Review 2 คน 2 ล้อ 2 วัน 1 คืน มุ่งหน้าเขาใหญ่ ค่าใช้จ่ายแสนน้อยบรรยากาศแสนล้าน

สวัสดีค่ะ ดุ่มๆด่อมๆอยู่ในพันทิพมาเกือบ 3 ปี มาวันนี้อยากมีกระทู้เป็นของตัวเองบ้าง

และนี่เป็นกระทู้แรกค่ะ ผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยนะคะ

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเยือนภูเขาที่ทอดยาวที่สุดในประเทศไทย
เขาใหญ่คะ อยู่ห่างจากกรุงเทพเพียงร้อยกว่ากิโล บิดไปกับสองล้อคู่ใจ Honda CB300F กับพลขับข้างกาย แฮๆ มันได้ฟิลอยู่นะ

เราออกเดินทางจากสมุทรปราการ เวลา 6.30 โดยใช้เส้นทาง
บางนา-ตราด ไปทางกิ่งแก้ว-ลาดกระบัง-ร่มเกล้า-นิมิตรใหม่-ไปจนถึงคลอง7 ยาวจนถึง จ.นครนายก
ขี่ไปเรื่อยๆ อากาศไม่ร้อนเพราะยังเช้า ปวดฉิ่งฉ่อง แวะพักเติมพลังรถกับพลังคนสักหน่อย

พักเสร็จก็ขับไปเรื่อยๆ ไม่รีบมาก ใช้ความเร็วประมาน 60 - 80

ตรงแถวทางไปเขื่อนขุนด่านปราการชล มีเลนฟ้าสำหรับจักรยานด้วยนะคะ แต่ทำไมมีรถมาจอดทับที่ซะงั้น

และแล้วก็จุดหมายแรกที่เราไปถึง เขื่อนขุนด่านปราการชล
แล้วเราก็ขี่ขึ้นไปบนเขื่อนค่ะ สังเกตุดูน้ำในเขื่อนค่อนข้างน้อย

สักพักเราก็เจอมิตรภาพดีๆ พวกพี่ๆ SR และ Stallion ต่างก็ทักทาย อ้าวยิ้มค่ะ แชะๆๆๆ

เดินทางกันต่อนะคะ ณ จุดๆนั้น หิวมากๆๆๆ ร้านอาหารมีเยอะมากเลยค่ะ เถียงกับพลขับว่าจะกินร้านไหนดี
เลือกไม่ได้สักร้าน จนถึงร้านสุดท้ายก่อนทางขึ้นด่านอุทยาน ก๋วยเตี๋ยว 30 บาท พลขับจัดไป2ชามเลยค่ะ
หิวมากๆ แนะนำให้หากินกันก่อนจะขึ้นเขานะคะ

พอถึงที่ทำการอุทยาน จ่ายเงิน คนละ 40 บาท รถ 30 บาท แล้วเราก็จอดรถ ลงไปหาซื้อสติ๊กเกอร์
จนได้มา 1 ใบ ในราคา 20 บาท ค่ะ

ระหว่างทางเราก็ขี่ไปลุ้นไป กลัวเจอเจ้าถิ่นที่เค้าว่าโหดนักหนา ในที่สุดเราก็เจอ.....ค่ะ เจออี้มัน 5555
รีบเบิ่งอย่างไว ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย กลัวค่ะ กลัวมันโผล่มาแบบไม่ได้ตั้งตัว
ขอบอกก่อนเลยว่าอากาศดีมากๆเลยค่ะ บนเขาตอนกลางวันอยู่ประมาณ 27 - 30 องศา
กลางคืน 24-25 องศา ค่ะ


ถึงแล้ว น้ำตกเหวนรก ระยะทางที่เดินเข้าไป 1 กิโลเมตร ดูเหมือนใกล้นะคะ แต่ขอบอกเลย น้ำตกไม่นรกค่ะ
ทางที่เดินนี่ละค่ะ นรกจริง555 เล่นเอาขาเกร็งกันเลย แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคค่ะ
ไปต่อๆๆๆๆ ปล.พวกหมวกกันน๊อค เสื้อการ์ด แนะนำให้ฝากไว้ตรงทางเข้านะคะ
มีเจ้าหน้าที่คอยดูให้ แบกไปนี่ลำบากมากๆๆจริงๆๆ


ฮู้เล้ๆๆ ถึงแล้วค่ะๆๆ น้ำตกเหวนรก ความสูงโดยประมาน 20 เมตร มีทั้งหมด 3 ชั้น สวยมากๆ
พี่เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่าช่วงหน้าน้ำประมาณเดือนตุลาคม บริเวณนี้จะเต็มไปด้วยละอองน้ำ ทากดูดเลือดนานาชนิด
เปียกแฉะ น้ำไหลแรงมากๆ มายืนถ่ายรูปแบบนี้ไม่ได้เลย

นั่งพักเหนื่อยสักพัก พี่เจ้าหน้าที่อุทยานเค้าก็มาเล่าเรื่องสัตว์ให้เราฟัง ว่าช้างในเขาใหญ่เนี่ยมีประมาณ 500 ตัว เยอะมากๆ ช้างมันไม่ได้ใจดี
แต่มันก็ไม่ได้ดุ มีแต่คนไปทำให้มันอยากเข้ามาใกล้มากกว่า เรามาบ้านเขาเราต้องปฏิบัติตัวให้ถูก เช่น
วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเจอช้างป่า
1. ถ้าช้างสะบัดหู สะบัดหาง แสดงว่าอารมณ์ดี
2. ถ้าหูแข็ง หางไม่สะบัด งวงไม่แกว่ง มันกำลังโกรธ
3.ตั้งสติค่ะ สติมาปัญญาเกิด (อืม ถ้ามันมาจะมีสักกี่คนที่ไม่วิ่งหนีมัน)
วิธีปฏิบัติเมื่อเจอลิงป่าตาย
1.อย่าเข้าไปใกล้มันค่ะ เพราะว่าถ้าตัวอื่นมาเห็น มันจะร้องเรียกพวกมาอีกเป็นฝูง มันจะคิดว่าเราฆ่า แล้วมันจะล้อมกัดเรา (เหมือนในหนัง)
2.อย่าให้อาหารเด็ดขาด

เราเองก็แกล้งถามพี่เค้าแบบโง่ๆ นะคะ ว่าในป่ามีหมาป่าไหม พี่เค้าบอกว่าโอ้ย มันหอนทุกวัน ได้ยินนี่ขนลุก
แล้วเราก็ไปที่ต่อไปต่อค่ะ แต่ก่อนไปแชะภาพกับพี่เจ้าหน้าที่อีกรูป มาเห็นตรงอกเสื้อ ว่าเค้าชื่อพี่มานะ เจ๋งมากๆค่ะ

ฮะ เดินขึ้นอีกแล้ว

ออกเดินทางต่อค่ะ กะว่าจะแวะผาเดียวดายกับเขาเขียว แต่ดันปิดเพื่อฟื้นฟู แล้วเรากับพลขับ ก็ขี่มาเรื่อยๆ จนไปเจอเจ้านี่ๆๆๆ
เลียงผาาาาาาาาาาาาาาา ตัวน้อยน่ารัก มันมาตัวเดียว ตัวเล็กๆ เล็มหญ้าอยู่ข้างทาง

เย้ ถึงแล้ว ลานกางเต๊นท์ลำตะคอง ไฮไลท์คือ กวางเยอะมากๆๆๆๆ ตัวใหญ่มากๆๆๆๆๆๆ คือดีค่ะ แต่ เราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนอนที่ไหน

เลยขี่ไปดูอีกลานคือ ลานกางเต๊นท์ผากล้วยไม้ และแล้วก็ไปเจอเจ้ากวางตัวแสบ มันกำลังขโมยกล้วยจากตะกร้าหน้ารถมอเตอร์ไซต์ แสบจริงๆ

และแล้วเราก็ตัดสินใจ เลือกที่จะนอนลานลำตะคองค่ะ เพราะกวางเยอะกว่า ติดต่อเช่าอุปกรณ์ค่ะ เต๊นท์ 1-2 คน ราคา 150 บาท
หมอน 2 ใบ ผ้าห่ม 2ผืน ผ้าปูรอง 2 แผ่น ราคารวม 1 ชุด 360 บาท

เต๊นท์เราต้องกางเองนะคะ สกิลวิชาลูกเสือได้ใช้ก็วันนี้แหละค่ะ

ข้างๆเต๊นเรา เจอพี่นินจา 300 มาคนเดียว กับอีกฝั้งนึงพี่ เวอซิส มาคนเดียวเช่นกัน คาราวะเลยค่ะ

เมื่อกางเต๊นท์เสร็จ มุ่งหน้าไปยังน้ำตกเหวสุวัตค่ะ ฮะ!! เหวอีกแล้ว คราวนี้ลงไปแบบชันๆเน้นๆ แค่ 200 เมตรค่ะ ใกล้นะคะแต่ชันมากๆ
พอลงไปเท่านั้นแหละ นั่งยาวเลยค่ะ อากาศเย็นสบาย ร่มรื่น จนพลขับแอบงีบ


เมื่อถึงเวลา เราก็กลับไปที่ที่พักค่ะ จัดการอาบน้ำให้เรียบร้อย ห้องน้ำสะอาดพอใช้ได้ค่ะ จนอุทานกับพลขับว่า "แกเค้าหิว"
นี่เราลืมไปเลยว่ายังไม่ได้กินข้าว บนเขาไม่มีร้านอาหารเลย แต่โชคดีมากค่ะ บนลานกางเต๊นท์มีร้านค้าสวัสดิการ
เราเลยจัดผัดกะเพราไข่ดาวไปคนละ 1 จาน ราคาไม่แพงมากค่ะ จานละ 50 บาท อิ่มมากๆ น้ำขวดใหญ่ 20 บาท ขนม 25 บาท
ร้านค้ากับครัว ปิดประมาน 17.30 - 18.00 นะคะ หลังจากนั้น ถ้าเราไม่ตุนของขึ้นมา ก็จะนั่งหงอยแบบ จขกท.กับพลขับค่ะ

กินข้าวเสร็จออกมาเดินย่อย บริเวณลานกลางเต๊นท์ มีสะพานไม้เดินข้ามเข้าไปในป่าได้คะ

ใกล้มากกกก มันไม่กลัวคนเลย จิกตาใส่กล้องอีกต่างหาก

กลางคืนดาวเยอะมากๆๆๆ สวยมาก บริเวณรอบๆมืดสนิท มัวแต่นั่งจีบกันจนไม่ได้ถ่ายรูปเลย อิอิ
พอตกดึกๆ กวางเริ่มมาเจาะแจะกับเต๊นท์จ้า มากินหญ้ารอบๆเต๊นท์ มาเขี่ยๆแงะๆ เสียงกุกๆกักๆทั้งคืน
ตื่นเช้ามาเจอภาพนี้ค่ะ

แล้วพอหันไปอีกทิศ ก็เจอแบบนี้ค่ะ แอบกลัวรถพี่เค้าเป็นรอย 555

ได้เวลาเดินทางกลับแล้ว เศร้านิดๆ

ออกมาอีกฝั่งแล้ว ไว้มากๆเลย

ขี่ไปต่อเพื่อหามื้อเช้า ไปได้ประมาน 3 กิโลเมตร ก็แวะ สั่ง ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ต้มแซ่บ รสชาติโอเคเลย ค่าเสียหา 260 บาท

พลขับอยากไปปาลิโอค่ะ ไปเลยยยยยย
พอไปถึง ไม่ค่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ร้านค้าหายไปหลายร้าน แมคโดนัลก็หายไป เลยได้รูปเค้ามาแทน แฮๆ

แล้วก็ไปเดินเล่น พรีเมี่ยมเอ้าเลท เขาใหญ่บริเวณปากช่อง พลขับได้เสื้อยืดCamel ราคาน่าคบติดไม้ติดมือกลับบ้านมา1ตัว
หลังจากนั้น เราก็มุ่งหน้ากลับสมุทรปราการกันค่ะ แต่คราวนี้เรากลับทางปากช่อง แดดแบบมหากาฬอลังการร้อนเลย แต่ทนได้ค่ะ 555555

สรุปค่าใช้จ่ายนะคะ
ค่าน้ำมันไปกลับ เติม 95 เหลือติดถังอยู่บ้าง 400 บาท
ค่าเข้าอุทยาน 110 บาท
ค่าอาหารทุกๆมื้อ 400 บาท
ค่าเต๊นท์กางเต๊น ค่าอุปกรณ์ 360 บาท
รวม 1,270 บาท


จบแล้วค่ะ รีวิวเที่ยวปากช่องไปกับสองล้ออยากให้เพื่อนๆที่อยากจะขี่มอไซด์ออกไปเที่ยวว่า อย่าไปกลัวค่ะแค่กล้าออก
ทุกการเดินทางตลอดเส้นทาง มีความสุขแน่นอน ฟิลมันต่างจากกรุงเทพมากๆ อย่าลืมให้รางวัลกับตัวเองกันนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่