ผมก็แฟนผีนะ เท่าที่ผมนึกได้ตอนนี้ผมสงสัย 2 ข้อ คือ
(ข้อ 1.) ทำไมฟานกัลต้องนั่งที่ม้านั่งข้างสนามตลอด ไม่ออกมากระตุ้นลูกทีมตลอดเลย ถึงจะบอกว่าไม่มีผลต่อกรรมการและการตัดสิน แต่บางทีมันออกมาข้างสนาม ถึงมันไม่มีผลเอฟเฟ็คกับการตัดสินถึง 100% แต่บางทีชื่อชั้น ชื่อเสียง ถึงจะเป็นผู้จัดการทีมเล็กๆ กลางๆแต่ถ้าออกมาค่อยๆสะสมบารมี ความน่าเกรงขาม รวมบุคลิกไปเรื่อยๆ ก็มีส่วนกับการตัดสินบางครั้ง 30 40 50 60 70% ได้เลยนะ ยกตัวอย่าง ทีมเราโดนทำฟาล์ว แต่ผู้จัดการนั่งข้างสนาม ผู้ตัดสินก็ตัดสินก็มีส่วนเป่าตามที่ใจคิดง่ายและเร็ว แต่ถ้าเราออกมากระตุ้น มีฟิลลิ่ง อารมณ์ร่วมและบุคลิค ความน่าเกรงขาม บารมีมันสั่งสมกันได้บางทีเราโวย แสดงท่าทาง กิริยาที่พอสมเหตุสมผลเวลาเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นเวลายืนข้างสนาม ก็จะมีอิทธิพลกับผู้ตัดสินทั้งในสนาม กับข้างสนามนะ อาจทำให้มีเสี้ยวคิดลังเล มีปฏิกิริยากับเรา ไม่นับรวมปลีกย่อยจิปาถะที่มีผลอีกมากจนไม่อาจบรรยายหมดได้
อันนี้ยังไม่รวมกับที่ออกมาแล้วกระตุ้น โวยวาย ฟิลลิ่งทำปฏิกิริยาโดยตรงแบบใกล้ชิดกับนักเตะในสนาม ทำให้เกิดกำลังใจ หึกเหิม ความตั้งใจของผู้เล่นจะเจาะจงรายตัวก็ยังได้ หรือแก้ไขแผนการเล่นได้ประสิทธิภาพมากกว่านั่งสั่งจากข้างสนาม คือมันเป็นพื้นฐานของผู้จัดการทีมระดับโลกที่ดีน่ะนะ ถ้าไปคิดว่าออกมามันไม่ได้ผลลัพธ์มีประโยชน์แบบชัวๆแน่นอน 100% แต่นั่งอยู่ข้างสนามตลอดมันก็ไม่มีผลลัพธ์ที่ส่งผลทางบวกได้ถึง 100% เช่นกัน เอายกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเรานักเรียน ถ้าครูเดินสอน หรือมีการสอบเดินไปๆมาๆคุม เราก็ตั้งใจ มีความกระตือรือร้น แบบประหนึ่งมีการโดนจับตาดูบ้าง แต่ถ้าครูนั่งเฉยๆเราก็รู้สึกเรื่อยๆ แค่พอถูๆไถๆประมาณนั้น อันนั้นแค่ในห้องเรียน แต่ในสนามนี่มันยิ่งใหญ่กว่ามาก
(ข้อ 2.) LVG เวลาสัมภาษณ์ชอบบอกแผนการใครเจ็บ ใครยังลงไม่ได้ ฟิต ไม่ฟิต จะปรับเปลี่ยนใครเล่นตำแหน่งไหนอะไรยังไง เวลามีข่าวบอกชอบบอกเหมือนหมดเปลือก (ถ้าโดนถามถึง) แต่แบบไม่มีจิตวิทยาหลอกล่อ แบบพูดให้คำตอบก้ำกึ่งคลุมเครือบ้าง หรือมีการพลิกแพลงเลย คือสัมภาษณ์ยังไง วันเล่นจริงก็เป็นไปตามนั้น อย่างน้อยถ้าบอกจริงสัก 10 ครั้ง หลอกล่อพลิกแพลงบ้างสัก 1-2 ครั้งแบบนี้ ถึงจะเน้นสไตล์ความจริง แต่อย่างน้อยผู้จัดการทีมฝ่ายตรงข้ามถ้ามารับรู้ข่าวก่อนแข่งอยู่แล้ว ก็จะวางหมาก ปรับแผน แทคติกลำบากกันบ้าง อาจจะมีพะวงว่าอาจไม่จริงบ้าง แต่นี่มันเล่นบอกความจริงในค่ายหมด เหมือนบอกกำลังรบ ยุทธวิธี แผนการ ยุทธโรปกรณ์
อืม ถ้ามันมั่นใจแบบนี้แล้วชนะ มันก็ดูดี ดูเหนือชั้นมากเรื่องสติปัญญาและแผนการนะ แต่แบบนี้เหมือนกึ่งๆต่อให้เขาทั้งๆที่บางทีก็ไม่ได้ดูฝีมือฟอร์มการเล่น ความมั่นใจ ทีมเวิร์คทีมตัวเองเท่าที่ควรเลย มันเลยดูเป็นไอ้หน้าโง่ งี่เง่า มากเลยนะ ถึงจบเกมสัมภาษณ์เล่นดีแต่ไม่มีโชค แต่เนื้อแท้จริงๆรูปเกมสวยงาม ที่ไม่ใช่ % ครองบอลเยอะ ที่ถ้าไม่ใช่แฟนแมนยูมานั่งดูทุกนัด ทุกนาทีก็คงไม่รู้มาก แล้วแฟนทีมอื่นถ้ามาเห็นครองบอลเยอะแต่แพ้เสมอทีหลังบ่อย อาจจะคิดว่าโชคร้าย คือมีแค่แฟนแมนยูแบบเราที่รู้นี่เองแหละว่าทุกเกมที่ผ่านมาครองบอลเยอะ แต่มันเป็นครองแบบในระยะปลอดภัย ที่ไม่ได้ทำอันตรายคู่แข่งเท่าไร ไม่ได้โชว์เหนือลิงชิงบอลครองบอลแบบบาร์ซ่าเลย ที่เราเล่นมันเหมือนครองแบบเอาตัวรอดแบบคล้ายๆขอผ่านไปก่อนเรื่อยๆ อยู่แค่แดนกลางสนามกับแถวหลังเรา คือถ้าครองบอลแบบบาร์ซ่าหาช่องเข้าทำแทบตลอดเวลา กระหาย เจอช่องก็ทดลองบุกทะลวงในบริเวณหัวกระโหลกแทบจะทุกโอกาส หรือพื้นที่อันตรายคู่แข่ง แล้วชิ่งไปมาจนเขาแย่งไม่ได้แบบนี้ก็ว่าไปอย่าง เพราะถ้าแบบนั้นโอเค ยกนิ้วให้อยู่แล้ว แต่เอาจริงๆไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก เอาแค่ 70%-80% บาร์ซ่าก็ไม่รู้จะทำได้เมื่อไรสักที
ช่วยบอกหน่อยแต่ละข้อทำไมอย่างนี้ แล้วเห็นด้วยไหม
คุณลืมตอบคำถามที่ * จำเป็นต้องตอบ
สอบถามแฟนผีเกี่ยวกับ LVG ด่วนเลยครับ เข้ามาดูได้เลย
(ข้อ 1.) ทำไมฟานกัลต้องนั่งที่ม้านั่งข้างสนามตลอด ไม่ออกมากระตุ้นลูกทีมตลอดเลย ถึงจะบอกว่าไม่มีผลต่อกรรมการและการตัดสิน แต่บางทีมันออกมาข้างสนาม ถึงมันไม่มีผลเอฟเฟ็คกับการตัดสินถึง 100% แต่บางทีชื่อชั้น ชื่อเสียง ถึงจะเป็นผู้จัดการทีมเล็กๆ กลางๆแต่ถ้าออกมาค่อยๆสะสมบารมี ความน่าเกรงขาม รวมบุคลิกไปเรื่อยๆ ก็มีส่วนกับการตัดสินบางครั้ง 30 40 50 60 70% ได้เลยนะ ยกตัวอย่าง ทีมเราโดนทำฟาล์ว แต่ผู้จัดการนั่งข้างสนาม ผู้ตัดสินก็ตัดสินก็มีส่วนเป่าตามที่ใจคิดง่ายและเร็ว แต่ถ้าเราออกมากระตุ้น มีฟิลลิ่ง อารมณ์ร่วมและบุคลิค ความน่าเกรงขาม บารมีมันสั่งสมกันได้บางทีเราโวย แสดงท่าทาง กิริยาที่พอสมเหตุสมผลเวลาเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นเวลายืนข้างสนาม ก็จะมีอิทธิพลกับผู้ตัดสินทั้งในสนาม กับข้างสนามนะ อาจทำให้มีเสี้ยวคิดลังเล มีปฏิกิริยากับเรา ไม่นับรวมปลีกย่อยจิปาถะที่มีผลอีกมากจนไม่อาจบรรยายหมดได้
อันนี้ยังไม่รวมกับที่ออกมาแล้วกระตุ้น โวยวาย ฟิลลิ่งทำปฏิกิริยาโดยตรงแบบใกล้ชิดกับนักเตะในสนาม ทำให้เกิดกำลังใจ หึกเหิม ความตั้งใจของผู้เล่นจะเจาะจงรายตัวก็ยังได้ หรือแก้ไขแผนการเล่นได้ประสิทธิภาพมากกว่านั่งสั่งจากข้างสนาม คือมันเป็นพื้นฐานของผู้จัดการทีมระดับโลกที่ดีน่ะนะ ถ้าไปคิดว่าออกมามันไม่ได้ผลลัพธ์มีประโยชน์แบบชัวๆแน่นอน 100% แต่นั่งอยู่ข้างสนามตลอดมันก็ไม่มีผลลัพธ์ที่ส่งผลทางบวกได้ถึง 100% เช่นกัน เอายกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเรานักเรียน ถ้าครูเดินสอน หรือมีการสอบเดินไปๆมาๆคุม เราก็ตั้งใจ มีความกระตือรือร้น แบบประหนึ่งมีการโดนจับตาดูบ้าง แต่ถ้าครูนั่งเฉยๆเราก็รู้สึกเรื่อยๆ แค่พอถูๆไถๆประมาณนั้น อันนั้นแค่ในห้องเรียน แต่ในสนามนี่มันยิ่งใหญ่กว่ามาก
(ข้อ 2.) LVG เวลาสัมภาษณ์ชอบบอกแผนการใครเจ็บ ใครยังลงไม่ได้ ฟิต ไม่ฟิต จะปรับเปลี่ยนใครเล่นตำแหน่งไหนอะไรยังไง เวลามีข่าวบอกชอบบอกเหมือนหมดเปลือก (ถ้าโดนถามถึง) แต่แบบไม่มีจิตวิทยาหลอกล่อ แบบพูดให้คำตอบก้ำกึ่งคลุมเครือบ้าง หรือมีการพลิกแพลงเลย คือสัมภาษณ์ยังไง วันเล่นจริงก็เป็นไปตามนั้น อย่างน้อยถ้าบอกจริงสัก 10 ครั้ง หลอกล่อพลิกแพลงบ้างสัก 1-2 ครั้งแบบนี้ ถึงจะเน้นสไตล์ความจริง แต่อย่างน้อยผู้จัดการทีมฝ่ายตรงข้ามถ้ามารับรู้ข่าวก่อนแข่งอยู่แล้ว ก็จะวางหมาก ปรับแผน แทคติกลำบากกันบ้าง อาจจะมีพะวงว่าอาจไม่จริงบ้าง แต่นี่มันเล่นบอกความจริงในค่ายหมด เหมือนบอกกำลังรบ ยุทธวิธี แผนการ ยุทธโรปกรณ์
อืม ถ้ามันมั่นใจแบบนี้แล้วชนะ มันก็ดูดี ดูเหนือชั้นมากเรื่องสติปัญญาและแผนการนะ แต่แบบนี้เหมือนกึ่งๆต่อให้เขาทั้งๆที่บางทีก็ไม่ได้ดูฝีมือฟอร์มการเล่น ความมั่นใจ ทีมเวิร์คทีมตัวเองเท่าที่ควรเลย มันเลยดูเป็นไอ้หน้าโง่ งี่เง่า มากเลยนะ ถึงจบเกมสัมภาษณ์เล่นดีแต่ไม่มีโชค แต่เนื้อแท้จริงๆรูปเกมสวยงาม ที่ไม่ใช่ % ครองบอลเยอะ ที่ถ้าไม่ใช่แฟนแมนยูมานั่งดูทุกนัด ทุกนาทีก็คงไม่รู้มาก แล้วแฟนทีมอื่นถ้ามาเห็นครองบอลเยอะแต่แพ้เสมอทีหลังบ่อย อาจจะคิดว่าโชคร้าย คือมีแค่แฟนแมนยูแบบเราที่รู้นี่เองแหละว่าทุกเกมที่ผ่านมาครองบอลเยอะ แต่มันเป็นครองแบบในระยะปลอดภัย ที่ไม่ได้ทำอันตรายคู่แข่งเท่าไร ไม่ได้โชว์เหนือลิงชิงบอลครองบอลแบบบาร์ซ่าเลย ที่เราเล่นมันเหมือนครองแบบเอาตัวรอดแบบคล้ายๆขอผ่านไปก่อนเรื่อยๆ อยู่แค่แดนกลางสนามกับแถวหลังเรา คือถ้าครองบอลแบบบาร์ซ่าหาช่องเข้าทำแทบตลอดเวลา กระหาย เจอช่องก็ทดลองบุกทะลวงในบริเวณหัวกระโหลกแทบจะทุกโอกาส หรือพื้นที่อันตรายคู่แข่ง แล้วชิ่งไปมาจนเขาแย่งไม่ได้แบบนี้ก็ว่าไปอย่าง เพราะถ้าแบบนั้นโอเค ยกนิ้วให้อยู่แล้ว แต่เอาจริงๆไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก เอาแค่ 70%-80% บาร์ซ่าก็ไม่รู้จะทำได้เมื่อไรสักที
ช่วยบอกหน่อยแต่ละข้อทำไมอย่างนี้ แล้วเห็นด้วยไหม