สมัยนี้ ใครที่ยังอยากให้ลูกเป็นหมอ ขอพูดนิดนึงค่ะ

ขออนุญาต จขกท ตั้งกระทู้หน่อยนะคะ


ส่วนตัวค่อนข้างตกใจมากค่ะ ที่ยังมีหลายคนอยากให้ลูกเป็นหมออยู่ ยังมีค่านิยมที่อยากเป็นหมอ จะเพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ... นี่ขนาดโดนโขกสับขนาดนี้ โดนทำร้ายร่างกายขณะทำงาน โดนฟ้อง โดนร้องเรียน โดนอัดคลิป โดนบี้ทุกทาง (พูดถึงกรณีที่ทำทุกอย่างตามที่เรียนมา ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น) ยังมีคนอยากให้ลูกเป็นหมออยู่อีกหรือคะ? ตอนนี้อยากจะบอกว่า trend คนในอยากออกมาแรงมากค่ะ ไม่ใช่ว่าออกจากรัฐไปเอกชน แต่ออกไปทำอย่างอื่นเลย พี่ๆ หลายคน ทำงานประมาณหนึ่ง เก็บเงินแล้วออกไปทำงานหรือลงทุนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับสายอาชีพเยอะกว่าแต่ก่อนมากค่ะ


เงินเท่าไหร่ก็คลายความกังวลที่เกิดจากคดีความ หรือการร้องเรียนที่-ไม่ยืนอยู่บนความเป็นจริง- ไม่ได้หรอกนะคะ
การทำงานที่วิ่งอยู่บนความต้องการที่ไม่สิ้นสุดของผู้รับบริการทางสุขภาพ ที่ต้องการมากไปกว่า การหายจากโรค หายจากไข้ (จขกท ไม่ได้พูดถึงความรู้ แต่คนไข้หลายคน แม้แต่คอนเซ็ปท์ของชีวิตก็ไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับการเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมชาติ คิดว่าความรู้ทางการแพทย์จะต้องแก้ไขทุกอย่างได้ ญาติฉันต้องไม่ตาย ถ้าตายหมอผิด) ควบคู่ไปกับบรรยากาศการทำงานที่กดดัน ชั่วโมงการทำงานที่กล้าพูดได้เลยว่ามากกว่าพนักงานบริษัททั่วไปแน่นอน


ถ้าย้อนกลับไปได้ อยากเลือกไปเรียนอย่างอื่น อยากเป็นลูกจ้างที่อย่างน้อยก็มีกฎหมายคุ้มครอง มีสหภาพ มีการร้องเรียนเรียกร้องได้บ้าง
ไม่ใช่อะไรถูกตีกรอบด้วยคำว่า จริยธรรม จรรยาบรรณ ซึ่งไม่ได้ตั้งอยู่บนความเป็นจริง
อะไรๆ ก็ต้องยอม หมอกินภาษีประชาชน หมอไม่มีจริยธรรม หมอไม่มีจิตใจของการเป็นผู้ให้บริการ
จะออกทีต้องคิดม้วนหน้าม้วนหลัง เพื่อนร่วมงานจะลำบากมั้ย ฯลฯ
เป็นสายอาชีพอื่น จะออก ก็คือจะออก ทำงานบริษัท โดยเฉพาะต่างชาติ เค้าไม่เอาความดีจริยธรรมบ้าบออะไรมาอ้าง เค้าเอาความจริงมาพูด
ยูต้องทำงานเท่านี้ๆ ทำงานล่วงเวลาคือโอที การให้บริการก็ทำไปตามกฎ ทำไปตามหลักมารยาท ไม่มีการต้องถูกอ้างอิงกับหลักความดีอะไรอื่นอีก ถูกใช้งานเกินข้อบังคับก็ต้องคุยกันด้วยกฎ ด้วยทนาย ไม่ใช่ใช้คำพูดหอมหวานสวยหรู หรือคำขู่นามธรรมเชิงความดีความชั่ว
ขายก๋วยเตี๋ยวจะถูกร้องเรียนมั้ย ถ้าไม่เข้าขั้นว่าทรามจริงๆ เช่น ทำไมคนขายพูดจาไม่สุภาพ ทำไมไม่อธิบายให้ข้อมูล ฯลฯ ฉันจะฟ้องคุณ ร้องเรียนคุณ ไม่มีใครสนใจหรอก แต่กับหมอคือบี้ได้ ร้องเรียนได้ ยิ่งร้องแรงๆ ก็จะยิ่งได้มาก เป็นหมอขาข้างนึงก็เข้าคุกอยู่แล้ว ลองดูข่าวหรือกระแสในโซเชียลทุกวันนี้ได้ อย่าคิดว่าทำดีทำตามหลักการ แล้วจะรอด อย่างที่หมอรุ่นเก่าๆ ชอบพูด แล้วจะรอด ท่านเหล่านั้นขึ้นหอคอยงาช้างไปแล้ว


วงจรและสังคมชีวิตหมอไทยที่ยอมรับกันคือ ลำบากก่อนแล้วสบายดีหลัง อธิบายง่ายๆ ก็คือ จบมาเป็นอินเทิร์น หมอที่ไม่เฉพาะทางอะไร ก็ต้องไปเป็นลูกมือ วนตามวอร์ดต่างๆ ทำงานรับหน้า ไม่เกี่ยงเวลา มีปัญหาอะไรจะถูกตามคนแรก เหนื่อยมาก โตมาหน่อยไปเรียนเฉพาะทาง ทนทุกข์อยู่สามสี่ปี พอเห็นจบเฉพาะทางออกมา ทีนี้เริ่มเปลี่ยนไปกันหมด หมอเด็กๆ เบี้ยล่างจะตาม ก็บอกว่าใช้เวลากับครอบครัวบ้าง พี่แก่แล้วบ้าง แต่ทุกคนก็ยอมรับระบบนี้ เพราะจะให้คนแก่ๆ มาอยู่เวรดึกดื่นก็ใช่เรื่อง แต่พอเป็นอย่างนี้ ประกอบกับหมอโตๆ เริ่มไปรับงานเอกชนเยอะ หรือไม่ก็ออกจากระบบรัฐไปเลย ก็ไปเจอระบบที่ดีกว่า สบายกว่า เริ่มลืมเลือนไปแล้วว่าตอนจบใหม่ลำบากขนาดไหน มิหนำซ้ำ ด้วยกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคม สภาพการทำงานของหมอเด็กๆ ตอนนี้มันยกระดับความฟอนเฟะไปมากกว่าตอนที่ท่านบนหอยคอยงาช้างเคยเป็นอินเทิร์นไม่รู้กี่อย่างต่อกี่อย่างแล้ว ตอนนี้ท่านเหล่านั้น เป็นใหญ่เป็นโต ไปคุยกับประชาชนก็คุยแต่เรื่องของสิทธิของคนไข้ ไม่เคยคุยถึงสิทธิของหมอ ซึ่งจริงๆแล้ว สิทธิของคนไข้ไทยตอนนี้ มันมากเกินกว่าความสามารถด้านเศรษฐกิจของประเทศ มันเกินไปกว่ากำลังของบุคลากรไปมากแล้ว แต่ไม่เคยสน จะบีบจะเค้นเอาให้ได้จากคนทำงานให้มากที่สุด ถ้าเป็นเครื่องยนต์ก็ไหม้ไปแล้ว แต่เผอิญว่าคนมันแก้ไหมได้โดยคำพูดเชิงจริยธรรมที่สวยหรู แต่ซักวันเถอะค่ะ ... ซักวันที่คำพูดเหล่านั้น เรื่องเลื่อนลอยพวกนั้นมันเกินไปกว่าที่หมอ ผู้ซึ่งอีโก้มาก กลัวเปลี่ยนแปลง กลัวถูกด่า กลัวถูกตราหน้าจากสังคมยิ่งกว่าจะเห็นค่าศํกดิ์ศรีของชีวิตตัวเอง เห็นค่ามากกว่าโอกาสที่จะได้ใช้เวลาเล็กน้อยในชีวิต ไปดูแลบุพการีที่แก่เฒ่า เพราะด้วยสิ่งที่ถูกหล่อหล่อมมาว่าให้เห็นความสำคัญแก่หน้าที่ แก่คนไข้ ยิ่งกว่าอะไรดี เวลาที่มีต้องใช้เพื่องาน งาน งาน และงาน ... เหมือนคนเก็บกดค่ะ ถ้าถูกบีบจนถึงที่สุดเมื่อ วงการหมอต้องเปลี่ยนแปลงแน่ๆ เราที่เป็นหมอผ่าเหล่า กล้ามาพูดเรื่องพวกนี้ ได้แต่รอเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ทนอด อดทนเหลือเกิน ให้คิดได้ซะทีค่ะ


อาชีพหมอ ตอนนี้ไม่ได้สวยหรูอะไรแล้วค่ะ
ชื่อเสียงเกียรติยศ เงินทอง ความดีและความรู้สึกดีๆ ที่ได้ช่วยเหลือผู้คน ยิ่งกว่าหยาดเหงื่อ อาจต้องแลกมาด้วยน้ำตา
ยิ่งกว่าน้ำตา อาจต้องแลกมาด้วยเลือด
ยิ่งกว่าเลือด อาจต้องแลกมาด้วยการถูกจองจำอิสระภาพ การฟ้องร้อง
ยิ่งกว่าการฟ้องร้อง นั่นอาจต้องแลกมาด้วยชีวิต
... ทุกวันนี้สังคมกำลังเล่นเกมอยู่ เรียกว่าเกมคนดี อัพสเกลของอุปสรรคมากขึ้นเรื่อยๆ ใครโดดหนีหรือไปไม่ไหวตามเงื่อนไข จะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนชั่วทันที ทั้งที่จริง ต้องเรียกว่า ไม่ได้เป็นดั่งที่สังคมคิดอยากให้เป็นมากกว่า ... ว่าต้องเป็นหนูถีบจัก ที่ดันเลือกมาเรียนเอง ... ว่าต้องเป็นคนที่คิดจะเสียสละ อย่างไม่มีลิมิต เสียสละด้วยอัตราเร็วที่เร่งขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ
ท้ายที่สุด แม้แต่คนสุดท้ายที่อึดสุด ก็ต้องโดดลงจากรถด่วนขบวนมรณะนี้ ถ้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งที่จริงๆแล้ว ทุกคนก็มีความตั้งใจดีแรกตั้งแต่ขึ้นรถไฟมาแล้ว นึกไม่ถึงว่าขึ้นมาแล้วจะเป็นแบบนี้ค่ะ


ใครที่ยังอยากให้ลูกเป็นหมออยู่ ลองพิจารณาดูดีๆ นะคะ ส่วนลูกใครอยากเป็นเอง ... at your own risk ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่