ก่อนอื่น ขอบอกก่อนนะคับ ว่าเรื่องนี้ เขียนมาจากประสบการณ์จริงเมื่อเกือบสิบปีมาแล้ว และเกิดกับบ้านหลังเดียวกันซึ่งเป็นบ้านเพื่อนที่พัทยากลาง ในซอยวัดธรรมอะไรจำไม่ได้แล้วครับ แต่จำได้ลางๆ ว่าติดถนนใหญ่ และฝั่งตรงข้ามเป็นบิ๊กซี ซึ่งวัดเองขึ้นชื่อว่าหลอนอยู่ และปัจจุบันก้อไม่ได้ไปมาหาสู่แล้ว เพราะว่าเพื่อนคนนี้ขาดการติดต่อไปนานพอสมควร และรู้ว่าย้ายออกไปแล้ว
เรื่องมันมีอยู่ว่า พวกพี่ชายของผม เป็นคนที่มีเพื่อนทางพัทยา ชลบุรีเยอะ เพราะเรียนที่นั่น และเป็นชาวเล่นเกมออนไลน์กัน จึงตั้งกิลด์กันขึ้นมา และมีการสังสรรค์กันบ้าง จนกระทั่งมีการชวนพรรคพวกที่สาขากรุงเทพลงไปด้วยกัน และการเดินทางนั้น ผมก้อได้ติดตามไปด้วย คงเป็นเพราะไม่ได้เจอพี่ชายตัวเองมานานแล้วด้วยแหละ
ซึ่งวันที่เดินทางกันนั้น ตกลงกันไว้ว่าอาจจะนอนกัน 2-3 คืน ไม่มีปัญหา และตอนนั้นก้อยังเป็นเด็กน้อยอยู่ จึงติดรถของเจ้นกไปด้วย ทั้งคันไปกัน 5 คน ยังมีคันอื่นๆ และพวกที่พัทยารอกันที่นั่นแล้ว พอไปถึงก้อเกือบเย็นแล้ว ลักษณะบ้านเป็นทาวเฮ้าส์ ซึ่งพูดกันตรงๆ ผมดูจากทางเข้ามา จนถึงตัวบ้าน ทำไมบ้านหลังนี้ไม่ค่อยปกติยังไงไม่รู้ คงเพราะผมมีเซนส์เรื่องนี้ตั้งแต่เด็กด้วย แต่เค้ามาแบบเป็นความรู้สึก ไม่ได้เป็นภาพโดยตรง แต่เป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก แต่เพื่อนๆ อยู่กันเยอะ คงไม่เป็นไรน่า (คิดในใจ)
คืนแรก ก้อเมาสิครับ (ไม่ดีนะ) คือ นั่งล้อมวงกินเหล้ากันบ้าง หมูกระทะบ้าง พูดคุยกัน พอดึกแล้ว ก้อจะมีกลุ่มผู้หญิงแยกไปนอนห้องแอร์กัน ส่วนพวกผู้ชายก้อจะนอนข้างล่างบ้านมั่ง แต่ก้อแปลกใจ ที่ไม่มีใครไปนอนอีกห้องนึง ที่เป็นห้องตรงข้ามกับห้องที่ผู้หญิงนอนกัน คงเป็นเพราะไม่มีแอร์ แล้วก้อยังคงเฮฮากันไปเรื่อยเปื่อย ...
จนกระทั่ง มีผู้กล้าคนแรก เค้าชื่อไก่ ขึ้นไปนอนก่อน ซึ่งไปนอนห้องว่างนั้น เราก้อไม่ได้คิดอะไรมาก สักพักไปนอนมั่งดีกว่า พอเดินขึ้นไป เห็นว่าห้องนั้นมีโครงเตียงอยู่ แต่ไม่มีฟูกนอน แล้วเห็นไก่มันนอนคว่ำอยู่กะพื้นกรนดังเชียว ... จึงไปนอนข้างๆ แล้วไม่นานนัก มีพี่อีกคนนึง จำเสียงแกได้ นั่นคือพี่เอ แกก้อมานอนข้างๆ กันอีก สรุปคือ นอนตรงกลางเลย
ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบนอนหงาย จึงนอนคว่ำตามกอดหมอน พอกำลังจะหลับไปได้สักครึ่งชั่วโมง สิ่งที่ไม่คาดฝันก้อบังเกิดขึ้น คือ ได้ยินเสียงไอ้คุณไก่ ลุกขึ้นมาคุยกับใครก้อไม่รู้ จะบอกว่าละเมอเมาก้อไม่ใช่ เพราะภาษาที่เค้าพูด มันไม่ใช่ภาษาคนปกติ และเหมือนกำลังคุยกับคนอื่นอยู่เป็นเรื่องราวมากๆ พอเพ่งฟังดีๆ มันเป็นภาษาที่เราทุกคนเคยรู้จักและเคยพูดมาก่อน (เซนซ์ผมมันบอกมาแบบนั้น เหมือนเป็นภาษาในโลกคู่ขนาน) พูดแบบนั้น อยู่ราวๆ 10 นาทีได้ สักพักได้ยินเสียงลุกขึ้นนั่งของพี่เอ แล้วถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องไป ..
อยู่แบบนี้สักพักนึง นี่ก้อยังใจแข็งนอนต่อ (กล้ามาก) พักเดียวคับ มีเสียงฝีเท้าเดินลากเท้ารอบที่ผมนอนเลย โดยเฉพาะบนหัวนอน
เห้ยมันจะเป็นไปได้ไง เพราะไอ้ที่นอนเนี่ย หัวจะติดกับโครงเตียงแล้ว แน่นอน มันไม่มีที่ให้เดินเล่นเต้นระบำบนหัวผมแน่ !!!
รวบรวมความกล้าอีกครั้งนึง หลับตาปี๋ กลั้นหายใจ และสไลด์ตัวเองออกจากห้องแล้วรีบลงไปข้างล่างทันที พบกว่า พี่เอนั้น นั่งกินเหล้าแบบกรอกแล้วกรอกอีกอยู่นั่นแหละ แล้วเห็นเจ้นก นอนบนโซฟา คำถามแรกเลย
"เจออะไรมาใช่ไม๊? เจ้โดนมือใครไม่รู้เย็นมาก จับกระชากข้อเท้าตอนนอน" เจ้นกใส่ก่อนเลย
"เจอเหมือนกันเจ้ แต่นี่เจอไอ้ไก่ มันคุยกะใครไม่รู้ แล้วมีคนเดินรอบๆ ที่นอน"
ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ เกิดขึ้นไล่เลี่ยกันมาก ไม่ถึง 15 นาที ... แต่ทำไมตอนนั้น เหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกห้อง แค่ไม่ถึงสองเมตร
เหตุการณ์นั้นผ่านไป วันต่อมาช่วงเย็น เจ้นกแกจะเข้าไปทำครัวหลังบ้าน เจ้แกถามว่า
"ครัวหลังบ้านนี้ต่อกับบ้านอื่นหมดเลยเหรอเนี่ย เมื่อกี้เห็นคนใส่เสื้อสีส้มๆ เดินผ่านไปจากบ้านนึง ผ่านหลังบ้านเราแน่ะ"
เ..ี่ยแล้วไงคับ ... คือ หลังบ้านน่ะ มันมีกำแพงแยกบ้านกันนะเจ้ !!! ใครมันจะเดินผ่านมาได้ไง
สรุปหลอนกันทั่วหน้าทั้งทริป .. จนกลับ กทม.
แต่ความหลอนยังไม่จบ เพราะผมเอง ไปเยือนบ้านนี้เป็นครั้งที่ 2 แต่ระยะเวลานี่ห่างหายกันไปหลายเดือนแล้วนะ
ตอนแรกคิดว่าจะซาลงแล้ว ไหนเลย กลับยังเหมือนเดิม ไม่ผิดเพี้ยน คราวนี้เพื่อนที่พัทยา มาอยู่เป็นเพื่อน เพราะเจ้าของบ้านติดทำงานที่ทำงานเค้าเป็นพวกโรงพิมพ์น่ะ ...
คราวนี้ผมมาคนเดียว ... มีเพื่อนผู้ชาย กะเพื่อนผู้หญิงมาอยู่เป็นเพื่อน ทำนั่นนี่ให้กิน ด้วยความที่ระแวงเป็นทุนเดิม เพราะเคยโดนมาจากคราวที่แล้ว จนกระทั่งเพื่อนทั้งสองพูดว่า
"บ้านหลังนี้น่ะ คือ ละแวกนี้ ปลูกบนป่าช้าเก่า แล้วห้องที่ไม่มีแอร์น่ะ เป็นห้องของปู่เจ้าของบ้านที่เสียในห้องนั้น"
บรรเจิดเลยครัชชชช !!!!!! แต่เค้าบอกกันว่า บ้านหลังนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามา เพราะถ้าเข้ามาแบบไม่ประสงค์ดี หรือพวกขโมย จะยกอะไรออกไปไม่ได้เลย แบบว่าเจ้าที่แรงมาก เราก้ออืมมม เอาละสิ

เอ๋ย คืนนี้

ต้องนอนที่นี่คนเดียวนะ เพื่อนเลยบอกว่า ไปนอนห้องแอร์ละกันนะ แล้วใส่โซ่ด้วยล่ะ ถ้าเจ้าของบ้านกลับมาจะให้โทรมาหาให้เปิดห้องให้ หรือมีไรก้อโทรมาละกัน จะรีบโผล่มา ... (ทำไม

ไม่อยู่กับกรูเลยละคับ แสส)
เอาละไหนๆ ก้อไหนๆ อาบน้ำ ปิดไฟ เปิดแอร์ นอน ... นอนตะแคงซุกผ้านวมที่แหละฟินสุดละ
แต่ความฟินของข้าพเจ้า อยู่ไม่นานนัก ... เรื่องไม่คาดคิดชอตสองบังเกิดทันที
จำเรื่องภาษาที่ผมบอกตอนต้นได้ใช่ไม๊คับ ... คือ ไอ้เสียงนั้น มันกลับมาเป็นเสียงกระซิบข้างหูผม แหบๆ เบาๆ ว่า "แหยยยย เหยยยย ...." อะไรนี่แหละ
สติบรรเจิดทันที คือเซนซ์เรื่องพวกนี้ มันทำงานว่า ไอ้เสียงที่ได้ยิน มันไม่ได้มาแบบปกติแน่ จะเสียงแอร์ก้อไม่ใช่ ... สรุป มือไปคว้ามือถือแล้วคลุมโปงโทรหาน้องที่ กทม ทันที ...
"ไอ้จ้อบบบ กูโดนอีกแล้ว ..... "
"เห้ย จริงดิพี่ ... พี่ก้อยังกล้าไปบ้านนั้นอีกเนาะ"
สักพักผมก้อรู้สึกว่ามีเสียงสวรรค์มาช่วย นั่นคือเสียงเปิดประตูบ้านข้างล่าง แล้วไอ้เจ้าของบ้านตัวดีก้อโทรมาให้เปิดห้อง
คำถามแรก "อยู่คนเดียวได้ไงวะเนี่ย เก่งจัง"
"สัส !!!!" นั่นคือคำตอบเดียวที่ให้ แล้วกลับไปคลุมโปงนอนต่อทันที
เรื่องก้อมีแค่นี้แหละครับ ... ผมก้อไม่รู้จะตัดทอนทำไมให้เปลือง rep ยาวๆ
และเรื่องนี้ เคยเล่าผ่านรายการ The Shock เมื่อนานมาแล้วครับ
ขอบคุณครับ
มีความรู้สึกแปลกๆ ทุกครั้งเวลาไปบ้านเพื่อนคนนี้
เรื่องมันมีอยู่ว่า พวกพี่ชายของผม เป็นคนที่มีเพื่อนทางพัทยา ชลบุรีเยอะ เพราะเรียนที่นั่น และเป็นชาวเล่นเกมออนไลน์กัน จึงตั้งกิลด์กันขึ้นมา และมีการสังสรรค์กันบ้าง จนกระทั่งมีการชวนพรรคพวกที่สาขากรุงเทพลงไปด้วยกัน และการเดินทางนั้น ผมก้อได้ติดตามไปด้วย คงเป็นเพราะไม่ได้เจอพี่ชายตัวเองมานานแล้วด้วยแหละ
ซึ่งวันที่เดินทางกันนั้น ตกลงกันไว้ว่าอาจจะนอนกัน 2-3 คืน ไม่มีปัญหา และตอนนั้นก้อยังเป็นเด็กน้อยอยู่ จึงติดรถของเจ้นกไปด้วย ทั้งคันไปกัน 5 คน ยังมีคันอื่นๆ และพวกที่พัทยารอกันที่นั่นแล้ว พอไปถึงก้อเกือบเย็นแล้ว ลักษณะบ้านเป็นทาวเฮ้าส์ ซึ่งพูดกันตรงๆ ผมดูจากทางเข้ามา จนถึงตัวบ้าน ทำไมบ้านหลังนี้ไม่ค่อยปกติยังไงไม่รู้ คงเพราะผมมีเซนส์เรื่องนี้ตั้งแต่เด็กด้วย แต่เค้ามาแบบเป็นความรู้สึก ไม่ได้เป็นภาพโดยตรง แต่เป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก แต่เพื่อนๆ อยู่กันเยอะ คงไม่เป็นไรน่า (คิดในใจ)
คืนแรก ก้อเมาสิครับ (ไม่ดีนะ) คือ นั่งล้อมวงกินเหล้ากันบ้าง หมูกระทะบ้าง พูดคุยกัน พอดึกแล้ว ก้อจะมีกลุ่มผู้หญิงแยกไปนอนห้องแอร์กัน ส่วนพวกผู้ชายก้อจะนอนข้างล่างบ้านมั่ง แต่ก้อแปลกใจ ที่ไม่มีใครไปนอนอีกห้องนึง ที่เป็นห้องตรงข้ามกับห้องที่ผู้หญิงนอนกัน คงเป็นเพราะไม่มีแอร์ แล้วก้อยังคงเฮฮากันไปเรื่อยเปื่อย ...
จนกระทั่ง มีผู้กล้าคนแรก เค้าชื่อไก่ ขึ้นไปนอนก่อน ซึ่งไปนอนห้องว่างนั้น เราก้อไม่ได้คิดอะไรมาก สักพักไปนอนมั่งดีกว่า พอเดินขึ้นไป เห็นว่าห้องนั้นมีโครงเตียงอยู่ แต่ไม่มีฟูกนอน แล้วเห็นไก่มันนอนคว่ำอยู่กะพื้นกรนดังเชียว ... จึงไปนอนข้างๆ แล้วไม่นานนัก มีพี่อีกคนนึง จำเสียงแกได้ นั่นคือพี่เอ แกก้อมานอนข้างๆ กันอีก สรุปคือ นอนตรงกลางเลย
ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบนอนหงาย จึงนอนคว่ำตามกอดหมอน พอกำลังจะหลับไปได้สักครึ่งชั่วโมง สิ่งที่ไม่คาดฝันก้อบังเกิดขึ้น คือ ได้ยินเสียงไอ้คุณไก่ ลุกขึ้นมาคุยกับใครก้อไม่รู้ จะบอกว่าละเมอเมาก้อไม่ใช่ เพราะภาษาที่เค้าพูด มันไม่ใช่ภาษาคนปกติ และเหมือนกำลังคุยกับคนอื่นอยู่เป็นเรื่องราวมากๆ พอเพ่งฟังดีๆ มันเป็นภาษาที่เราทุกคนเคยรู้จักและเคยพูดมาก่อน (เซนซ์ผมมันบอกมาแบบนั้น เหมือนเป็นภาษาในโลกคู่ขนาน) พูดแบบนั้น อยู่ราวๆ 10 นาทีได้ สักพักได้ยินเสียงลุกขึ้นนั่งของพี่เอ แล้วถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องไป ..
อยู่แบบนี้สักพักนึง นี่ก้อยังใจแข็งนอนต่อ (กล้ามาก) พักเดียวคับ มีเสียงฝีเท้าเดินลากเท้ารอบที่ผมนอนเลย โดยเฉพาะบนหัวนอน
เห้ยมันจะเป็นไปได้ไง เพราะไอ้ที่นอนเนี่ย หัวจะติดกับโครงเตียงแล้ว แน่นอน มันไม่มีที่ให้เดินเล่นเต้นระบำบนหัวผมแน่ !!!
รวบรวมความกล้าอีกครั้งนึง หลับตาปี๋ กลั้นหายใจ และสไลด์ตัวเองออกจากห้องแล้วรีบลงไปข้างล่างทันที พบกว่า พี่เอนั้น นั่งกินเหล้าแบบกรอกแล้วกรอกอีกอยู่นั่นแหละ แล้วเห็นเจ้นก นอนบนโซฟา คำถามแรกเลย
"เจออะไรมาใช่ไม๊? เจ้โดนมือใครไม่รู้เย็นมาก จับกระชากข้อเท้าตอนนอน" เจ้นกใส่ก่อนเลย
"เจอเหมือนกันเจ้ แต่นี่เจอไอ้ไก่ มันคุยกะใครไม่รู้ แล้วมีคนเดินรอบๆ ที่นอน"
ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ เกิดขึ้นไล่เลี่ยกันมาก ไม่ถึง 15 นาที ... แต่ทำไมตอนนั้น เหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกห้อง แค่ไม่ถึงสองเมตร
เหตุการณ์นั้นผ่านไป วันต่อมาช่วงเย็น เจ้นกแกจะเข้าไปทำครัวหลังบ้าน เจ้แกถามว่า
"ครัวหลังบ้านนี้ต่อกับบ้านอื่นหมดเลยเหรอเนี่ย เมื่อกี้เห็นคนใส่เสื้อสีส้มๆ เดินผ่านไปจากบ้านนึง ผ่านหลังบ้านเราแน่ะ"
เ..ี่ยแล้วไงคับ ... คือ หลังบ้านน่ะ มันมีกำแพงแยกบ้านกันนะเจ้ !!! ใครมันจะเดินผ่านมาได้ไง
สรุปหลอนกันทั่วหน้าทั้งทริป .. จนกลับ กทม.
แต่ความหลอนยังไม่จบ เพราะผมเอง ไปเยือนบ้านนี้เป็นครั้งที่ 2 แต่ระยะเวลานี่ห่างหายกันไปหลายเดือนแล้วนะ
ตอนแรกคิดว่าจะซาลงแล้ว ไหนเลย กลับยังเหมือนเดิม ไม่ผิดเพี้ยน คราวนี้เพื่อนที่พัทยา มาอยู่เป็นเพื่อน เพราะเจ้าของบ้านติดทำงานที่ทำงานเค้าเป็นพวกโรงพิมพ์น่ะ ...
คราวนี้ผมมาคนเดียว ... มีเพื่อนผู้ชาย กะเพื่อนผู้หญิงมาอยู่เป็นเพื่อน ทำนั่นนี่ให้กิน ด้วยความที่ระแวงเป็นทุนเดิม เพราะเคยโดนมาจากคราวที่แล้ว จนกระทั่งเพื่อนทั้งสองพูดว่า
"บ้านหลังนี้น่ะ คือ ละแวกนี้ ปลูกบนป่าช้าเก่า แล้วห้องที่ไม่มีแอร์น่ะ เป็นห้องของปู่เจ้าของบ้านที่เสียในห้องนั้น"
บรรเจิดเลยครัชชชช !!!!!! แต่เค้าบอกกันว่า บ้านหลังนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามา เพราะถ้าเข้ามาแบบไม่ประสงค์ดี หรือพวกขโมย จะยกอะไรออกไปไม่ได้เลย แบบว่าเจ้าที่แรงมาก เราก้ออืมมม เอาละสิ
เอาละไหนๆ ก้อไหนๆ อาบน้ำ ปิดไฟ เปิดแอร์ นอน ... นอนตะแคงซุกผ้านวมที่แหละฟินสุดละ
แต่ความฟินของข้าพเจ้า อยู่ไม่นานนัก ... เรื่องไม่คาดคิดชอตสองบังเกิดทันที
จำเรื่องภาษาที่ผมบอกตอนต้นได้ใช่ไม๊คับ ... คือ ไอ้เสียงนั้น มันกลับมาเป็นเสียงกระซิบข้างหูผม แหบๆ เบาๆ ว่า "แหยยยย เหยยยย ...." อะไรนี่แหละ
สติบรรเจิดทันที คือเซนซ์เรื่องพวกนี้ มันทำงานว่า ไอ้เสียงที่ได้ยิน มันไม่ได้มาแบบปกติแน่ จะเสียงแอร์ก้อไม่ใช่ ... สรุป มือไปคว้ามือถือแล้วคลุมโปงโทรหาน้องที่ กทม ทันที ...
"ไอ้จ้อบบบ กูโดนอีกแล้ว ..... "
"เห้ย จริงดิพี่ ... พี่ก้อยังกล้าไปบ้านนั้นอีกเนาะ"
สักพักผมก้อรู้สึกว่ามีเสียงสวรรค์มาช่วย นั่นคือเสียงเปิดประตูบ้านข้างล่าง แล้วไอ้เจ้าของบ้านตัวดีก้อโทรมาให้เปิดห้อง
คำถามแรก "อยู่คนเดียวได้ไงวะเนี่ย เก่งจัง"
"สัส !!!!" นั่นคือคำตอบเดียวที่ให้ แล้วกลับไปคลุมโปงนอนต่อทันที
เรื่องก้อมีแค่นี้แหละครับ ... ผมก้อไม่รู้จะตัดทอนทำไมให้เปลือง rep ยาวๆ
และเรื่องนี้ เคยเล่าผ่านรายการ The Shock เมื่อนานมาแล้วครับ
ขอบคุณครับ