คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ปัญหาในการกลับไปไม่ได้อยู่ที่กฏระเบียบ คุณและครอบครัวกลับไปได้อยู่แล้ว
ติดใจตรงที่ว่า ย่าไม่ยอมรับกลับไป นี่เป็นประเด็นหนึ่งที่น่าตั้งข้อสังเกตุ ปกติแล้วสมาชิกครอบครัวต้องเป็นผู้สนับสนุนที่มีน้ำหนักความสำคัญที่สุด
ที่บอกว่ามีเพื่อนที่ดีมากทั้งชาวไทยและเยอรมัน ไม่ได้เป็นสิ่งการันตีว่าเขาเหล่านั้นจะช่วยแบ่งเบารับภาระแต่อย่างใด คงช่วยได้ในระดับหนึ่งและในระยะสั้นๆ ทุกคนต่างมีภาระเป็นของตนเองและมีขีดจำกัดในการช่วยเหลือ จงหวังพึ่งตนเองเป็นหลักเท่านั้น
คำถามที่สำคัญที่สุดคือ แหล่งรายได้ที่จะเลี้ยงครอบครัว คุณได้มาจากไหนและเพียงพอสำหรับที่จะเลี้ยงลูก 2 คนให้เติบโตได้อย่างมีคุณภาพหรือไม่?
อย่ามองเห็นแค่ภาพลวงตาที่ว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาในเยอรมันนั้นไม่แพงเมื่อเทียบกับประเทศตะวันตกอื่นๆ ความเป็นจริงอีกด้านหนึ่งคือ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่นั้นคือค่าใช้จ่ายประจำตัวในชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคลของสมาชิกในครอบครัวต่างหาก ได้แก่ ค่าที่อยู่อาศัยถ้าต้องเช่าและค่าสาธารณูปโภค (น้ำ ไฟฟ้า แก๊ส อินเตอร์เนท กำจัดขยะ ฯลฯ) ค่าอาหารการกิน เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และค่าประกันสุขภาพ กลายเป็นว่าค่าใช้จ่ายการศึกษาถูกลง แต่ค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ แพงกว่าเมืองไทย 3 เท่าตัว เฉพาะสำหรับลูก 2 คนยิ่งโตวันโตคืนค่าใช้จ่ายยิ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว คุณจะหารายได้เลี้ยงครอบครัวอย่างไร? ด้วยอาชีพอะไร? การเป็นครูสอนภาษาอังกฤษรายได้ดีสามารถทำได้ในเมืองไทย แต่ไม่ใช่ในเยอรมนี อันดับแรกเพราะ จขกท ไม่ได้มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ ประการต่อไปถ้าจะสอนให้เป็นอาชีพจริงๆ จังๆ คุณต้องมีใบรับรองอาชีพการสอนในสาขานั้นๆ ประการสุดท้ายนั้น มีครูภาษาอังกฤษชาวเยอรมันที่เรียนมาทางด้านภาษาโดยอาชีพมากมายในตลาด ฉะนั้นโอกาสที่จะหาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพนี้นั้นมองไม่เห็นความสุกสว่าง
ตามที่บอกรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่เมืองไทยมานั้น แสดงว่าคุณต้องมีแหล่งรายได้อยู่ ซึ่งไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มากขึ้นหรือน้อยลงเมื่อย้ายไปอยู่เยอรมนี? ส่วนหนึ่งน่าจะมีรายได้ประจำจากเงินแม่หม้ายที่ได้รับ 60% จากเงินเดือนสามี อีกส่วนที่คุณหาเองจากการเป็นครูสอนพิเศษ คุณตาเป็นคนซื้อบ้านให้ แสดงว่าคุณพ่อคุณแม่คุณยังเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้อยู่ในกรณีที่จำเป็นและยังห่วงใยหลานถึงขนาดที่ไปรับตัวกลับทันทีหลังจากพ่อของเด็กๆ เสียชีวิต ในขณะที่ฝ่ายย่าของเด็กกลับมีปฏิกิริยาตรงกันข้ามไม่ยอมรับครอบครัวคุณกลับไปเยอรมนี
คำถามในประเด็นนี้ผมตั้งขึ้นมาให้เป็นข้อคิดเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องตอบเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ
สำหรับเด็กๆ การเข้ามาในช่วงมัธยม 2 และประถม 4 ลูกคนโตพูดภาษาเยอรมันได้คงจะค่อยๆ ปรับตัวเรื่องการเรียนได้ ส่วนคนเล็กพูดภาษาไม่ได้เลยจะมีปัญหามาก และที่เห็นว่ามากเป็นพิเศษกว่าคนอื่นๆ ก็ตรงที่ว่า สมาชิกในบ้านไม่มีคนพูดเยอรมันเลย ถ้าพ่อซึ่งเป็นชาวเยอรมันยังมีชีวิตอยู่ด้วยกัน จะช่วยส่งเสริมให้การปรับตัวเป็นไปวันละเล็กละน้อย คุณตัวคนเดียวจะแก้ปัญหาสภาพแวดล้อมนี้ของครอบครัวได้อย่างไร?
เมื่อฟังเรื่องราวของคนอื่นนั้น ขอให้เปรียบเทียบเงื่อนไขสภาพแวดล้อมของครอบครัวคุณที่แตกต่างไปด้วย คุณจะเอากรณีของคุณซึ่งตัวคนเดียวไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่สภาพครอบครัวพร้อมโดยมีหัวหน้าครอบครัวเป็นชาวเยอรมันเป็นหลักทั้งทางรายได้และเป็นผู้นำทั้งในการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมประจำวันที่คุณไม่ได้รู้รอบถึงจะเคยอยู่มา 9 ปีก็ตาม ย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ข้อมูลทางสภาพสังคมเยอรมันในปัจจุบันนั้น แม่ที่เลี้ยงลูกตัวคนเดียวไม่ว่าจะสาเหตุจากคู่สมรสเสียชีวิตหรือหย่าร้าง จะเป็นกลุ่มที่มีเปอร์เซนต์สูงสุดที่มีสภาพฐานะการเงินยากจนที่ต้องรับสวัสดิการที่ คห 2 บอกนั่นแหละครับคือ Hart IV และจะกลายเป็นปมด้อยและมีผลต่อการพัฒนาทางพฤติกรรมและนิสัยของเด็กที่จะเติบโตไปในภายหน้า และจะมีปัญหาแม้แต่ในสังคมเพื่อนที่โรงเรียน
บ้านเช่าระดับปานกลางหรือดีไม่รับผู้เช่าที่รับเงินสวัสดิการสังคม Hart IV และมักจะอยู่รวมในสังคมเดียวกัน
เรื่องสวัสดิการเงินตกงานนั่น ถ้า จขกท ไม่เคยทำงานในเยอรมนีแล้วจะได้สวัสดิการนี้ยังไงครับ ? และเงินที่ให้ลูก Kindergeld นั้น จ่ายให้แก่เด็กเยอรมันที่ต่างประเทศด้วย นั่นหมายถึง จขกท ต้องได้รับเงินนี้ประจำเดือนอยู่แล้ว จะได้รับจนถึงอายุ 25 ไม่ใช่แค่ 18 อย่างที่ คห 2 เข้าใจผิด
อยู่เมืองไทยมีชีวิตดีอยู่แล้ว มีความสามารถจ่ายเงินให้ลูกไปโรงเรียนดีๆ แต่เลือกที่จะไปอยู่เยอรมันเพื่อที่จะไปรับสวัสดิการคนยากจน Hart IV ??
ติดใจตรงที่ว่า ย่าไม่ยอมรับกลับไป นี่เป็นประเด็นหนึ่งที่น่าตั้งข้อสังเกตุ ปกติแล้วสมาชิกครอบครัวต้องเป็นผู้สนับสนุนที่มีน้ำหนักความสำคัญที่สุด
ที่บอกว่ามีเพื่อนที่ดีมากทั้งชาวไทยและเยอรมัน ไม่ได้เป็นสิ่งการันตีว่าเขาเหล่านั้นจะช่วยแบ่งเบารับภาระแต่อย่างใด คงช่วยได้ในระดับหนึ่งและในระยะสั้นๆ ทุกคนต่างมีภาระเป็นของตนเองและมีขีดจำกัดในการช่วยเหลือ จงหวังพึ่งตนเองเป็นหลักเท่านั้น
คำถามที่สำคัญที่สุดคือ แหล่งรายได้ที่จะเลี้ยงครอบครัว คุณได้มาจากไหนและเพียงพอสำหรับที่จะเลี้ยงลูก 2 คนให้เติบโตได้อย่างมีคุณภาพหรือไม่?
อย่ามองเห็นแค่ภาพลวงตาที่ว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาในเยอรมันนั้นไม่แพงเมื่อเทียบกับประเทศตะวันตกอื่นๆ ความเป็นจริงอีกด้านหนึ่งคือ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่นั้นคือค่าใช้จ่ายประจำตัวในชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคลของสมาชิกในครอบครัวต่างหาก ได้แก่ ค่าที่อยู่อาศัยถ้าต้องเช่าและค่าสาธารณูปโภค (น้ำ ไฟฟ้า แก๊ส อินเตอร์เนท กำจัดขยะ ฯลฯ) ค่าอาหารการกิน เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และค่าประกันสุขภาพ กลายเป็นว่าค่าใช้จ่ายการศึกษาถูกลง แต่ค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ แพงกว่าเมืองไทย 3 เท่าตัว เฉพาะสำหรับลูก 2 คนยิ่งโตวันโตคืนค่าใช้จ่ายยิ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว คุณจะหารายได้เลี้ยงครอบครัวอย่างไร? ด้วยอาชีพอะไร? การเป็นครูสอนภาษาอังกฤษรายได้ดีสามารถทำได้ในเมืองไทย แต่ไม่ใช่ในเยอรมนี อันดับแรกเพราะ จขกท ไม่ได้มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ ประการต่อไปถ้าจะสอนให้เป็นอาชีพจริงๆ จังๆ คุณต้องมีใบรับรองอาชีพการสอนในสาขานั้นๆ ประการสุดท้ายนั้น มีครูภาษาอังกฤษชาวเยอรมันที่เรียนมาทางด้านภาษาโดยอาชีพมากมายในตลาด ฉะนั้นโอกาสที่จะหาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพนี้นั้นมองไม่เห็นความสุกสว่าง
ตามที่บอกรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่เมืองไทยมานั้น แสดงว่าคุณต้องมีแหล่งรายได้อยู่ ซึ่งไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มากขึ้นหรือน้อยลงเมื่อย้ายไปอยู่เยอรมนี? ส่วนหนึ่งน่าจะมีรายได้ประจำจากเงินแม่หม้ายที่ได้รับ 60% จากเงินเดือนสามี อีกส่วนที่คุณหาเองจากการเป็นครูสอนพิเศษ คุณตาเป็นคนซื้อบ้านให้ แสดงว่าคุณพ่อคุณแม่คุณยังเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้อยู่ในกรณีที่จำเป็นและยังห่วงใยหลานถึงขนาดที่ไปรับตัวกลับทันทีหลังจากพ่อของเด็กๆ เสียชีวิต ในขณะที่ฝ่ายย่าของเด็กกลับมีปฏิกิริยาตรงกันข้ามไม่ยอมรับครอบครัวคุณกลับไปเยอรมนี
คำถามในประเด็นนี้ผมตั้งขึ้นมาให้เป็นข้อคิดเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องตอบเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ
สำหรับเด็กๆ การเข้ามาในช่วงมัธยม 2 และประถม 4 ลูกคนโตพูดภาษาเยอรมันได้คงจะค่อยๆ ปรับตัวเรื่องการเรียนได้ ส่วนคนเล็กพูดภาษาไม่ได้เลยจะมีปัญหามาก และที่เห็นว่ามากเป็นพิเศษกว่าคนอื่นๆ ก็ตรงที่ว่า สมาชิกในบ้านไม่มีคนพูดเยอรมันเลย ถ้าพ่อซึ่งเป็นชาวเยอรมันยังมีชีวิตอยู่ด้วยกัน จะช่วยส่งเสริมให้การปรับตัวเป็นไปวันละเล็กละน้อย คุณตัวคนเดียวจะแก้ปัญหาสภาพแวดล้อมนี้ของครอบครัวได้อย่างไร?
เมื่อฟังเรื่องราวของคนอื่นนั้น ขอให้เปรียบเทียบเงื่อนไขสภาพแวดล้อมของครอบครัวคุณที่แตกต่างไปด้วย คุณจะเอากรณีของคุณซึ่งตัวคนเดียวไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่สภาพครอบครัวพร้อมโดยมีหัวหน้าครอบครัวเป็นชาวเยอรมันเป็นหลักทั้งทางรายได้และเป็นผู้นำทั้งในการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมประจำวันที่คุณไม่ได้รู้รอบถึงจะเคยอยู่มา 9 ปีก็ตาม ย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ข้อมูลทางสภาพสังคมเยอรมันในปัจจุบันนั้น แม่ที่เลี้ยงลูกตัวคนเดียวไม่ว่าจะสาเหตุจากคู่สมรสเสียชีวิตหรือหย่าร้าง จะเป็นกลุ่มที่มีเปอร์เซนต์สูงสุดที่มีสภาพฐานะการเงินยากจนที่ต้องรับสวัสดิการที่ คห 2 บอกนั่นแหละครับคือ Hart IV และจะกลายเป็นปมด้อยและมีผลต่อการพัฒนาทางพฤติกรรมและนิสัยของเด็กที่จะเติบโตไปในภายหน้า และจะมีปัญหาแม้แต่ในสังคมเพื่อนที่โรงเรียน
บ้านเช่าระดับปานกลางหรือดีไม่รับผู้เช่าที่รับเงินสวัสดิการสังคม Hart IV และมักจะอยู่รวมในสังคมเดียวกัน
เรื่องสวัสดิการเงินตกงานนั่น ถ้า จขกท ไม่เคยทำงานในเยอรมนีแล้วจะได้สวัสดิการนี้ยังไงครับ ? และเงินที่ให้ลูก Kindergeld นั้น จ่ายให้แก่เด็กเยอรมันที่ต่างประเทศด้วย นั่นหมายถึง จขกท ต้องได้รับเงินนี้ประจำเดือนอยู่แล้ว จะได้รับจนถึงอายุ 25 ไม่ใช่แค่ 18 อย่างที่ คห 2 เข้าใจผิด
อยู่เมืองไทยมีชีวิตดีอยู่แล้ว มีความสามารถจ่ายเงินให้ลูกไปโรงเรียนดีๆ แต่เลือกที่จะไปอยู่เยอรมันเพื่อที่จะไปรับสวัสดิการคนยากจน Hart IV ??
แสดงความคิดเห็น
การย้ายกลับเยอรมันค่ะ