ชีวิตมหา'ลัยกับประสบการณ์หลอนในหอพัก ตอน นอนทับที่

สวัสดีค่ะ ต้องแนะนำตัวก่อนเลยค่ะชื่อตาลนะคะ มีประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวเองมาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นในหอพักแห่งหนึ่งที่จังหวัดขอนแก่น
จริงๆตาลไม่ใช่คนขอนแก่นค่ะแต่ว่ามาเรียนที่ขอนแก่นเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2556

     เรื่องมีอยู่ว่า ตาล เข้ามาเรียนในจังหวัดขอนแก่นเมื่อปี 2554 และจะต้องเช่าหอพักข้างนอกเท่านั้น
จะไม่พักหอพักในมหาลัยเด็ดขาดเพราะพื้นฐานตาลเป็นคนกลัวผีอยู่แล้วการพักหอพักในมอซึ่งมีประวัติมากมายทำให้เกิดความกลัว
ที่จะนอนที่แบบนั้นดังนั้นหอที่ตาลเลือกที่จะเช่าจึงเป็นหอนอกที่ราคาไม่แพงมาก แล้วก็ย้ายหอบ่อยมากๆแต่หอที่จะเล่าเป็นหอที่ 6

    วันนั้น ตามหาหออยู่นาน
ก็ไม่เจอหอถูกใจซะทีเพราะเลือกเยอะมากขึ้น หาจนค่ำแล้วก็ไม่เจอ สุดท้ายมองไปเห็นหอพักสีชมพูขนาด 5 ชั้น
อยู่หลังหอเก่าที่เคยอยู่ก่อนหน้านี้ ก็คิดอยู่นะวนกลับมาแถวนี้อีกจนได้ แต่ก็ลองเข้าไปขอดูห้องเพราะมันก็ค่ำมากแล้วเลือกเยอะก็ไม่ได้อีก
พอเข้าไปถามเจ้าของหอจึงได้คำตอบว่ามีห้องว่างพอดีทุกชั้นเลย แม่จึงบอกขอดูชั้นสองก็ตามไปดูกัน สภาพห้องไม่เลวร้าย
แล้วก็ไม่ถึงกับดี แต่มีความสะอาดและโล่งมากๆ เพราะเป็นห้องริมสุด มีหน้าต่างบนหัวเตียงรับอากาศได้ตลอดเวลาห้องกว้างเหมาะ
สำหรับอยู่สองคน มีเตียงขนาด 3 ฟุต อยู่ 2 เตียง มันก็แปลกๆนะอยู่คนเดียวแต่มีสองเตียง พอลองเอาเตียงออกห้องก็โล่งเกินไปก็เลย
เลื่อนเตียงทั้งสองมาชิดกันซะก็หมดปัญหา พอจัดห้องนำของมาใส่ ห้องก็น่าอยู่ขึ้นมาก แต่ก็ยังมีอีกเรื่องที่ตาลสงสัยคือก่อนหน้านี้

    ใครอยู่ห้องนี้ ทำไมเขาถึงย้ายออก เจ้าของหอก็บอกว่าเขาเรียนจบเลยย้ายออก ห้องนี้คนอยู่ไม่ค่อยนานหรอก เดี๋ยวนะอยู่ไม่นานหรอ
เรานึกในใจ แต่ก็คุยกันเพลินเลยไม่ได้ถามเหตุผลต่อ พ่อกับแม่ก็เหนื่อยมากแล้ววันนั้นเลยนอนด้วยกันที่นี่ 3 คน
คืนแรกผ่านไปไม่มีปัญหาที่สำคัญเตียงนุ่มมากๆ พ่อแม่ก็วางใจกลับบ้านได้อย่างสบายใจ

    เมื่ออยู่หอนี้ได้สักพักก็เกิดความผิดปกติขึ้นคือ ชอบโดนผีอำมาก แต่ไม่ทุกวัน แต่บ่อยสุดๆ
มีบางช่วงเป็นเฉพาะวันพุธที่เป็นวันพระ ครั้งแรกที่โดนไม่น่ากลัวค่ะ มันจะเป็นเหมือนความฝันมากกว่า
คืนนั้นเราก็เข้านอนตามปกติก่อนนอนก็จะตั้งเวลาปิดแอร์ไว้ทุกวัน พอนอนไปเรื่อยๆก็ฝัน ฝันเห็นเด็กผู้หญิง
ในความรู้สึกนางจะเป็นเด็กหน้าตาน่ารักแต่จำหน้าไม่ได้รู้แต่ว่าน่ารัก เราไม่ได้คุยอะไรกัน เราก็เดินตามนางไป
เรื่อยๆจนถึงที่ๆหนึ่งเป็นเหมือนงานวัดที่ไหนสักที่เราก็เล่นกันหัวเราะกันในฝันรู้นะว่าเป็นผีแต่ความรู้สึกในฝัน
คือไม่กลัว เล่นไปเล่นมาอยู่ๆนางก็มาหอมแก้มเราซะงั้น เราตกใจมากสะดุ้งตื่นเลยมองนาฬิกาประมาณ ตี 3 แล้ว
แต่ที่รู้สึกแปลกใจคือทำไมแอร์ไม่ปิดทั้งๆที่ตั้งเวลาปิดแล้วนะ เราก็นึกเข้าข้างตัวเองรึผีบ้านผีเรือนมาเตือนให้ปิดแอร์
แต่ยังไงก็ช่างเถอะ พอตื่นจากฝันก็กลัวหน่อยๆ แอร์ก็ไม่ปิดมันแล้วคลุมโปงถึงเช้าเลย

   วันต่อมาก็ไม่มีอะไรนอนหลับฝันปกติ หลายวันต่อมามันก็เกิดขึ้นอีกเดี๋ยวขออธิบายก่อนนะคะ คือเปิดประตู
เข้ามาในห้องเตียงทั้งสองจะอยู่ซ้ายมือ ห้วเตียงมีหน้าต่าง เราจะนอนเตียงฝั่งที่ติดกับประตูหน้าห้อง
คือเตียงอีกอันก็ว่างไว้ และในขณะที่เรานอนในคืนนั้นอยู่ๆก็ตื่นขึ้นมาเฉยๆในท่านอนตะแคงซ้ายมองไป
ทางเตียงอีกฝั่งถึงกลับสะดุ้งเลย คือมันเหมือนเป็นเด็กนอนหันหน้ามาทางเราแต่ไม่เห็นหน้าเห็นตานะเป็นเงาๆเฉยๆ
เราก็แค่ตกใจแล้วก็นอนคลุมโปงต่อไป

   ยังไม่หมดแค่นี้ตอนที่โดนหนักๆ คือเป็นตอนที่จะเล่าต่อไปนี้ วันนั้นกำลังนอนดูทีวีแล้วเผลอหลับไป สักพักก็เริ่มเข้าสู่
โหมดผีอำ อาการจะนิ่งขยับตัวไม่ได้เลย แต่สิ่งที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือมีเท้าของใครก็ไม่รู้มาเหยีบที่หัวไหล่ด้านขวา
ของเราในลักษณะยืนตรง ที่รู้ว่ายืนตรงก็เพราะว่ามองไปที่จอทีวีแล้วเห็นเงาสะท้อนเป็นเหมือนคนยืนเหยีบไหล่อยู่
ขยับคอมองก็ไม่ได้ แต่สัมผัสได้ว่ามีปลายรองเท้าแหลมๆมาทิ่มที่คอ รู้เลยว่าเจ้าที่แน่ๆ หรือท่านมาเตือนรึเปล่า
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยไหว้เลยสักครั้ง ก็คิดไป ในตอนนั้นไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด แต่รู้สึกรำคาญเหลือเกิน เลยร้อง
ออกไปดังมาก ว่า โอ้ยยย คนจะนออออออน  คำว่านอนจะลางเสียงยาวทำให้รู้สึกตัวพร้อมกับตะโกนคำว่านอนออกไปด้วย
พอเริ่มรู้สึกตัวก็กลัวขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็หลับต่อไปทั้งๆที่เปิดไฟอยู่

    พอถึงตอนเช้าก็ตั้งใจว่าจะไปไหว้เจ้าที่สักหน่อยท่านจะได้ไม่มารบกวนเพราะตอนนั้นเชื่อแบบนี้ ไปถึงศาลไปไหน
แล้วก็ไม่รู้ คือศาลจะตั้งไว้มุมด้านหน้าฝั่งขวามือของหอ แต่วันนั้นแปลกใจมากไม่รู้ศาลหายไปไหน
รึเขาย้าย รึไม่ก็ซ่อมแซมรึเปล่าคิดในใจยังไม่หายสงสัยเลยไปถามน้ายาม และคำตอบของน้ายามทำให้เรารู้สึกตกใจมาก
น้ายามบอกว่าเขาทุบทิ้งไปแล้วลูก มีเจ้าของหอคนใหม่ เป็นคนญี่ปุ่น เขามาซื้อที่นี่ต่อ เพื่อทำเป็นคอนโด เขาไม่นับถือพุทธ
แต่นับถือคริสเลยทุบทิ้งไปแล้วถ้าหนูอยากไหว้ไปไหว้ตามต้นไม้เอาก็ได้ลูก เราก็ปรับอารมณ์ไม่ถูกแต่ก็ทำตาม
ที่น้ายามแกบอกแหละ

      หลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอเจ้าที่อีกแต่ที่เจอเป็นประจำก็คือ ผีอำนี่แหละ และหลังจากที่เจ้าที่อำครั้งนั้นเราก็เปลี่ยนไปนอน
อีกเตียง ซึ่งก็ได้เรื่องเลย ในขณะที่เรานอนอยู่กลางดึกก็รู้สึกเหมือนโดนอำอีกแล้ว รู้สึกว่ามีคนมาเล่นผมสางไปสางมา
เราก็ให้สางเพราะทำอะไรไม่ได้ตัวแข็งหมดเลย รู้สึกได้แค่ว่ากลัวมือที่มาจับหัวตอนนั้นมาก สักพักก็เหมือนมีอะไรมา
ดันให้เราตกเตียงแต่เราไม่ตก ตื่นเช้ามาก็ไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็บอกเด่วไปถามพี่คนนึงให้ แกเป็นคนมีเซนท์เผื่อแกรู้
แล้วก็ลองสวดมนต์ดูเผื่อช่วยได้ เราก็สวดบ้างบางวัน ก็มีบางวันนะสวดแล้วเจอหนักกว่าทุกวัน

     พอเจอเหตุการณ์โดนอำบ่อยๆก็เริ่มระแวงห้องที่อยู่ก็ไม่กล้านอน บางวันเปิดไฟอยู่ถึงเช้า นอนตอนกลางวันบ้าง
เปิดไฟนอนบ้าง มีอยู่คืนนึงเป็นคืนวันพระเพื่อนทักแชทมาบอกว่า เธอคืนนี้เธอห้ามนอนที่นั่นคนเดียวนะ ฉันไปถามพี่ที่มี่เซนท์
แกบอกห้องเธอมันมีวิญญาณอยู่ มีพ่อแม่แล้วก็ลูก คือแกไม่ทำอะไรเธอหรอกแค่จะมาหยอกเล่นเฉยๆ แกเคยอยู่ที่นี่มาก่อน
แต่ไม่รู้ว่าตายยังไง เหมือนกับว่าเธอไปอยู่ทับที่เขา แต่ยังไงคืนนี้ก็ห้ามนอนที่นี่นะ เธอจะไม่ได้นอนแน่ๆจะโดนกวนทั้งคืน
พอได้ยินแบบนั้นแล้ว ความกลัวก็เข้ามาแทนที่ทุกความรู้สึกทันที ไม่รู้นะว่าจะเป็นเรื่องจริงมั้ยเพราะเราก็ไม่มีความรู้ด้านนี้
ก็ได้แต่มองไปรอบๆห้องแล้วนึกตามสิ่งที่เพื่อนพูดว่าในห้องนี้มีวิญญาณก็กลัวแล้ว แต่วันนั้นง่วงมากจะโต้รุ่งคงไม่ได้แน่ๆ
ก็เลยโทรหาเพื่อนที่พอจะพึ่งได้ บอกเพื่อนว่าจะไปนอนด้วยได้มั้ย ซึ่งเพื่อนพักอยู่หอใน เพื่อนบอกมาเลยๆ ในตอนนั้นที่
ไม่อยากนอนหอในก็ได้นอน ขอแค่มีคนอยู่ด้วยก็จะผ่านคืนนั้นไปได้ก็เล่าให้เพื่อนฟัง เล่าให้พ่อแม่ฟังแกก็หาว่าบ้า เครียด
เรื่องเรียนมั้ยหรือดูหนังผีเยอะไปรึเปล่า เราก็ขี้เกียจอธิบายวันต่อมาพ่อก็มาหาแล้วพาไปวัดเผื่อดีขึ้น ที่จริงก็ไม่ช่วยให้
หายกลัวหรอกถ้าจะให้หายกล้วคือต้องไม่เจออีก พ่อก็ถามย้ายหอดีมั้ย เราก็บอกไม่ย้ายหรอกยังไม่หมดสัญญาเลย
ไว้หมดสัญญาค่อยย้ายจากนั้นเราก็ทนอยู่ต่อไป จนครบสัญญาก็เรียนจบปีสองพอดี ก็ย้ายออกไปอยู่หอที่อยู่ปัจจุบันนี้

     หอที่อยู่ปัจจุบันชื่อหอ Sa ดีที่สุดแล้วเท่าที่เคยอยู่ แล้วก็ไม่เจอผีอำ ไม่รู้ว่าต่อไปจะเจออะไรแต่ก็จะรับมือกับมันให้ดีที่สุดค่ะ
เรื่องทั้งหมดก็ประมาณนี้ค่ะอาจจะเขียนสะดุดบ้าง เยอะไปบ้างก็ขอ อภัยด้วยนะคะ แต่ทั้งหมดนี่เป็นเหตุการณ์จริงที่ได้สัมผัสด้วย
ตัวเองค่ะ หลังจากย้ายหอก็อยากรู้อยู่เหมือนกันนะคะ ว่าหอนั้นอดีตเป็นยังไงตอนนั้นกลัวเกินเหตุเลยไม่กล้าถาม
แต่ไม่รู้ก็ดีเหมือนกันค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่