DTACเชื่อไร้ผลกระทบศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามเชื่อมต่อสถานีฐาน
"ดีแทค" แจงไร้ผลกระทบจากกรณีศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามนำสถานีฐานของ CAT ไปเชื่อมต่ออุปกรณ์ 2.1 GHz
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2557 บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องในขณะดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการ ห้ามมิให้ DTAC นำเครื่องและอุปกรณ์โทรคมนาคมประเภทสถานีฐาน (Base Transceiver Station) ที่ CAT อ้างว่า CAT มีกรรมสิทธิ์ในเครื่องและอุปกรณ์โทรคมนาคมดังกล่าวทั้งหมดไปใช้โดยการติดตั้งหรือเชื่อมต่อ (หรืออนุญาตให้ผู้ประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G ติดตั้งหรือเชื่อมต่อ) กับอุปกรณ์ โทรคมนาคมย่านความถี่ 2.1 GHz เพิ่มเติม
โดยต่อมาเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 DTAC ได้รับคำสั่งจากศาล โดยศาลมีคำสั่งกำหนดใช้วิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องในขณะดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการ ตามที่ CAT ร้องขอ
ทั้งนี้ บริษัทชี้แจงว่า คำสั่งศาลนี้ยังไม่ถือเป็นที่สุด และจากความเห็นทางกฎหมายที่บริษัทได้รับจากที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท เชื่อว่าบริษัทจะสามารถเพิกถอนคำสั่งศาลได้สำเร็จ และคำสั่งศาลดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อการประกอบกิจการและการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท และบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด เนื่องจากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ดีแทค ไตรเน็ต ได้เร่งขยายพื้นที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องในการใช้บริการด้านข้อมูลของผู้ใช้บริการ
และในระหว่างที่ศาลยังไม่เพิกถอนคำสั่งศาล ดีแทค ไตรเน็ต จะดำเนินการขยายโครงข่ายในการให้บริการในอนาคต โดยการใช้โครงสร้างพื้นฐานของตนเอง หรือโดยวิธีการอื่นๆ ดังนั้นผู้ใช้บริการของบริษัท และดีแทค ไตรเน็ต จะไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลดังกล่าว
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด (มหาชน) ประเมินผลกระทบของประเด็นดังกล่าว ในกรณีแย่สุดต่อ DTAC เป็น 2 ส่วน คือ
1.ค่าเสียหายที่ DTAC จะต้องชดใช้ให้กับ CAT ตามเอกสาร 56-1 ของ DTAC ในหัวข้อความเสี่ยง CAT ได้มีการเรียกร้องค่าเสียหายจำนวนประมาณ 658 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี หากไม่ยอมรื้อถอน DTAC จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ CAT เป็นเงินเดือนละประมาณ 44 ล้านบาท ซึ่งค่าเสียหายส่วนนี้มองว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ DTAC อย่างมีนัยยะ
2.ผลกระทบถ้า DTAC ไม่สามารถใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมประเภทสถานีฐานดังกล่าวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินงานโดยตรง ทั้งจำนวนผู้ใช้งานที่อาจจะลดลง หรือการลงทุนเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ได้ประเมินถึงผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นของ DTAC โดยในกรณีที่จำนวนผู้ใช้งานลดลงทุกๆ 1 แสนราย จะส่งผลต่อราคาหุ้น 0.51 บาท
ส่วนกรณีที่ DTAC จะต้องลงทุนเพิ่มเติมนั้น ในขณะนี้ยังไม่ทราบถึงจำนวนที่อยู่ในคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว อย่างไรก็ตามได้ทำการประเมินในเบื้องต้นตามสมมติฐานในกรณีที่ DTAC ได้มีข้อพิพาทกับ CAT ในการส่งมอบจำนวนเสาอากาศและอุปกรณ์เสาอากาศ จำนวน 4,968 ต้น โดย DTAC อาจจะทำการลงทุนเอง หรือเช่าจาก TRUEIF ผลกระทบต่อราคาหุ้น 6.33-7.33 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 99.50 บาท
แหล่งข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น (หน้า 9) วันที่ 26 พฤษภาคม 2558
ภาพประกอบ จากอินเตอร์เน็ต
ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้าม DTAC เชื่อมต่อสถานีฐาน CAT
"ดีแทค" แจงไร้ผลกระทบจากกรณีศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามนำสถานีฐานของ CAT ไปเชื่อมต่ออุปกรณ์ 2.1 GHz
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2557 บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องในขณะดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการ ห้ามมิให้ DTAC นำเครื่องและอุปกรณ์โทรคมนาคมประเภทสถานีฐาน (Base Transceiver Station) ที่ CAT อ้างว่า CAT มีกรรมสิทธิ์ในเครื่องและอุปกรณ์โทรคมนาคมดังกล่าวทั้งหมดไปใช้โดยการติดตั้งหรือเชื่อมต่อ (หรืออนุญาตให้ผู้ประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G ติดตั้งหรือเชื่อมต่อ) กับอุปกรณ์ โทรคมนาคมย่านความถี่ 2.1 GHz เพิ่มเติม
โดยต่อมาเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 DTAC ได้รับคำสั่งจากศาล โดยศาลมีคำสั่งกำหนดใช้วิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องในขณะดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการ ตามที่ CAT ร้องขอ
ทั้งนี้ บริษัทชี้แจงว่า คำสั่งศาลนี้ยังไม่ถือเป็นที่สุด และจากความเห็นทางกฎหมายที่บริษัทได้รับจากที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท เชื่อว่าบริษัทจะสามารถเพิกถอนคำสั่งศาลได้สำเร็จ และคำสั่งศาลดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อการประกอบกิจการและการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท และบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด เนื่องจากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ดีแทค ไตรเน็ต ได้เร่งขยายพื้นที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องในการใช้บริการด้านข้อมูลของผู้ใช้บริการ
และในระหว่างที่ศาลยังไม่เพิกถอนคำสั่งศาล ดีแทค ไตรเน็ต จะดำเนินการขยายโครงข่ายในการให้บริการในอนาคต โดยการใช้โครงสร้างพื้นฐานของตนเอง หรือโดยวิธีการอื่นๆ ดังนั้นผู้ใช้บริการของบริษัท และดีแทค ไตรเน็ต จะไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลดังกล่าว
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด (มหาชน) ประเมินผลกระทบของประเด็นดังกล่าว ในกรณีแย่สุดต่อ DTAC เป็น 2 ส่วน คือ
1.ค่าเสียหายที่ DTAC จะต้องชดใช้ให้กับ CAT ตามเอกสาร 56-1 ของ DTAC ในหัวข้อความเสี่ยง CAT ได้มีการเรียกร้องค่าเสียหายจำนวนประมาณ 658 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี หากไม่ยอมรื้อถอน DTAC จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ CAT เป็นเงินเดือนละประมาณ 44 ล้านบาท ซึ่งค่าเสียหายส่วนนี้มองว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ DTAC อย่างมีนัยยะ
2.ผลกระทบถ้า DTAC ไม่สามารถใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมประเภทสถานีฐานดังกล่าวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินงานโดยตรง ทั้งจำนวนผู้ใช้งานที่อาจจะลดลง หรือการลงทุนเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ได้ประเมินถึงผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นของ DTAC โดยในกรณีที่จำนวนผู้ใช้งานลดลงทุกๆ 1 แสนราย จะส่งผลต่อราคาหุ้น 0.51 บาท
ส่วนกรณีที่ DTAC จะต้องลงทุนเพิ่มเติมนั้น ในขณะนี้ยังไม่ทราบถึงจำนวนที่อยู่ในคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว อย่างไรก็ตามได้ทำการประเมินในเบื้องต้นตามสมมติฐานในกรณีที่ DTAC ได้มีข้อพิพาทกับ CAT ในการส่งมอบจำนวนเสาอากาศและอุปกรณ์เสาอากาศ จำนวน 4,968 ต้น โดย DTAC อาจจะทำการลงทุนเอง หรือเช่าจาก TRUEIF ผลกระทบต่อราคาหุ้น 6.33-7.33 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 99.50 บาท
แหล่งข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น (หน้า 9) วันที่ 26 พฤษภาคม 2558
ภาพประกอบ จากอินเตอร์เน็ต