ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) และนายปกรณ์ พันธุ อดีตอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ รวมจำนวน 36 ราย ว่าปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือโดยทุจริต กรณีการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ.2548-2553 โดยไม่มีอำนาจ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับ และเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของตนเองว่า
กรณีกล่าวหานายปกรณ์ อนุกรรมการไต่สวนได้พิจารณาแล้วมีมติว่า นายปกรณ์มีฐานะเป็นหน่วยเบิกจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง และเป็นประธานคณะทำงานช่วยเหลือเยียวยาด้านเงินตามหลักมนุษยธรรม มีหน้าที่ในดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองตามมติครม.วันที่ 6 มีนาคม 2555 เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่เช่นเดียวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง ที่ต้องปฏิบัติตามมติครม.ซึ่งถือเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ต้องปฏิบัติตาม นอกจากนี้ ยังมีคณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งและการฟื้นฟูด้วยวิธีการอื่น โดยมีนายธงทอง จันทรางศรุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีขณะนั้นเป็นประธาน ที่พิจารณากรณีเกิดปัญหาการพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้น ในชั้นนี้จึงเห็นว่าการกระทำของนายปกรณ์ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ครม.มีมติ ให้จ่ายเงินเยียวยาเท่านั้น ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานเพียงพอตามข้อกล่าวหา จึงให้ข้อกล่าวหาตกไป
นายวิชา กล่าวว่า สำหรับกรณีกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีรวม34คน มี2ประเด็น คือ การอนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นเงินประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราวที่ได้นำไปวางต่อศาลเพื่อให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขัง ทางป.ป.ช.เห็นว่า เงินที่จ่ายให้นั้นไม่ได้สูญหายไปไหน เป็นเพียงการวางเงินประกันให้กับศาลเพื่อให้มีการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ที่ยังไม่ได้ถูกพิพากษาว่ากระทำผิดจริงเมื่อพิจารณาแล้วพบว่า ข้อหานี้ไม่มีมูลเพียงพอที่จะไต่สวนต่อไป จึงให้ข้อกล่าวหาตกไป ส่วนกรณีกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีรวม34คน มีมติอนุมัติและจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยไม่มีอำนาจ และไม่มีกฎหมายรองรับ อนุกรรมการไต่สวนพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ครม.มีมติเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2555 และเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2555 เห็นชอบให้มีการเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ.2548 - 2553และให้ใช้งบประมาณจากเงินงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,000 ล้านบาท มาใช้ในการดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยออกหลักเกณฑ์และอัตราการเยียวยาขึ้นใหม่และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีกฎหมายใดมารองรับการจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว ซึ่งตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติวิธีงบประมาณ พ.ศ. 2502 กำหนดว่าการจ่ายเงินแผ่นดินหรือเงินงบประมาณเพื่อใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินดังกล่าวจะกระทำได้แต่เฉพาะที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรือตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐ เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดแก่ทางราชการ
นายวิชา กล่าวว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีรวม34คน ร่วมกันมีมติให้จ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ทางการเมือง และให้ใช้งบประมาณจากเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน2พันล้านบาท มาใช้ในการดำเนินการดังกล่าวนั้น โดยออกหลักเกณฑ์และอัตราการเยียวยาขึ้นใหม่
เเละไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีกฎหมายใดมารองรับการจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว ทั้งที่มิใช่เป็นการจ่ายเงินเกี่ยวกับปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือเป็นไปเพื่อบริการสาธารณะแห่งรัฐ หรือเป็นกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่หากไม่ดำเนินการจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ตามพระราชบัญญัติวิธีงบประมาณ พ.ศ. 2502 แต่เป็นการจ่ายในลักษณะเงินสงเคราะห์ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง ซึ่งจะต้องมีกฎหมายมารองรับเพื่อใช้บังคับกับกรณีนี้โดยเฉพาะ ซึ่งในอดีตรัฐบาลที่ผ่านมาได้เคยจ่ายเงินในลักษณะเดียวกันนี้ โดยอาศัยพระราชบัญญัติสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วยเหลือราชการการปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม พ.ศ. 2543 เป็นกฎหมายรองรับเพื่อก่อให้เกิดสิทธิในการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง
นายวิชา กล่าวอีกว่า กรณีนี้จึงเป็นการจ่ายเงินแผ่นดินหรือเงินงบประมาณโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจ ประกอบกับกรอบอัตราการเยียวยาตามมติครม.ดังกล่าวเป็นวงเงินงบประมาณจำนวนสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานการเยียวยาความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีอื่น ๆ อาทิ การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความ ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น อีกทั้งมีการกำหนดการชดเชยเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจ เป็นจำนวน 3,000,000 บาท โดยไม่มีขั้นตอนพิสูจน์ความเสียหายหรือความสูญเสียแต่อย่างใด อันก่อให้ผลกระทบต่องบประมาณในการบริหารราชการแผ่นดินของประเทศ เป็นการนำงบประมาณแผ่นดินไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงวินัยทางการเงินการคลัง ดังนั้น การกระทำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีผู้ถูกกล่าวหา จึงเป็นการหลีกเลี่ยงละเว้นไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของประเทศที่ต้องจ่ายเงินเพื่อการดำเนินการดังกล่าวเป็นจำนวน 1,921,061,629.46 บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
“อนุกรรมการไต่สวน จึงมีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรี รวม 34 ราย เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อไป ตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งหลังจากนี้ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องมารับทราบข้อกล่าวหาภายใน15วันนับตั้งแต่วันได้รับหนังสือแจ้ง โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทยอยส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปยังเจ้าตัว”นายวิชา กล่าว
ผู้สื่อข่ายรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะรัฐมนตรี ทั้ง34รายที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาครั้งนี้ ประกอบด้วย1.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี2.นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย3.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี4.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง5.พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรองนายกรัฐมนตรี6.นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี7.นางนลินี ทวีสิน อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี8.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี9.พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมว.กลาโหม10.นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีตรมช.คลัง11.นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีตรมช.คลัง12.นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ13.นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์14.นายธีระ วงศ์สมุทร อดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์15.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์16.นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ อดีตรมว.คมนาคม17.พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรมช.คมนาคม18.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรมช.คมนาคม19.นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีตรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม20.น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
21.นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ อดีตรมว.พลังงาน22.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์23.นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ อดีตรมช.พาณิชย์24.นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ อดีตรมช.มหาดไทย25.นายฐานิสร์ เทียนทอง อดีตรมช.มหาดไทย26.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตรมว.ยุติธรรม27.นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีตรมว.แรงงาน28.นายสุกุมล คุณปลื้ม อดีตรมว.วัฒนธรรม29.นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี30.นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช อดีตรมว.ศึกษาธิการ31.นายศักดา คงเพชร อดีตรมช.ศึกษาธิการ32.นายวิทยา บุรณศิริ อดีตรมว.สาธารณสุข33.นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ อดีตรมช.สาธารณสุขและ34.ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ อดีตรมว.อุตสาหกรรม
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/647054
@@@@มุมกาแฟ NONแดง(ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง) อังคารที่2ุ8/5/2015:การเงินเยียวยาเสื้อแดงไม่มีกฏหมายรองรับ@@@@
กรณีกล่าวหานายปกรณ์ อนุกรรมการไต่สวนได้พิจารณาแล้วมีมติว่า นายปกรณ์มีฐานะเป็นหน่วยเบิกจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง และเป็นประธานคณะทำงานช่วยเหลือเยียวยาด้านเงินตามหลักมนุษยธรรม มีหน้าที่ในดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองตามมติครม.วันที่ 6 มีนาคม 2555 เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่เช่นเดียวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง ที่ต้องปฏิบัติตามมติครม.ซึ่งถือเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ต้องปฏิบัติตาม นอกจากนี้ ยังมีคณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งและการฟื้นฟูด้วยวิธีการอื่น โดยมีนายธงทอง จันทรางศรุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีขณะนั้นเป็นประธาน ที่พิจารณากรณีเกิดปัญหาการพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้น ในชั้นนี้จึงเห็นว่าการกระทำของนายปกรณ์ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ครม.มีมติ ให้จ่ายเงินเยียวยาเท่านั้น ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานเพียงพอตามข้อกล่าวหา จึงให้ข้อกล่าวหาตกไป
นายวิชา กล่าวว่า สำหรับกรณีกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีรวม34คน มี2ประเด็น คือ การอนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นเงินประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราวที่ได้นำไปวางต่อศาลเพื่อให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขัง ทางป.ป.ช.เห็นว่า เงินที่จ่ายให้นั้นไม่ได้สูญหายไปไหน เป็นเพียงการวางเงินประกันให้กับศาลเพื่อให้มีการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ที่ยังไม่ได้ถูกพิพากษาว่ากระทำผิดจริงเมื่อพิจารณาแล้วพบว่า ข้อหานี้ไม่มีมูลเพียงพอที่จะไต่สวนต่อไป จึงให้ข้อกล่าวหาตกไป ส่วนกรณีกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีรวม34คน มีมติอนุมัติและจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยไม่มีอำนาจ และไม่มีกฎหมายรองรับ อนุกรรมการไต่สวนพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ครม.มีมติเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2555 และเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2555 เห็นชอบให้มีการเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ.2548 - 2553และให้ใช้งบประมาณจากเงินงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,000 ล้านบาท มาใช้ในการดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยออกหลักเกณฑ์และอัตราการเยียวยาขึ้นใหม่และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีกฎหมายใดมารองรับการจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว ซึ่งตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติวิธีงบประมาณ พ.ศ. 2502 กำหนดว่าการจ่ายเงินแผ่นดินหรือเงินงบประมาณเพื่อใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินดังกล่าวจะกระทำได้แต่เฉพาะที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรือตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐ เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดแก่ทางราชการ
นายวิชา กล่าวว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีรวม34คน ร่วมกันมีมติให้จ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ทางการเมือง และให้ใช้งบประมาณจากเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน2พันล้านบาท มาใช้ในการดำเนินการดังกล่าวนั้น โดยออกหลักเกณฑ์และอัตราการเยียวยาขึ้นใหม่ เเละไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีกฎหมายใดมารองรับการจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว ทั้งที่มิใช่เป็นการจ่ายเงินเกี่ยวกับปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือเป็นไปเพื่อบริการสาธารณะแห่งรัฐ หรือเป็นกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่หากไม่ดำเนินการจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ตามพระราชบัญญัติวิธีงบประมาณ พ.ศ. 2502 แต่เป็นการจ่ายในลักษณะเงินสงเคราะห์ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง ซึ่งจะต้องมีกฎหมายมารองรับเพื่อใช้บังคับกับกรณีนี้โดยเฉพาะ ซึ่งในอดีตรัฐบาลที่ผ่านมาได้เคยจ่ายเงินในลักษณะเดียวกันนี้ โดยอาศัยพระราชบัญญัติสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วยเหลือราชการการปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม พ.ศ. 2543 เป็นกฎหมายรองรับเพื่อก่อให้เกิดสิทธิในการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง
นายวิชา กล่าวอีกว่า กรณีนี้จึงเป็นการจ่ายเงินแผ่นดินหรือเงินงบประมาณโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจ ประกอบกับกรอบอัตราการเยียวยาตามมติครม.ดังกล่าวเป็นวงเงินงบประมาณจำนวนสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานการเยียวยาความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีอื่น ๆ อาทิ การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความ ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น อีกทั้งมีการกำหนดการชดเชยเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจ เป็นจำนวน 3,000,000 บาท โดยไม่มีขั้นตอนพิสูจน์ความเสียหายหรือความสูญเสียแต่อย่างใด อันก่อให้ผลกระทบต่องบประมาณในการบริหารราชการแผ่นดินของประเทศ เป็นการนำงบประมาณแผ่นดินไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงวินัยทางการเงินการคลัง ดังนั้น การกระทำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีผู้ถูกกล่าวหา จึงเป็นการหลีกเลี่ยงละเว้นไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของประเทศที่ต้องจ่ายเงินเพื่อการดำเนินการดังกล่าวเป็นจำนวน 1,921,061,629.46 บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/647054