป็นเหมือนห้องโถง

มีคนที่มาถึงก่อนหน้าผมแล้ว 4-5 คนกำลังเปลี่ยนเป็นชุดเป็ดน้อย และตัดผมสำหรับคนที่ผมยาว ซึ่งห้องนี้มีทีวี และกำลังเปิดรายการข่าววันใหม่

ซึ่งจะมีเวลาบอกว่า นี่มันตี 2 แล้ว ผมพยายามสังเกตุสถานที่โดยรอบแต่ก็มองไม่เห็นอะไรเพราะมืดมากด้านนอกไม่ได้เปิดไฟเลย เปิดแต่ในอาคาร

ผมเปลี่ยนชุดทำธุระเสร็จเกือบๆคนสุดท้าย แล้วครูฝึกก้เปิดคนเดินนำทางผมขึ้นไปโรงนอน ซึ่งอยู่ชั้นสองของตัวอาคาร ชั้นบนเป็นอาคารกึ่งไม้ กึ่งปูน

ผมเดินตามครูฝึกไปจนถึงเตียง เตียงที่ผมนอนอยู่ริมสุด ลักษณะการนอนจะนอนหันหัวชนกันเป็นแนวยาว มี 2 แถว และของครูฝึกจะหันหัวเตียงเข้าหากำแพง ผมนอนเตียงริมสุดปลายเท้าเป็นหน้าต่าง ผมจัดวางสำภาระเสร็จ กางมุ่งเตรียมตัวจะนอนครูฝึก ซึ่งนอนอยู่เตียงใกล้ๆกัน บอกกับผมว่า รีบนอน
เด่วตี 5 จะมีเสียงนกหวีด ถ้าได้ยินแล้วรีบตื่น แล้ววิ่งลงไปเข้าแถวด้านล่าง
ผมสวดมนต์ก่อนจะนอนเพื่อขออณุญาต เจ้าที่เจ้าทาง แต่ผมนอนสวดเพราะกลัวถ้านั่งครูฝึกดุว่าไม่รีบนอน ผมเลยนอนสวดไปเรื่อยๆ
คิดว่าจะไม่นอนเพราะเดียวก็จะ ตี 5 แล้ว อีกอย่างก็นอนมาทั้งวัน

ในขณะที่สวดอยู่นั้นเหมือนจะเคลิ้มๆหลับไป ได้ยินเสียงนกหวีดเป่า สั้นบ้างยาวบ้างหลายที ผมรีบลุกขึ้นนั่งเพื่อที่จะเก็บของ แต่สิ่งที่ผมเห็นคือความเงียบ เตียงข้างๆ เตียงบนหัวทุกคนต่างยังนอนอยู่ที่เตียง ผมเลยบอกตัวเองว่าสงสัยหูแว่วไป

ผมเลยนอนต่อและคิดว่าจะไม่หลับแล้วเพราะมันน่าจะใกล้เวลาที่ต้องลุก ในขณะที่ผมกำลังหลับตา

ทันใดนั้น !!! ผมได้ยินเสียงผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ “กูเป่านกหวีดแล้วมันไม่ลุกซ่อมมัน”

ผมตกใจและลืมตามาพร้อมกับพบร่างผู้ชายตัวใหญ่ แต่งกายเหมือนกันกับผม (ชุดเป็ดน้อย) ขึ้นมาค่อมตัวผม และมีอีกสองคนที่กำลังจับแขนผมไว้

ผมพยายามขยับตัวและดิ้น มันเหมือนกับยิ่งดิ้นยิ่งแน่น ในใจผมรู้แน่แล้วว่าสิ่งที่ผมเห็น ไม่ใช่ครูฝึกหรือคนแน่นอน

ผมหลับตาลง คนที่ค่อมผมอยู่นั้นเค้าขย่มตัวผม แล้วก็หัวเราะ แบบสะใจ แล้วผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังตามมาอีกเยอะ
ดังมาจากบนหัวเหมือนกับว่าทุกคนในโรงนอนกำลังหัวเราะ ในการกระทำของชายสามคนนี้  

ผมพยายามสวดมนต์ทุกบทเท่าที่ผมจะจำได้ แต่ก็เป็นอย่างที่ทุกคน ที่ตกอยู่ในสถานการนี้เป็น
ผมสวดผิดๆ ถูกๆ สวด วกไปวนมา มั่วไปหมด ตอนนั้นกลัวสุดๆ คิดว่าผมทำผิดอะไร มาถึงก่อนนอนผมก็ขอก่อน พวกเค้าต้องการอะไรจากผม

ผมพยายามตั้งสติ กำหนดลมหายใจ ยุบหนอ พองหนอ กำหนดไปเรื่อยๆ จนผมรุ้สึกได้ว่าบนตัวผมเริ่มที่จะคลายและขยับได้ แต่แขนยังคงแน่นอยู่ ผมลืมตามอง ผมเห็นร่างชายตัวใหญ่ยืนหันหลังอยู่ข้างๆเตียงที่ผมนอน แต่เค้าหันคอมามองผมแบบดุๆ
ผมก็หลับตาลงพร้อมกับบอกว่าถ้าผมได้กลับบ้าน หรือมีโอกาสได้โทรศัพ ผมจะบอกให้คนที่บ้าน ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้นะ

พอผมพูดจบ เรื่องราวของผู้ชายคนนึงก้ว่าเข้ามาให้ผมเห็นเป็นฉากๆ  ผู้ชายคนนี้เป็นคนผมหยิก ก่อนจะมาเป็นทหารเค้าผมยาวมาก
เค้ามีเมียแล้ว บ้านเค้าติดกับชายแดนที่ไหนสักแห่ง เค้ามาเป็นทหาร แฟนเค้าไปมีชู้ เค้าจับได้ และกลับไปยิงแฟนตัวเอง
เค้าหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านได้สักระยะ แล้วเค้าก็กลับมามอบตัวที่ค่ายทหาร สุดท้ายเค้ายิงตัวเองตายที่ค่ายเพราะความเครียด

พอทุกอย่างหายไปผมน้ำตาไหลเพราะสงสาร  และสัญญาว่าผมจะทำบุญให้เค้าแน่นอน และขอให้เค้าคุ้มครองผมในระหว่างที่อยู่ค่ายนี้ ขอให้แคล้วคลาดจากทุกสิ่ง แล้วหลังจากนั้นผมก้ได้ยินเหมือนเสียงคนกำลังจัดแถวอยู่ด้านล่างเสียงดังมาก ในความรู้สึกบอกผมว่า ตรงลานด้านล่างนั้นเป็นสนามตะกร้อ  


มหัศจรรย์แรกเกิด ผมนอนไปอีกสักพักได้ยินเสียงนกหวีดซึ่งรอบนี้เป็นของจริง และลุกขึ้นเก็บของ ระหว่างที่เก็บของผมถามครูฝึกว่า ด้านล่างตรงปลายเท้าผมเนี่ยคืนสนามตะกร้อใช่ไหม ครูฝึกบอกว่า ใช่ เอ็งรุ้ได้ไงเมื่อคืนมืดก็มืด อีกอย่าง ไม่ได้พาเดินไปทางนั้นด้วย ผมบอกครูสึกว่าผมโดนผีหลอกครับ วันนั้นทั้งวันผมเป็นที่สนใจของคนทั้งกองร้อย ทุกคนมาถามผมหมดแม้กระทั่งครูเวร 555


มหัศจรรย์ที่สอง ช่วงตอนกลางวันในวันแรก มีครูฝึกเดินมาหาแล้วบอกผมว่าอยากโทรศัพไหมจะให้โทร (ง่ายจังไหนบอกว่าไม่ให้ใช้โทรศัพสามเดือน) ผมโทรกลับบ้าน    พร้อมทั้งบอกเรื่องที่ผมเจอให้แม่ทราบและกำชับให้แม่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้


มหัศจรรย์ที่สาม ฝึกมาได้ประมาณ2สัปดาห์ ในขณะที่กำลังฝึกแถว มีรุ่นพี่ครูฝึกคนนึงพยายามจะขู่และหาเรื่องแกล้งผม ว่าผมทำนั่นไม่ถูกทำนี่ไม่ถูกจะหาเรื่องแกล้งให้ถูกซ่อม ผมได้แต่มองหน้าแบบเขม็นและคิดในใจว่าเด๋วเมิงงงงเจอกรู ฝึกเสร็จรู้เรื่อง ฮ่าๆๆๆ นิสัยไม่ดีเลยเนอะ  แต่แปลกครับ เย็นวันนั้นครูฝึกคนนี้เดินมาหาผมที่เตียงนอนตอนดึกๆ พร้อมกับยื่นโทรศัพให้ แล้วถามผมว่าอยากโทรกลับบ้านไหม จากหมั่นไส้ผมนี่ยิ้มเลย โทรสิครับคิดถึงบ้านจะแย่ ฮ่าๆๆๆ แล้วหลังจากนั้นในทุกๆคืนก่อนนอนก้จะมีครูฝึกคนนี้เอาโทรศัพมาให้ผมโทรทุกคืน ผมก็ตอบแทนด้วยการเติมเงินให้นิดหน่อย


และก็มีอีกหลายๆเรื่องครับ ที่เหมือนกับมีสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังช่วยเหลือผมอยู่ ผมจึงอยู่ในช่วงฝึกแบบสบายหน่อยมีอภินันทนาการจากหลายๆท่าน ฮ่าๆๆ มีทั้งขนมกินยามดึก มีทั้งโทรศัพ


จนวันสุดท้ายทีผมจะได้อยู่ค่าย ผมนึกถึงวันแรกที่มาถึง อยากจะรู้ว่าผีสามตนนั้นมีจริงหรือป่าว ผมเลยคิดว่าจะท้าเค้าในคืนสุดท้ายที่ผมนอนอยู่ค่าย
ก่อนเข้านอนคืนนั้นผมสวดมนต์ปกติเหมือนทุกๆวัน แต่สิ่งที่ต่างไปในวันนี้คือ
คำพูดนี้ที่เพิ่มเข้ามา

“สาธุๆถ้าหากผีสามตัวที่เคยมาหลอกข้าพเจ้ามีอยู่จริงขอให้มาหาในวันนี้ และมาแสดงให้ข้าพเจ้าเห็น ข้าพเจ้ามีเรื่องจะพูดด้วย”

หลังจากนั้นผมเข้านอนตามปกติ มารู้สึกตัวอีกที ก็ขยับตัวไม่ได้ มาเหมือนเดิมเลยครับ จับแขนจับขา ค่อมตัวแล้วก็ขย่ม ครั้งนี้ผมไม่สวดมนต์ ไม่ลืมตา
แต่นึกในใจว่า “ผมเชื่อแล้วว่าท่านมีอยุ่จริง สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือผมจะกลับบ้านแล้ว และผมจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลมาให้ท่าน ขอให่ท่านได้เกิดในภพภูมิที่ดี ” ผมพูดด้วยรอยยิ้มและขำในใจว่ามาครั้งสองยังกวนไม่เลิกเลยนะ ฮ่าๆๆๆ ตี 5 นกหวีดดังขั้นผมตื่นตามปกติกำลังเก็บมุ้ง

เพื่อนที่นอนอยู่เตียงข้างๆ เดินเข้ามาบอกกับผมว่า "เมื่อคืนประมาณตีสาม เค้าตื่นขึ้นมาเจอผู้ชายตัวใหญ่ๆสามคนยืนอยู่ปลายเตียง"

ผมก็ได้แต่ยิ้ม แล้วบอกว่าจำเรื่องวันแรกที่ผมมานี่ได้ไหม ที่ผมโดนผีหลอก เมื่อคืนผมท้าให้เค้ามา เพื่อนก็ว่าผมบ้า ทำไมถึงกล้า ไม่กลัวรึไง ผมก็ขำไป

สุดท้ายผมกลับมาที่บ้านและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เค้า และนี่เป็นจุดเริ่มต้น หลังจากนั้นมาผมมักจะเจอ และสื่อกับสิ่งลี้ลับพวกนี้ได้เรื่อยมา
ยังมีอีกหลายเรื่อง ถ้าว่างๆจะมาเล่าเรื่องกุมารทองเล่นกับเพื่อนให้ฟัง
สุดท้ายนี้ต้องขออภัยหากพิมตกหลน และวกไปวนมาเพราะเป็นมือใหม่หัดเล่า  ผมใช่เวลาพิม สอง ชม.เหนื่อยพอสมควร เพราะเฉพาะนั้น  อย่าเรื่องเยอะอ่านๆไป ฮ่าๆๆๆๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่