เมื่อวันก่อนนี่เองได้มีโอกาสไปทานมาอีกครั้งในรอบหลายปี คือแบบหลายปีมากๆ จากที่เคยกินประจำที่สาขาฟอร์จูน
ซึ่งตอนนี้ไม่มีแล้ว และเราก็ไม่ได้เห็นมานานมากๆ จนกระทั่งเดินชิลกับเพื่อนๆ มาเจอพอดีที่เดอะมอลล์บางกะปินะครับ
เลยไหนๆ ก็เจอละจัดการแวะสักหน่อย
วันนี้มากัน 3 คน มีเพื่อนของเพื่อนที่เป็นต่างชาติมาด้วย ขออนุญาตเรียก J ละกันครับ J เป็นเพื่อนของเพื่อนที่เพิ่งมาอยู่เมืองไทย
เลยพามาเที่ยวด้วย เขาก็ดูจะชอบนะพอเราพูดว่า “บุฟเฟ่ต์” โอเค เล็ทโก้ววววว
นี่คือเจ

เข้ามาได้พนักงานก็พาเราไปเลือกที่นั่ง พร้อมถามว่าจะเอาหม้อต้มด้วยไหม… ซึ่งกรณีนี้เรากับเพื่อนแกล้ง J โดยโยนให้ฝรั่งเป็นคนตอบ
ซึ่งเขาก็บอกประมาณว่า "เอามาเลยครับไหนๆ ก็มาแล้ว" (ผมจับใจความได้ประมาณนี้) ซึ่งผมก็เพิ่งรู้ว่ามันเป็นหม้อพอทจังกึมแบบฮอทพอทเหรอ
อืมโอเคจัดไป ก็เลยพา J ไปตักของมาเพื่อทำภาระกิจปิ้งย่างกันยาวๆ

เตรียมการพร้อมไวมาก เราวางของก่อนหม้อจะมาซะอีก

เกือบลืมบอกไปสิ่งที่เรายังจดจำได้จริงๆ ก็คือลักษณะของเตาปิ้งที่เป็นสี่เหลี่ยมเทน้ำรอบๆได้
มาเจอเตาปิ้งแบบกลมๆ ก็ไม่คุ้นเลยเหมือนกันนะ
ในระหว่างรอหม้อต้มก็ลองให้ J ปิ้งเนื้อไปพรางๆ ผลก็คือ...เนื้อมันติดครับ โอวววว โซ สติ๊ก อิท
ดูเหมือนความมั่นใจของ J จะเริ่มตกลงเมื่อทำหมูไหม้ติดตะแกรงเตา จนแอบมีควันเล็กน้อย

ร้อนถึง พนักงานให้ต้องมาช่วย เขาแนะว่าให้เปลี่ยนเตาจะดีกว่า แถมยังบอกเราด้วยว่า การจะปิ้งเนื้อไฟแรงแบบนี้ได้ต้องมีตัวช่วย นั่นก็คือ

น้ำจิ้ม ซึ่งเราก็เกือบลืมไปแล้วว่าเขามีน้ำจิ้มหลายแบบ แถมยังมีน้ำขวดที่ไว้ราดหมักที่จะเป็นตัวช่วยให้เนื้อไม่ติดตะแกรงได้
ว่าแล้วก็อธิบายกับ J เสร็จสรรพ พี่แกก็เหมือนร้อนวิชา จัดแจงบีบน้ำราดลงไปคลุกเคล้าเนื้อเลย

ดูท่าแล้ว J จะสนุกกับการทำแบบนี้มาก และก็ลองปิ้งดู มันก็ติดเตาน้อยลงจริงๆ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ติดเลยซะทีเดียวนะ แต่ก็ไม่ทำควันฟุ้งแบบตอนแรก ... ความมั่นใจของ J กลับมาแล้ว
แล้วหม้อต้มก็มา...มาม่าเกาหลี

ระหว่างติดไฟ J ยังคงสนุกกับการปิ้งย่างอย่างติดลม จนเราก็ถามไปว่า J จะเอาซูชิหรือของทอดมารองท้องก่อนไหม
J ตอบเรากลับมาว่า เขาไม่ค่อยชอบซูชิมากนัก แต่ถ้าทาโกะโอเค แล้วก็เพราะ บลาๆๆๆๆ ฟังไม่ทัน ได้แต่พยักหน้างึกงักตาม

พอเริ่มทานได้สักพัก ดูจะยังไม่พอหน่ำใจในรสชาติของน้ำจิ้มเลยมีการจัดการเท น้ำจิ้มเผ็ดๆ ลงไปคลุกอีก แล้วก็ทาน
ดูท่าทางน่าอร่อยจนเราต้องลองทำตามดูบ้าง เอ้า คนๆๆๆๆๆโลด!

พอคนๆ กันมาพักใหญ่เราก็ยังให้ J คนๆ ในมาม่าเกาหลีด้วยแล้วลองชิมดูบ้าง

สำหรับเราที่ไม่ได้ตั้งใจมาลงกับหม้อต้มแต่แรก ก็รู้สึกว่ารสชาติของต้มก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด รสเผ็ดเบาๆ
แต่เราก็คิดว่าน่าจะเป็นเกาหลีประยุกต์มากกว่า เพราะจากที่เคยกินพริกเกาหลีมาเราก็คิดว่ามันน่าจะเผ็ดว่านี้ซะอีก

พอ J หันไปสนใจของต้มก็ได้เวลาลุยงานปิ้งของเราแล้ว
J ดูเหมือนเป็นคนกินน้อย แต่เรารู้สึกได้ว่า เขาเป็นคนกินเร็วมากกว่า เพราะเขาไม่พูดกับใครเลย เวลากิน (อาจเป็นเพราะยังไม่สนิทกันดีด้วย)
ไม่ถึงชั่วโมงดี J ก็กินไปครึ่งหม้อแล้ว และเขาก็คิดเหมือนผมด้วยว่า รสชาติมันดีกว่าหน้าตาซะอีกนะเนี้ย แล้วก็ยิ้มๆ ขำๆ ไป
ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่นั่งกินบุฟเฟ่ต์กับเพื่อนใหม่ที่เป็นคนต่างชาติด้วย ซึ่งเขาก็บอกมาประมาณว่าที่บ้านเมืองเขา (สักประเทศในยุโรปนี่แหละลืมซะงั้น ฮ่าๆ) ก็ไม่ได้มีร้านอาหารแนวนี้เยอะนัก ก็รู้สึกว่า ที่ร้าน Daidomon มีความเป็นวาไรตี้มาก มีของให้กินหลากหลายมากจริงๆ สไตล์นานาชาติ ปนเปกันให้คนได้เลือกเยอะดี ส่วนเนื้อหรือของที่จะนำมาปิ้งและต้มก็สดและเก็บไว้ในตู้ดูสะอาดดี แต่ร้านจัดโต๊ะแปลกๆ ไปหน่อย (หน้าจะหมายถึงตรงส่วนบาร์ตักอาหารที่เหมือนจะแบ่งขึ้นร้านเป็นสองส่วนเลย) ซึ่งผมกับเพื่อนก็มีความเห็นคล้ายๆ กับที่ J พูดมาอยู่ แต่แอบรู้สึกว่าน้ำจิ้ม Daidomon มันเปลี่ยนๆ ไปนะ เหมือนว่าจะมีอารมณ์ของฮอทพอทออกมาเยอะอยู่นะเนี้ย

ก่อนแยกย้ายก็บอก J ไปว่าแล้วมาเจอกันอีก จะพาไปกินของอร่อยๆ ร้านอื่นๆ บ้าง
J ก็ยิ้มล่าเลย ก็มาดูกันต่อไปนะว่าคราวหน้าเราจะพาฝรั่งไป เอ๊ย! ไป ชิมที่ไหนอีก
ต้องติดตามกันต่อปายยยยยย สวัสดี
[CR] พาฝรั่งมาเปิด Sing กับ เตาปิ้ง Daidomon
ซึ่งตอนนี้ไม่มีแล้ว และเราก็ไม่ได้เห็นมานานมากๆ จนกระทั่งเดินชิลกับเพื่อนๆ มาเจอพอดีที่เดอะมอลล์บางกะปินะครับ
เลยไหนๆ ก็เจอละจัดการแวะสักหน่อย
วันนี้มากัน 3 คน มีเพื่อนของเพื่อนที่เป็นต่างชาติมาด้วย ขออนุญาตเรียก J ละกันครับ J เป็นเพื่อนของเพื่อนที่เพิ่งมาอยู่เมืองไทย
เลยพามาเที่ยวด้วย เขาก็ดูจะชอบนะพอเราพูดว่า “บุฟเฟ่ต์” โอเค เล็ทโก้ววววว
นี่คือเจ
เข้ามาได้พนักงานก็พาเราไปเลือกที่นั่ง พร้อมถามว่าจะเอาหม้อต้มด้วยไหม… ซึ่งกรณีนี้เรากับเพื่อนแกล้ง J โดยโยนให้ฝรั่งเป็นคนตอบ
ซึ่งเขาก็บอกประมาณว่า "เอามาเลยครับไหนๆ ก็มาแล้ว" (ผมจับใจความได้ประมาณนี้) ซึ่งผมก็เพิ่งรู้ว่ามันเป็นหม้อพอทจังกึมแบบฮอทพอทเหรอ
อืมโอเคจัดไป ก็เลยพา J ไปตักของมาเพื่อทำภาระกิจปิ้งย่างกันยาวๆ
เตรียมการพร้อมไวมาก เราวางของก่อนหม้อจะมาซะอีก
เกือบลืมบอกไปสิ่งที่เรายังจดจำได้จริงๆ ก็คือลักษณะของเตาปิ้งที่เป็นสี่เหลี่ยมเทน้ำรอบๆได้
มาเจอเตาปิ้งแบบกลมๆ ก็ไม่คุ้นเลยเหมือนกันนะ
ในระหว่างรอหม้อต้มก็ลองให้ J ปิ้งเนื้อไปพรางๆ ผลก็คือ...เนื้อมันติดครับ โอวววว โซ สติ๊ก อิท
ดูเหมือนความมั่นใจของ J จะเริ่มตกลงเมื่อทำหมูไหม้ติดตะแกรงเตา จนแอบมีควันเล็กน้อย
ร้อนถึง พนักงานให้ต้องมาช่วย เขาแนะว่าให้เปลี่ยนเตาจะดีกว่า แถมยังบอกเราด้วยว่า การจะปิ้งเนื้อไฟแรงแบบนี้ได้ต้องมีตัวช่วย นั่นก็คือ
น้ำจิ้ม ซึ่งเราก็เกือบลืมไปแล้วว่าเขามีน้ำจิ้มหลายแบบ แถมยังมีน้ำขวดที่ไว้ราดหมักที่จะเป็นตัวช่วยให้เนื้อไม่ติดตะแกรงได้
ว่าแล้วก็อธิบายกับ J เสร็จสรรพ พี่แกก็เหมือนร้อนวิชา จัดแจงบีบน้ำราดลงไปคลุกเคล้าเนื้อเลย
ดูท่าแล้ว J จะสนุกกับการทำแบบนี้มาก และก็ลองปิ้งดู มันก็ติดเตาน้อยลงจริงๆ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ติดเลยซะทีเดียวนะ แต่ก็ไม่ทำควันฟุ้งแบบตอนแรก ... ความมั่นใจของ J กลับมาแล้ว
แล้วหม้อต้มก็มา...มาม่าเกาหลี
ระหว่างติดไฟ J ยังคงสนุกกับการปิ้งย่างอย่างติดลม จนเราก็ถามไปว่า J จะเอาซูชิหรือของทอดมารองท้องก่อนไหม
J ตอบเรากลับมาว่า เขาไม่ค่อยชอบซูชิมากนัก แต่ถ้าทาโกะโอเค แล้วก็เพราะ บลาๆๆๆๆ ฟังไม่ทัน ได้แต่พยักหน้างึกงักตาม
พอเริ่มทานได้สักพัก ดูจะยังไม่พอหน่ำใจในรสชาติของน้ำจิ้มเลยมีการจัดการเท น้ำจิ้มเผ็ดๆ ลงไปคลุกอีก แล้วก็ทาน
ดูท่าทางน่าอร่อยจนเราต้องลองทำตามดูบ้าง เอ้า คนๆๆๆๆๆโลด!
พอคนๆ กันมาพักใหญ่เราก็ยังให้ J คนๆ ในมาม่าเกาหลีด้วยแล้วลองชิมดูบ้าง
สำหรับเราที่ไม่ได้ตั้งใจมาลงกับหม้อต้มแต่แรก ก็รู้สึกว่ารสชาติของต้มก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด รสเผ็ดเบาๆ
แต่เราก็คิดว่าน่าจะเป็นเกาหลีประยุกต์มากกว่า เพราะจากที่เคยกินพริกเกาหลีมาเราก็คิดว่ามันน่าจะเผ็ดว่านี้ซะอีก
พอ J หันไปสนใจของต้มก็ได้เวลาลุยงานปิ้งของเราแล้ว
J ดูเหมือนเป็นคนกินน้อย แต่เรารู้สึกได้ว่า เขาเป็นคนกินเร็วมากกว่า เพราะเขาไม่พูดกับใครเลย เวลากิน (อาจเป็นเพราะยังไม่สนิทกันดีด้วย)
ไม่ถึงชั่วโมงดี J ก็กินไปครึ่งหม้อแล้ว และเขาก็คิดเหมือนผมด้วยว่า รสชาติมันดีกว่าหน้าตาซะอีกนะเนี้ย แล้วก็ยิ้มๆ ขำๆ ไป
ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่นั่งกินบุฟเฟ่ต์กับเพื่อนใหม่ที่เป็นคนต่างชาติด้วย ซึ่งเขาก็บอกมาประมาณว่าที่บ้านเมืองเขา (สักประเทศในยุโรปนี่แหละลืมซะงั้น ฮ่าๆ) ก็ไม่ได้มีร้านอาหารแนวนี้เยอะนัก ก็รู้สึกว่า ที่ร้าน Daidomon มีความเป็นวาไรตี้มาก มีของให้กินหลากหลายมากจริงๆ สไตล์นานาชาติ ปนเปกันให้คนได้เลือกเยอะดี ส่วนเนื้อหรือของที่จะนำมาปิ้งและต้มก็สดและเก็บไว้ในตู้ดูสะอาดดี แต่ร้านจัดโต๊ะแปลกๆ ไปหน่อย (หน้าจะหมายถึงตรงส่วนบาร์ตักอาหารที่เหมือนจะแบ่งขึ้นร้านเป็นสองส่วนเลย) ซึ่งผมกับเพื่อนก็มีความเห็นคล้ายๆ กับที่ J พูดมาอยู่ แต่แอบรู้สึกว่าน้ำจิ้ม Daidomon มันเปลี่ยนๆ ไปนะ เหมือนว่าจะมีอารมณ์ของฮอทพอทออกมาเยอะอยู่นะเนี้ย
ก่อนแยกย้ายก็บอก J ไปว่าแล้วมาเจอกันอีก จะพาไปกินของอร่อยๆ ร้านอื่นๆ บ้าง
J ก็ยิ้มล่าเลย ก็มาดูกันต่อไปนะว่าคราวหน้าเราจะพาฝรั่งไป เอ๊ย! ไป ชิมที่ไหนอีก
ต้องติดตามกันต่อปายยยยยย สวัสดี
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น