คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
กำลังรู้สึกเหมือนกับเจ้าของกระทู้ตอนนี้ครับ แต่ผมทนมาปีกว่าจะ 2 ปีแล้ว
ยิ่งตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง ติด Back Log บริษัทเบิกเงินไม่ได้หลักสิบล้านบาท ยิ่งเครียดไปใหญ่ครับ
แรกเริ่มที่ผมเข้ามาที่นี่ ผมไม่คิดว่าจะได้มานั่งออฟฟิศอยู่หน้าคอมทั้งวัน เพราะตอนแรกที่สัมภาษณ์ผมก็แจ้งเค้าไปว่าผมอยากเดินหน้างานมากกว่า ดังนั้น พอมาทำจริงๆ ผมจึงผิดหวังมากและอยากลาออกตั้งแต่ตอนนั้นเลยด้วยซ้ำ
แต่ผมก็พยายามมองหาแง่ดีในงานของผมครับ งานของผมเป็นงานออฟฟิศและทำเอกสารซะเยอะมาก ผมจึงคิดว่ามันเป็นโอกาสให้ผมได้เรียนรู้งานเอกสารมากขึ้น เพราะถ้าต่อไปผมหวังที่จะขึ้นเป็นระดับผู้บริหาร เรื่องพวกนี้ผมต้องรู้ แถมโครงการก่อสร้างที่ผมทำอยู่เป็นโครงการใหญ่มาก ระดับ Mega Project ของประเทศไทย ดังนั้นแล้ว ผมจึงคิดว่า ถ้าผมสามารถสอบผ่านหรือพิสูจน์ตัวเองกับโครงการระดับนี้ได้ ผมจะไปอยู่โครงการก่อสร้างไหนในประเทศไทยผมก็สามารถอยู่ได้ครับ ดังนั้น ผมจึงยอมอดทนสู้ทำงานให้เต็มที่ 100% เต็ม แม้จะรู้หัวใจตัวเองดีว่า สิ่งที่ทำอยู่ไม่ใช่สิ่งที่ผมรักหรือชอบเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่ผมอยากบอกกับ จขกท ก็คือ อยากให้ลองพิจารณาให้เห็นถึงข้อดีในที่ทำงานก่อนครับ เพราะเท่าที่อ่านมา ผมยังไม่เห็น จขกท จะพูดถึงข้อดีสักเท่าไหร่ ผมไม่อยากให้ จขกท "ลาออกไปแล้วรู้สึกว่าเสียดายงานที่นี่" ไม่อยากให้ จขกท มาคิดทีหลังว่า "ไม่น่าลาออกมาก่อนเลย"
ถ้าจะออก ผมอยากให้ จขกท ลองคิดก่อนว่าเราพิสูจน์ตัวเองมามากพอหรือยังกับงานที่นี่ครับ
ยิ่งตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง ติด Back Log บริษัทเบิกเงินไม่ได้หลักสิบล้านบาท ยิ่งเครียดไปใหญ่ครับ
แรกเริ่มที่ผมเข้ามาที่นี่ ผมไม่คิดว่าจะได้มานั่งออฟฟิศอยู่หน้าคอมทั้งวัน เพราะตอนแรกที่สัมภาษณ์ผมก็แจ้งเค้าไปว่าผมอยากเดินหน้างานมากกว่า ดังนั้น พอมาทำจริงๆ ผมจึงผิดหวังมากและอยากลาออกตั้งแต่ตอนนั้นเลยด้วยซ้ำ
แต่ผมก็พยายามมองหาแง่ดีในงานของผมครับ งานของผมเป็นงานออฟฟิศและทำเอกสารซะเยอะมาก ผมจึงคิดว่ามันเป็นโอกาสให้ผมได้เรียนรู้งานเอกสารมากขึ้น เพราะถ้าต่อไปผมหวังที่จะขึ้นเป็นระดับผู้บริหาร เรื่องพวกนี้ผมต้องรู้ แถมโครงการก่อสร้างที่ผมทำอยู่เป็นโครงการใหญ่มาก ระดับ Mega Project ของประเทศไทย ดังนั้นแล้ว ผมจึงคิดว่า ถ้าผมสามารถสอบผ่านหรือพิสูจน์ตัวเองกับโครงการระดับนี้ได้ ผมจะไปอยู่โครงการก่อสร้างไหนในประเทศไทยผมก็สามารถอยู่ได้ครับ ดังนั้น ผมจึงยอมอดทนสู้ทำงานให้เต็มที่ 100% เต็ม แม้จะรู้หัวใจตัวเองดีว่า สิ่งที่ทำอยู่ไม่ใช่สิ่งที่ผมรักหรือชอบเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่ผมอยากบอกกับ จขกท ก็คือ อยากให้ลองพิจารณาให้เห็นถึงข้อดีในที่ทำงานก่อนครับ เพราะเท่าที่อ่านมา ผมยังไม่เห็น จขกท จะพูดถึงข้อดีสักเท่าไหร่ ผมไม่อยากให้ จขกท "ลาออกไปแล้วรู้สึกว่าเสียดายงานที่นี่" ไม่อยากให้ จขกท มาคิดทีหลังว่า "ไม่น่าลาออกมาก่อนเลย"
ถ้าจะออก ผมอยากให้ จขกท ลองคิดก่อนว่าเราพิสูจน์ตัวเองมามากพอหรือยังกับงานที่นี่ครับ
แสดงความคิดเห็น
ลาออกจากงานทั้งที่ยังไม่ได้งานใหม่
- ตามที่ตกลงกันในเรื่องหน้าที่ในการทำงานรู้สึกเหมือนบริษัทบอกเราไม่หมด (เคยตั้งกระทู้ถามก่อนหน้านี้แล้วค่ะ)
-ในส่วนนึงอาจจะมาจากเพื่อนร่วมงานด้วย ค่อนข้างระเบียบเยอะ เขาอายุ 40 ปีขึ้นกันแทบทุกคน แต่เราเป็นน้องใหม่พึ่งจบ กฎส่วนใหญ่ที่เขาตั้งมาไม่เคยทำตามได้เลย
จะออกจากงานแต่ยังไม่มีงานใหม่รองรับเลยค่ะ ว่าจะลองสมัครไปเรื่อย ๆ ครั้งแรกตั้งใจว่าจะกัดฟันทนจนได้งานที่ใหม่ก่อน แต่นาทีนี้แค่เดือนเดียวก็รู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้ว ทุกครั้งที่มาทำงานรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไม่มีประโยชน์ เป็นตัวถ่วงของทุกคน และเราก็รู้ศักยภาพของตัวเองด้วยว่าเวลาทำอะไรเราเป็นคนที่ 100 % ตลอด แต่กับงานนี้ทุ่มเต็มที่แค่ 30 % ที่ตัวเองสามารถทำได้ อยากเอาความสามารถของตนเองไปใช้ในทางที่เราถนัดน่าจะทำได้ดีกว่า
ตอนไปคุยกับหัวหน้าและพี่เลี้ยงเขาก็แนะมาว่า ให้ลองเอาชนะความรู้สึกนี้ให้ได้ จากไม่รักก็ลองบอกตัวเองให้หันมารักในงานที่ทำ ตอนนั้นได้คำตอบในใจคือ ไม่มีทาง ถ้ายังทนอยู่เราว่ามันส่งผลเสียต่อทุกคนแน่นอน ทั้งตัวเราเองกลัวจะเสียเวลาน่าจะลาออกตั้งนานแล้ว ปิดกั้นโอกาสในการพัฒนาตนเองด้วย บริษัทคือเราตอบเขาไม่ได้คุ้มกับสิ่งที่เขาให้เรา พี่ที่ทำงาน เราคิดว่าถ้าลาออกไปอาจเป็นการเปิดโอกาสให้เขาหาคนมาแทนเราและคงจะทำได้ดีกว่า และพี่เขาบอกว่าให้กลับไปคิดดูอีกทีแล้วกลับมาตอบเขาใหม่ว่าจะเอายังไง
ทุกคนคิดว่าเราจะบอกเหตุผลเขายังไงให้ฟังดูดี ไม่เจ็บช้ำน้ำใจทั้ง 2 ฝ่ายค่ะ ?
ล่าสุดไปหาหมอ หมอบอกว่าเราเป็นโรคเครียดค่ะ