นิยามความรักกับรูปภาพ

ผมอยากจะหาของขวัญครบรอบให้แฟนครับ แต่ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้ ผมเป็นคนซื้อของให้ผญ.ไม่เป็นซะด้วยสิ5555 ผมเลยแต่งนิทานความรักของเราให้กับแฟนครับ ก่อนไปอ่านนิทานของผมผมอยากให้หลายๆคนเปรียบความรักออกมาเป็นรูปภาพว่าความรักของพวกคุณตอนนี้คือรูปอะไร ก็คอมเม้นมาได้นะครับ


นิทานเรื่อง ความรักของลูกโป่ง

บทที่ 1 : จุดเริ่มต้นของความคิด
     เคยเป็นไหมครับ ? คิดว่าทุกๆวันที่เดินไปไหนมาไหนคนเดียว กินข้าวคนเดียว ขับรถไปเที่ยวคนเดียวมันคือสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว ผมคนนึงครับที่เป็น ชื่อผมคุณก็รู้ ทำไมนะหรอ ? คุณกับผมรู้จักกันไงครับ คุณกับผมเป็นเพื่อนร่วมสายกันมาตอนม.ต้น ตอนนั้นผมกับคุณก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนเด็กทั่วไปนี่แหละ ม.1ผ่านไป ม.2ผ่านไป ขึ้นม.3ผมก็มีแฟนของผมครับ คุณก็มีแฟนของคุณ แฟนคุณก็เพื่อนผมอ่ะครับ 55555 คุณกับผมเคยคุยกันครับคุณอาจจำไม่ได้ เอ้อ...ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องคิดแล้ว เราได้คุยกันแค่เล็กน้อยครับ ผมจะแกล้งๆคุณมากกว่า ผมมันพวกขี้แกล้งขี้หยอกอยู่แล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรมากครับม.3ต่างคนก็ต่างอยู่อีก ขึ้นม.ปลายแล้ว คุณหน่ะมันหัวการเรียนส่วนผมนั่นหรอ...ก็หัวขี้เกียจครับ เลยอยู่แค่สายศิลป์ 55555 คุณอยู่สายวิทย์ห้องเก่งเลย ม.4แล้วไม่ต่างอะไรกับม.ต้นครับ ต่างคนต่างอยู่อีกเช่นเดิม -3- ผมก็มีแฟนไปเรื่อยครับ ก็นะอย่างที่ใครเขาว่าเจ้าชู้ ! ไม่สำคัญหรอกตรงนั้นอ่ะ ข้ามไปเนอะ ม.4ก็ผ่านไปอีกปี ผ่านไปไวเหมือนโกหก แต่น แต้น >< ขึ้นม.5ผมก็ดันเลิกกับแฟนได้พักใหญ่เลยแหละ เสียใจครับง่ายๆเลย จนอย่างที่ผมกล่าวไว้ช่วงแรกว่าผมคิดว่าการอยู่คนเดียวมันดี ซึ่งผมก็คิดว่ามันดีจริงๆนั่นแหละ จนเพื่อนสนิทผมคนนึงเขาก็เป็นเพื่อนสนิทคุณเหมือนกัน เขาดันเอ่ยชื่อผมไปให้คุณ ก็ตอนที่คุณบอกเขาว่าหาคนคุยให้หน่อย ( เพื่อนเล่ามาเนอะ -.- ) นี่แหละครับจุดเริ่มต้นของความคิด .


บทที่ 2 : 30.11.57
    เมื่อถึงเวลาที่ความคิดมีจุดเริ่มต้น ก็ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนความคิด 30 พ.ย. 57 วันแรกที่คุณทักมาหาผมผ่านทางเฟสบุ๊ค คำแรกที่คุณพิมพ์มาหาผมหรอ...ก็คงชื่อผมหล่ะมั้งนะ -0- ผมก็เอะใจเล็กน้อย แต่ฟังจากที่เพื่อนเล่ามาก็ไม่ได้คิดอะไรครับ ดีใจด้วยมั้งครับมีคนน่ารักที่ผมเองเคยแอบมองทักมาซะงั้น ผมก็ตัดสินใจคุยกับคุณไปเรื่อยๆแบบไม่ได้คิดอะไรครับ หยอกว่าคุณชอบผม แกล้งไปเรื่อย แล้วคุณก็บอกจะเอารางวัลเรื่องอะไรนี่แหละ คุณจะเอาเป็นขนมและช็อคโกแลต ผมก็รีบขับรถไปซื้อให้คุณเลย ผมก็คิดนะนี่เราทำไมถึงต้องรีบมาซื้อให้คุณเนี่ย ทั้งที่ผมเองตอนนั้นก็เพิ่งรถล้มมาขาขวาก็ไม่ค่อยจะดียังไปซื้อให้คุณอีก ผมกลับมานั่งคิดทบทวนหลายรอบก็ไม่ได้คำตอบ จนตอนเช้าผมก็มารร.ปกติครับเอาขนมไปให้คุณที่แถวเลย เห็นคุณยิ้ม มีความสุขผมก็รู้เลยครับว่าทำไม คำตอบคืออะไร คำตอบคือผมเห็นคุณยิ้ม คุณมีความสุขมันทำให้ผมยิ้มตามเลยครับ ก่อนจะไปเข้าแถวคุณยังถามถึงแผลที่ขาขวาของผมด้วย ตายๆผมนี่ถึงกับละลาย ฟินกันเลยทีเดียว แต่ ผมก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรให้เพื่อนหรือคุณเห็นหรอกครับ ผมหน่ะพวกเก็บอาการ รักใครชอบใครทำเป็นฟอร์มก่อนสิครับ5555 แล้วผมก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนในกลุ่มของผมฟัง เพื่อนผมแต่ละคนก็นะ อย่างที่คุณก็น่าจะรู้ๆอยู่ในตอนนี้ ตอบเป็นเสียงเดียวกันเลยครับว่าให้คุยกับคุณต่อ ให้จีบคุณเลย ซึ่งตอนนั้นผมและเพื่อนต่างก็เพิ่งรู้ว่าคุณเพิ่งเลิกกับแฟน ( แต่ความจริงคุณเลิกมานานแล้ว เพื่อนสนิทบอกมาอีกที )บวกกับความคิดผมที่ว่า ผมก็ไม่ได้จริงจังกับใครมาพักใหญ่ แถมคุณยังตรงสเป๊คผมอีก โอ่ยตายแล้ว @$#@%$%^ ผมเลยตัดสินใจที่จะเปลี่ยนความคิดและเตรียมเปิดประตูให้คุณเข้ามา...


บทที่ 3 : Open or Close ?
   ก๊อก ก๊อก ก๊อก ! เสียงเคาะประตูจากใครคนหนึ่ง และแล้ววันที่ผมและคุณไม่เคยคิดมันก็เป็นจริงวันที่ผมเปิดประตูบานนั้นและต้อนรับคุณ ผมยังคงคุยกับคุณไปเรื่อยๆ แกล้งคุณ หยอกล้อคุณเหมือนทุกวันที่ผมทำ เรื่องราวของคุณกับผมก็เหมือนคนที่คุยกันๆทั่วไปนั้นแหละครับ มีปากเสียง มีเรื่องไม่เข้าใจกันหรือแม้แต่ “ทะเลาะ” ทะเลาะส่วนใหญ่แล้วหมายความว่ายังไงกัน ? สำหรับผมแล้วคำว่าทะเลาะคือเรื่องของคนสองคนที่อาจไม่ตรงกัน หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่เห็นด้วย คงประมาณนี้ครับ คุณกับผมก็ทะเลาะกันบ่อย เรื่องเล็กเรื่องใหญ่เป็นธรรมดาครับ ถามถึงความพร้อมของคุณกับผมในตอนนั้นดีกว่า ความพร้อมของคุณผมไม่รู้หรอกครับ จะไปรู้ได้ยังไงกันหล่ะ - - แต่ความพร้อมของผม ผมมีมันตั้งแต่เปิดประตูบานนั้นแล้วคุณก้าวเข้ามาครับ ผมรู้สึกได้บางอย่าง อะไรใหม่ๆกำลังจะมา ความรู้สึกที่ผมไม่เคยได้สัมผัสผมกำลังจะได้สัมผัสมัน เราก็ทะเลาะกันไปเรื่อยๆครับ สามวันดี สี่วันทะเลาะ จนวันนึงคุณกับผมทะเลาะกันขั้นปากเสียงเลยครับ คุณจำสเตตัสของคุณได้ใช่มั้ยครับ ? ผมรู้คุณจำมันได้ดี วันนั้นความรู้สึกผมลดลงเหลือ 0 จริงๆ คุณบอกกับผมมันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่สำหรับผมถ้าอารมณ์ชั่ววูบคุณคิดได้แค่นั้นแล้วอารมณ์จริงๆคุณคงเลิกคุยกับผมแล้วสินะ ผมจึงถามตัวเองดูอีกครั้งว่า “คิดถูกแล้วหรอที่เปิดประตู ทั้งที่มันปิดมันก็ดีอยู่แล้ว ผมอยู่ในประตูนั้นคนเดียวมันก็ดีอยู่แล้ว” กลับกลายเป็นว่าคำตอบของผมมันคือการที่ผมต้องปิดประตูให้กับคนที่คิดชั่ววูบแล้วเดินออกจากประตูบานนั้นออกไป แล้วคุณหล่ะว่าผมควร เปิด หรือ ปิด ?

นี่เป็นแค่เรื่องแรกๆนะครับ แก่นสำคัญไว้ผมจะมาลงให้อ่านใหม่นะครับ ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่