Butterworth บัตเตอร์เวอร์ธ

กระทู้สนทนา
ประเทศไทย ๒๕๕๐ เกิดการต่อต้านรัฐบาลจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยมีการปิดถนนราชดำเนินสะพานมัฆวานรังสรรค์จนเพิ่มระดับการชุมนุมไปจนถึงการเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล สวัสดีครับ...ผมชื่อ"คิม"ครับ ย้อนกลับไปตอนนั้นผมก็เรียนอยู่ปี ๔ พอดีเทอมสุดท้ายแล้วกำลังจะจบการศึกษาคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี ตอนนั้นบอกได้เลยว่าผมก็ไปเข้าร่วมในกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเช่นกันแต่ผมอยู่ในกลุ่มเยาวชนพันธมิตร หรือที่เรียกกันว่า "Young PAD" ตอนนั้นผมมีหน้าที่ดูแลนักศึกษาอีกหลายๆสถาบันที่เข้าร่วมกับกลุ่มโดยมีเป้าหมายต่อต้านรัฐบาลเช่นเดียวกัน ทุกๆเย็นหลังจากเลิกเรียนเราจะมีนัดกันข้างๆเวทีเพื่อส่งตัวแทนของแต่ละสถาบันมารับข้อมูลจากผู้ใหญ่ในแกนนำว่าวันนี้จะมีกิจกรรมอะไรจนถึงการขึ้นปราศรัยของกลุ่มเยาวชนบนเวที จนกระทั่งเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมจนผมเองก็สมัครเข้าร่วมเป็นการ์ดคอยดูแลความสงบกับเค้าด้วย จนเรื่องมาเข้าหูป๊ากะม๊าผมเข้าขนได้ เพราะป้าแมวข้างบ้านดันไปเห็นผมในทีวีเข้า ซึ่งเรื่องนี้ผมปิดที่บ้านมาโดยตลอด
       จนวันนึงป๊ากะม๊าขึ้นมาหาผมที่กรุงเทพฯ แล้วรอจนกว่าผมจะสอบเสร็จในอีกไม่กี่วันข้างหน้า บ้านผมอยุ่จังหวัดระนองครับผมเป็นลุกชายคนเดียวของครอบครัวซึ่งโดนเลี้ยงตามใจมาตั้งแต่เด็ก ป๊าผมมีแพปลาและบ่อเลี้ยงกุ้งเป็นของตัวเองก็มีฐานะทางบ้านดีพอสมควรเลยเลี้ยงดีผมมาแบบตามใจอยากได้อะไรก็ซื้อให้ดดยไม่มีการขัดใจอะไรเลย วันสุดท้ายของการสอบ ป๊ากะแม่พาผมไปกินข้าว ชวนคุยกันเรื่อยเปื่อยจนมาถึงเรื่องการเมือง พอป๊าได้ฟังทัศนะคติของผมได้สักพัก ท่านก็บอกว่า "ลื้อไม่ต้องอยู่กรุงเทพแล้วลื้อหัวรุนแรงไปแล้วเอางี้ละกันป๊าจะส่งลื้อไปอยู่กะอาเจ็กที่บัตเตอร์เวอร์ธดีกว่า" ในหัวผมมีอยู่สองอย่างที่คิดขึ้นมาตอนนั้นคือ "๑.อาเจ็กคือใครว่ะ กับ ๒.บัตเตอร์เวอร์ธอยู่ไหนว่ะ" ป๊าก็บอกว่าอาเจ็กคือญาติกะเรามีศักดิ์เป็นน้องของป๊า ส่วนบัตเตอร์เวอร์ธอยู่มาเลเซีย  พอรู้ว่าป๊ากะม๊าจะส่งผมไปอยู่มาเลเท่านั้นแหละผมก็โวยวายขึ้นมาทันที "ไม่เอา ไม่เอา จะอยู่กรุงเทพนี่แหละไปทำไมมาเลแล้วจะได้กลับบ้านบ่อยๆได้ไง" ป๊าผมเลยพูดว่ายังไงก็ต้องไปอั้วคิดดีแล้วอั้วไม่เคยบังคับลื้อเลยนะคิม ถึงจะไม่ไปตอนนี้ยังไงวันข้างหน้าอั้วก็ให้ลื้อไปฝึกงานอยู่ดี
       ตอนนั้นในใจแทบอยากจะระเบิดอารมณ์ออกมาเพราะความที่อยากอยุ่กรุงเทพฯต่อแต่มองสีหน้าป๊าแล้วก็รู้เลยว่าคราวนี้เอาจริง  ในตอนนั้นก็ไม่รู้จะปรึกษาใครเลยไปหาแฟนที่ห้องแฟนผมชื่อ "พิมพ์"ครับ ผมได้บอกกับเธอว่าจะเรียนจบจะไปมาเลนะป๊าบังคับให้ไปบอกตรงๆนะว่าไม่อยากไปเลย แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นประโยคสั้นที่ทำให้ผมต้องรู้สึกเบลอขึ้นมาคือเธอบอกผมว่า "งั้นเราก็เลิกกันเถอะ กว่าเธอจะกลับมาก็ไม่รู้จะอีกนานเท่าไหร่เราไม่อยากคอยเธอแล้วคิมไหนบอกว่าเรียนจบจะให้แม่มาขอไง..." แล้วเธอก็บอกว่า"วันนี้กลับไปก่อนเถอะเราอยากอยุ่คนเดียว" ผมเดินออกจากห้องเธอแบบเบลอจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออกจะพูดก็พูดไม่ออกทุกอย่างมันช็อคไปหมด ผมไปนั่งอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว จนถึงห้างปิด พอห่างจากอาการช็อคได้ก็มีสติเลยโทรกลับไปหาพิมพ์แต่เธอปิดเครื่องผมโทรหาเธออยู่หลายวันไปหาที่ห้องพี่ข้างๆห้องก็บอกว่าพิมพ์กลับบ้านต่างจังหวัดไปเมื่อวานนี้เอง
ผมเลยบ่นพรึมพรำในใจว่า...ในเมื่อไม่อยากเห็นหน้ากูนักก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลยละกัน   พอกลับมาห้องเลยตัดสินใจกลับระนองทันที พอกลับถึงบ้านด้วยความประชดแฟนและก็น้อยใจครอบครัวผมเลยบอกกับป๊าว่า "พรุ่งไปมาเลยเลยก็ได้นะ" แต่สิ่งที่ช็อคไปกว่านั้นคือป๊าบอกว่าได้เดี๋ยวพรุ่งนี้อั้วไปส่งลื้อเอง  ผมถึงกลับอึ้งไปเลยทีเดียวคิดว่าจะมีใครรั้งไว้สักหน่อยแต่เปล่าเลย ผมเลยไปคุยกับแม่ๆก็บอกว่า"ป๊าแกบอกกับแม่ว่าแกไม่เคยบังคับคิมเลยตั้งแต่เด็กแต่ตอนนี้แกเป็นห่วงคิมมากกลัวจะเป็นเหมือนแกสมัยเมื่อ 14 ตุลา จนต้องหนีเข้าป่าไปหลายปีแกไม่อยากเห็นคิมต้องลำบากเลยจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมโดยการส่งคิมไปอยู่กับเจ็กโส่ยที่บัตเตอร์เวอธ์แทน แม่ว่าก็ดีนะฝึกงานไปในตัวจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆบ้าง"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่