จากfacebook ครับ
คลีนิกหมอสังคม (Sungkom Clinic)
ใครอยากเรียนหมอ หรือ อยากให้ลูก หลานเรียนหมอ โปรดฟัง
นักเรียนคนหนึ่ง พ่อและแม่เป็นอาจารย์หมอ สอนอยู่คณะแพทย์ระดับศาสตราจารย์ เดินออกจากห้องสอบ วิชาชีวะวิทยาเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย หน้าตายิ้มแย้ม แจ่มใส แล้วตะโกนบอกเพื่อนที่รออยู่หน้าห้องว่า”กูสอบวิชาชีวะ ให้พ่อ แม่กูแล้วว่ะ” ผลปรากฏสอบเข้าได้ วิศวะจุฬา ปัจจุบันจบปริญญาโทวิศวะไฟฟ้า ทำงานอยู่ต่างประเทศ
นิสิตแพทย์หญิงชั้นปีที่หนึ่งคนหนึ่งขณะนั่งเรียนอยู่ในห้อง ร้องกรี๊ดว่า “ทนไม่ไหวแล้ว นี่ไม่ใช่ตัวฉัน” แล้วเดินออกจากห้องเรียนไปไม่กลับมาอีกเลย
นักศึกษาแพทย์คนหนึ่งสอบชั้นปีที่ 2 ได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่า แล้วลาออกไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ และจบสถาปัตยกรรม จุฬาฯ
นักเรียนแพทย์หญิงชั้นปีที่ 4 มาเรียนสายทุกวัน ชอบนั่งเรียนอยู่หลังห้องประจำ ไม่ค่อยชอบดูคนไข้ วันหนึ่งหมอซึ่งเป็นอาจารย์ดูแลประจำกลุ่มเลยเรียกมาคุย ได้ความว่า แม่ไม่ให้นอนนอกบ้าน เลยนอนหอพักที่คณะไม่ได้ ทุกวันต้องกลับไปนอนบ้าน เช้าแม่ขับรถมาส่ง ทำให้มาสายทุกวัน หมอเลยถามว่า “ถ้าจบแล้วจะไปทำงานใช้ทุน อยู่เวรที่โรงพยาบาลได้อย่างไร “ เด็กเงียบ ไม่ตอบ อีกหลายเดือนต่อมาหมอไปพบนักเรียนคนนี้อยู่ในชุดนิสิตหน้าตาแจ่มใส เลยถามว่ามาทำอะไร เด็กตอบว่า”หนูลาออกแล้วย้ายไปเรียนคณะบัญชีแล้วค่ะ”
เพื่อนของลูกคนที่หมอรู้จักเป็นนักศึกษาแพทย์ปีที่ 6 ปีสุดท้าย อีกประมาณ 1 เดือนจะสอบเพื่อให้ได้ใบประกอบโรคศิลป์เพื่อให้เป็นแพทย์ที่สามารถรักษาคนไข้ได้ แต่ไม่ยอมเข้าสอบ บอกว่า ตัวเองเรียนแพทย์ให้พ่อ แม่ แล้ว แต่ไม่อยากเป็นหมอจึงไม่ยอมสอบ
แพทย์ประจำบ้าน(เรียนจบแพทย์ และทำงานใช้ทุนแล้ว 3 ปี แล้วมาเรียนแพทย์ประจำบ้านต่ออีก 3ปี เพื่อจบไปเป็นหมอรักษาเด็ก)ปีที่1 แผนกเด็กที่หมอดูแลอยู่จะลาออก ไม่เรียนต่อ สอบถามได้ความว่า ไม่อยากเรียนหมอ แต่เรียนเพราะตามใจพ่อ แม่ จริงๆอยากเปิดร้านขายหนังสือและเล่นดนตรี ในที่สุดแพทย์ประจำบ้านคนนี้ก็ลาออกไป
เพราะฉะนั้น อย่าสอบเข้าแพทย์ เพราะ
1.ตามใจพ่อ แม่ ญาติผู้ใหญ่
2.พ่อ แม่บังคับ
3.เลือกตามเพื่อน
4.คิดว่าคนเก่งต้องเรียนแพทย์และวิศวะเท่านั้น มีอยู่ปีหนึ่งนักเรียนสายวิทยาศาสตร์ที่สอบได้ที่หนึ่งของทั้งระดับชั้น โรงเรียนสาธิตจุฬา สอบเข้าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ(อ่านไม่ผิดครับ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ)ได้ที่หนึ่งของประเทศครับ
หมอจึงคิดว่าถ้าเรียนสิ่งที่ตัวเองถนัดและชอบ จบไปแล้วจะทำงานอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จดีกว่าเรียนสิ่งที่ตัวเองชอบแต่ไม่ถนัด หรือสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบครับ
ใครอยากเรียนหมอ หรือ อยากให้ลูก หลานเรียนหมอ โปรดฟัง
คลีนิกหมอสังคม (Sungkom Clinic)
ใครอยากเรียนหมอ หรือ อยากให้ลูก หลานเรียนหมอ โปรดฟัง
นักเรียนคนหนึ่ง พ่อและแม่เป็นอาจารย์หมอ สอนอยู่คณะแพทย์ระดับศาสตราจารย์ เดินออกจากห้องสอบ วิชาชีวะวิทยาเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย หน้าตายิ้มแย้ม แจ่มใส แล้วตะโกนบอกเพื่อนที่รออยู่หน้าห้องว่า”กูสอบวิชาชีวะ ให้พ่อ แม่กูแล้วว่ะ” ผลปรากฏสอบเข้าได้ วิศวะจุฬา ปัจจุบันจบปริญญาโทวิศวะไฟฟ้า ทำงานอยู่ต่างประเทศ
นิสิตแพทย์หญิงชั้นปีที่หนึ่งคนหนึ่งขณะนั่งเรียนอยู่ในห้อง ร้องกรี๊ดว่า “ทนไม่ไหวแล้ว นี่ไม่ใช่ตัวฉัน” แล้วเดินออกจากห้องเรียนไปไม่กลับมาอีกเลย
นักศึกษาแพทย์คนหนึ่งสอบชั้นปีที่ 2 ได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่า แล้วลาออกไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ และจบสถาปัตยกรรม จุฬาฯ
นักเรียนแพทย์หญิงชั้นปีที่ 4 มาเรียนสายทุกวัน ชอบนั่งเรียนอยู่หลังห้องประจำ ไม่ค่อยชอบดูคนไข้ วันหนึ่งหมอซึ่งเป็นอาจารย์ดูแลประจำกลุ่มเลยเรียกมาคุย ได้ความว่า แม่ไม่ให้นอนนอกบ้าน เลยนอนหอพักที่คณะไม่ได้ ทุกวันต้องกลับไปนอนบ้าน เช้าแม่ขับรถมาส่ง ทำให้มาสายทุกวัน หมอเลยถามว่า “ถ้าจบแล้วจะไปทำงานใช้ทุน อยู่เวรที่โรงพยาบาลได้อย่างไร “ เด็กเงียบ ไม่ตอบ อีกหลายเดือนต่อมาหมอไปพบนักเรียนคนนี้อยู่ในชุดนิสิตหน้าตาแจ่มใส เลยถามว่ามาทำอะไร เด็กตอบว่า”หนูลาออกแล้วย้ายไปเรียนคณะบัญชีแล้วค่ะ”
เพื่อนของลูกคนที่หมอรู้จักเป็นนักศึกษาแพทย์ปีที่ 6 ปีสุดท้าย อีกประมาณ 1 เดือนจะสอบเพื่อให้ได้ใบประกอบโรคศิลป์เพื่อให้เป็นแพทย์ที่สามารถรักษาคนไข้ได้ แต่ไม่ยอมเข้าสอบ บอกว่า ตัวเองเรียนแพทย์ให้พ่อ แม่ แล้ว แต่ไม่อยากเป็นหมอจึงไม่ยอมสอบ
แพทย์ประจำบ้าน(เรียนจบแพทย์ และทำงานใช้ทุนแล้ว 3 ปี แล้วมาเรียนแพทย์ประจำบ้านต่ออีก 3ปี เพื่อจบไปเป็นหมอรักษาเด็ก)ปีที่1 แผนกเด็กที่หมอดูแลอยู่จะลาออก ไม่เรียนต่อ สอบถามได้ความว่า ไม่อยากเรียนหมอ แต่เรียนเพราะตามใจพ่อ แม่ จริงๆอยากเปิดร้านขายหนังสือและเล่นดนตรี ในที่สุดแพทย์ประจำบ้านคนนี้ก็ลาออกไป
เพราะฉะนั้น อย่าสอบเข้าแพทย์ เพราะ
1.ตามใจพ่อ แม่ ญาติผู้ใหญ่
2.พ่อ แม่บังคับ
3.เลือกตามเพื่อน
4.คิดว่าคนเก่งต้องเรียนแพทย์และวิศวะเท่านั้น มีอยู่ปีหนึ่งนักเรียนสายวิทยาศาสตร์ที่สอบได้ที่หนึ่งของทั้งระดับชั้น โรงเรียนสาธิตจุฬา สอบเข้าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ(อ่านไม่ผิดครับ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ)ได้ที่หนึ่งของประเทศครับ
หมอจึงคิดว่าถ้าเรียนสิ่งที่ตัวเองถนัดและชอบ จบไปแล้วจะทำงานอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จดีกว่าเรียนสิ่งที่ตัวเองชอบแต่ไม่ถนัด หรือสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบครับ