คนที่ไว้ใจ..สุดท้าย ร้ายที่สุด

เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง จึงอยากจะเอามาเตือนใจผู้หญิงหลายๆคน ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนนะคะว่าเราเป็นคนพิมพ์อธิบายเรื่องไม่เก่ง อาจจะมีเรื่องวกวน และภาษาที่ผิดพลาดบ้าง

เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของเรากับอดีตสามี ขอแทนอดีตสามีว่า ก นะคะ เราอายุมากกว่า ก ประมาณ 6 ปี เหตุการณ์ครั้งแรกที่เรากับ ก เจอกันคือ เราเรียนจบทำงานแล้ว แต่ ก เรียนอยู่ที่เดียวกับที่น้องสาวเราเรียนอยู่ วันนึงเราไปหาน้องสาวเราที่หอ แล้วได้พบกับ  ก  พอเรากลับมามีเฟสบุ๊คของ ก แอดเป็นเพื่อนมา เรารับและได้มีการพูดคุยกัน จนเริ่มสนิทสนมเราไปบ้านเขา แต่เรายังไม่ได้พาเขาเข้าบ้านเราคะ พอคบกันได้สักระยะ เรามีโอกาสได้ไปที่หอพักของเขา และมีโอกาสได้ไปเจอผลการเรียนของเขา ผลการเรียนเขาติด F และดรอปไว้หลายตัว และผลการเรียเฉลี่ยก็ต่ำมาก เราเลยคุยกะเขากับครอบครัวเขาว่ามันไม่น่าจะไหวนะ เพราะถ้าเทอมนี้ติดFอีก1 ตัวก็โดนรีไทน์แน่นอน เลยตัดสินใจว่า ให้ดรอปเรียนที่นี้ ประกอบกับตอนนั้นมีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเปิดหลักสูตรเกี่ยวกับการพยาบาลระยะสั้น 1 ปี เราเลยบอกว่าไปเรียนที่นี้ไหม ถามเขาถามครอบครัวเขา ทุกคนโอเคร์ เลยไปสมัครซึ่งตอนนั้นทางครอบครัวเขายังไม่มีรถยนต์เราจึงเป็นคนพาไป  หลังจากนั้นเขาก็ไปเรียน ซึ่งระหว่างนั้นก็คบกันปกติ เขากลับมาหาเราเกือบทุกอาทิตย์ ซึ่งระยะทางแค่มา ประมาฯ 300 โล คือตอนเย็นวันศุกร์เขาจะนั่งรถกลับมา แล้ววันอาทิตย์บ่ายๆก็กลับไป เป็นแบบนี้ประมาณ ครึ่งปี มีช่วงหลังๆทางครอบครัวเราก็รู้ว่าเราคบกับคนนี้อยู่ เราก็พาไปบ้านบ้างตามเทศกาลต่างๆ (ตอนแรกพ่อเราไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่เพราะเห็นว่า ก ยังอายุน้อยและยังเรียนไม่จบแต่เราทำงานแล้ว แต่เพราะเห็นว่ารักกันท่านเลยไม่พูดอะไรมาก) พอนานๆเข้าก็เกิดมีการพลาด เราท้องคะ เราถามเขาว่าจะทำยังไงดี เขาโทรหา แม่เขา เขาบอกเราว่าจะให้แม่ไปคุยกับแม่เรา พอผู้ไหญ่คุยกัน ก็ตกลงกันว่าจะมาขอกันตามประเพณี เป็นพิธีที่ไม่ไหญ่โตอะไร มีแค่ญาติมาเป็นสักขีพยาน ส่วนที่ทำงานเราเรากะยอมรับกับทุกคนไปว่าท้อง และแค่ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอเฉยๆ หลังจากที่ทำการสู่ขอกันเรียบร้อย เขาก็กลับไปเรียนต่อ พอเสาร์อาทิตย์ก็กลับมาหาเราที่บ้าน มาอยู่บ้านเราเหมือนเดิม ตลอดระยะเวลาที่เขาเรียน เขาฝึกงานเราก็คอยช่วยเหลือ ทำรายงานให้บ้างอะไรบ้าง เย็นวันศุกร์เขากลับมา วันอาทิตย์เราไปส่งขึ้นรถ หลังจากที่เขาย้ายมาอยู่บ้านเรา ถ้าเขากลับบ้านมา ส่วนใหญ่แม่เราจะเป็นคนให้ค่ารถ ค่ากินกลับไปเกือบทุกครั้ง หลังจากนั้นทุกอย่างก็ปกติ (แทรกนิดนึงนะคะ ตอนที่เราท้อง เรามีอาการปวดท้องบ่อย หมอบอกเป็นนิ่ว แต่ตอนนี้ท้องอาจะยังทำอะไรไม่ได้ เขาดูแลเราดี ตอนเราปวดท้องคอยพาไปหาหมอ ค่อยนวดให้) พอเขาเรียนจบวันที่เขามีพิธีรับใบประกาศวันนั้นเราปวดท้อง และนอนที่ โรงพยาบาล เราเลยไปไม่ได้ กลับมาเขาก็มาอยู่บ้านเราตามปกติ ประกอบกับตอนนั้นเราคลอดพอดี (ลูกออกมาหน้าเหมือนพ่อมากกกก)  ก  ก็เลยยังไม่ทำงานคะ เพราะว่าเราลาคลอดได้ 3 เดือน เขามีประสบการณืเลี้ยงหลานมา แม่เราเลยให้ช่วยกันเลี้ยงลูกอยู่บ้านก่อน ช่วงคลอดแรกๆเขาเลี้ยงลูกดีมากคะ อาบน้ำให้ เช็ดอึ ซักผ้าอ้อมทำทุกอย่าง เพราะเราผ่าคลอดยังเจ็บแผลอยู่  หลังจากนั้น 3 เดือนเราก็กลับมาทำงานคะ ระยะที่ทำงานเรากลับบ้านไปกลับประมาณ 160 กิโลคะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 เดือน ลูกเราให้ยายของเรากับแม่เราดู ส่วน ก ทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งแถวบ้าน ทำได้สักพักมีปัญหากับที่ทำงานก็เลยลาออกมาทำงานกับที่บ้าน โดยที่ที่บ้านเราก็ไห้เงินเดือนคะ แต่อาจจะไม่มากนัก แต่อยู่บ้านเรา ก ไม่ต้องออกค่ากับข้าว ค่าน้ำ ค่าไฟ ไม่ต้องรับผิดชอบคะ มีซื้อนม แพมเพริสให้ลูกบ้าง ส่วนเราก็ไม่เคยขอเงินเขาใช้คะ เราใช้เงินเดือนเรา เมื่อยู่เป็นครอบครัวใหญ่ บางครั้งมีบางอย่างกระทบกระทั่งกันบ้างมีปากเสียงกันคะ บางครั้ง ก บอกว่าไม่ชอบที่พ่อแม่เราว่าเขาแบบนั้นแบบนี้(อันนี้เราพยายามเข้าใจคะว่าครอบครัวควรจะย้ายออกมาอยู่ด้วยกัน แต่ด้วยรายได้ของ ก และของเรา แล้วก็ไม่มีใครเลี้ยงลูก จึงยังไม่สามารถย้ายออกมาได้คะก็เลยยังอยู่เป็นครอบครัวใหญ่กันต่อไป) จนกระทั่งลูกอายุได้ 1 ขวบนิดๆ ก็มีปัญหาที่บ้านกันอีก เราเลยติดสินใจว่าถ้าเขาลำบากใจ ลองให้เขาออกไปทำงานนอกบ้านสักพัก เขาเลยไปสมัครงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งตามสายงานที่เขาจบมา ระยะห่างจากบ้านเราประมาณ 30 กิโลคะ ก็ไม่ไกลมากขับรถประมาณ 30 นาที จำได้ว่าวันที่ไปสมัคร เขา เรา และลูก พากันไป กรอกในใบสมัครครบตามรายละเอียดรวมทั้งชื่อ ภรรยา และบุตร(เรากับ ก ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันคะ) เขาไปทำงานที่โรงพยาบาลเราจำได้ว่าประมาณกลางเดือน กุมภาพันธุ์ เราช่วยเขาขนของให้เขาไปอยู่หอ ซึ่งหอที่เขาไปอยู่เป็นหอที่อาเขาเป็นคนดูแลหอคะ หลังจากไปทำงาน คิดถึงลูก โทรหาลูกทุกวันคะ โทรวีดีโอไลน์บ้าง อะไรบ้าง มีวันหยุดครั้งแรกเขากลับมาบ้าน ตอนเช้าก่อนเราไปทำงานเราไปส่งขึ้นเวร และขับรถกลับมาทำงานซึ่งมันคนละทางกันเลยคะ แต่ไม่เป็นไรตอนนั้นคือเพื่อสามีจะได้กลับมาอยู่กับลูกยอมตื่นเช้าหน่อย เสียเวลาเพิ่มอีกนิด เหตุการณืผ่านไปได้ไม่นาน ประมาณ ปลายเดือน กุมภาพันธ์ เริ่มไม่โทรกลับบ้าน เราก็โทรไปบอกว่าเหนื่อย นอนเพิ่งลงเวรมาคะ มีครั้งนึงเป็นชนวนเรื่องทั้งหมดคือ เราโทรไปเขาบอกว่านอน เราบอกตื่นแล้วโทรกลับด้วยนะ เขาตื่นเขาเงียบหายไป เราโทรไปบอกทำอะไรอบู่ เขาบอกว่ากำลังกินข้าวเดี่ยวจะออกไปกินเหล้ากับเพื่อน เราเลยพูดไปคำนึงบอกว่า ทำไมไปกินเหล้ากับพี่มีเวลา แต่โทรหาลูกเมียไม่มีเวลา จากนั้นเขาบอกเราว่า เราจู้จี้ขี้บ่น เขาบล็อกเบอร์เรา บล็อกไลน์เรา ปิดการติดต่อทุกอย่าง ให้เหตุผลกับพ่อแม่เขาว่า โทรมาก็ทะเลาะกัน คุยกันมันก็ด่า พอไม่ได้คุยกันมันก็มีปัญหาทะเลาะกันมาตลอด แต่ตลอดระยะเวลาที่เขาไปทำงานที่โรงพยาบาล เราไม่เคยไปที่ทำงานเขาเลย เพราะเราถือว่าเป็นการให้เกียรติกัน(ปัญหาที่เกิดขึ้นเรายังไม่ได้เล่าให้ครอบครัวเราฟังคะ เพราะคิดว่า คงยังไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โต) ต้นเดือนมีนาคม วันเกิดเขา เราเอาเบอร์อื่นโทรไปบอกว่า เดี่ยวเขาไปหา ไปนอนด้วยนะ วันนี้วันเกิดตัวเอง เขาตอบวา มาทำไม ไมต้องมา แต่เราก้ดื้อรั้นไปคะ ไปรอเขาที่หอ ขอกุญแจสำรองจากอาเขาคะ ไปรอที่หอ โทรหา เขาปิดเครื่อง บล็อกเบอร์ เราส่งข้อความไป บอกว่าเขารออยู่หอนะ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่มา เรารอถึงประมาณ 3 ทุ่มเราก็เลยขับรถกลับ และบอกกับแม่เราว่า ต้องกลับมาก่อน เพราะ  ก มีขึ้นเวรดึก(เที่ยงคืน) กลัวผีไม่กล้านอนคนเดยว แม่เราก็คงรู้ถึงความผิดปกติ แต่แม่ก็ไม่ถามอะไรมากคะ จากนั้นก็มีปัญหาคือเขาไม่รับโทรศัพท์ บล็อกเบอร์เราก็โมโหนะ มีครั้งนึงเลยไปที่หอเขา ก็คือใจยังรักหวังจะไปเคลีย แต่ท่าทางเขาหม่างเมินมาก เราเลยพูดขึ้นทำนองว่า โทรศัพท์ที่เตงใช้ก้โทรศัพท์เขา จะมาเอาของเขาทำกับเขาแบบนี้เขาไม่ยอม เขาจะเอาคืน ก บอกว่าคืนได้ แต่เขาไปที่ร้านคะ ให้ร้านลบโปรแกรมทุกอย่างออก แล้วเอาโทรศัพท์มาคืนเรา(ใจจริงคือเราไม่ได้อยากจะทวงคืนคะ แต่เพราะอารมณ์โมโหเลยพูดออกไปบบบนั้น) แต่ตอนที่เราจับโทรศัพท์ มันจะมีไลน์เด้งๆมา ไม่รู้เพราะอะไร ทั้งๆที่ลบโปรแกรมออกแล้ว เราอยากอ่าน ก็ รีบมาจับโทรศัพท์ เราเลยรีบใส่พลาสล็อคเครื่องคะ พอใส่พลาสไปด้วยความรีบ สุดท้ายเราลืมคะ กดรหัสเข้าเครือ่งผิด จนเครื่องล็อค เราบอกเขาว่าขอทานะไม่ได้ตั้งใจ สุดท้ายเขาเลยไม่มีโทรศัพท์ใช้ เราบอกเขาว่าเอาเครื่องสำรองเราไว้ก่อนไหม(เครื่องโนเกีย สไลด์ธรมดาคะ) เดี่ยวเขาจะเอาเครื่องนี้ไปทำให้ เพราะมันต้องเชื่อมต่อ iTune เขาบอกไม่เอาคะ พอเขาไม่เอาคืนนั้นเรานอนที่หอเขา แต่เราสังเกตได้ว่า สามีเราเปลี่ยนปมากๆคะ แต่ไม่ด้พูดอะไร ตอนเช้าเราก็กลับ ถามเขาอีกว่าเอาเครื่องสำรองไว้ใช้ก่อนไหม เขาก็บอกว่าไม่ เขาแสดงท่าทางว่าโกรธเราคะ เราก็เอาโทรศัพท์มาทำคะ ล้างเครื่องใหม่หมด รูปลูกตอนเกิดหายหมดคะ พอทำได้แล้วเราก็ติดต่อไปทางน้องสาวเขาซึ่งเป็นลูกอาที่ดูแลหอ บอกเขาว่าถามพี่  ก ให้หน่อย ว่าพี่ทำโทรศัพท์ได้แล้ว จะให้เอาไปให้ทางไหน น้องบอกว่า พี่  ก ไม่เอาคะ เราบอกว่าไม่ต้องซื้อใหม่หรอก เก็บเงินไว้ (เพราะตอนนั้น  ก มีเงินเก็บไปไม่มากคะ จ่ายค่าหอ ค่ามัดจำหอก็หมดไปเยอะคะ) สุดท้ายเขาไม่เอา ไม่ติดต่อกลับมา แล้วเขาไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ ซึ่งมีราคามากกว่าเงินที่เหลือใน บช  เราเลยถามน้องเขาว่าเขาเอาเงินที่ไหนไปซื้อ น้องสาวเขาบอกยืมแม่หนู  หลังจากวันนั้นก็มีปัญหามาเรื่อย เพราะเขาถือว่า เขาซื้อโทรศัพท์เป็นของเขาเองเขาจะโทรหรือไม่โทรก็ได้  มีหลายครั้งที่คุยกัน เขาบอกว่า สะใจแล้วสินะ เอาโทรศัพท์ไป ตอนนี้กุไม่มีเงินจะกินข้าวแล้ว เราก็ได้แต่บอกว่า เราขอโทษ พอมีปัญหา เขาก็ขุดคุ้ย เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาทะเลาะ ว่าพ่อแม่เราไปว่าเขาแบบนั้นแบบนี้ คือตอนนั้นเราทำอะไรเราผิดไปทุกอย่างคะ เราก็ปรึกษาแม่เขาตลอดนะว่าทำไงดี แม่เขาก็พยายามช่วย แต่ช่วงหลังๆคือ เขาบอกอยากอยู่คนเดียว บล็อกเบอร์ทุกเบอร์ที่ติดต่อไปคะ ไม่โทรมาหาลูกเลย  เดือนเมษา เขาคัดเลือกทหาร คืนวันที่เขามานอนที่บ้าน แม่เขาบอกให้ไปเคลียร์ปัญหากันที่บ้านเขา เราไป เคลียร์กันอยู่ครึ่งคืน นอนตี 3 สุดท้ายก็ตบแบบคลุมเครือ คืนนั้นเรานอนบ้านเขาคะ แต่ตลอดคืนที่นอนด้วยกันมีไลน์เด้งมาตลอด และเขาจับโทรศัพท์แน่น ไม่ยอมให้เราจับได้เลยคะ ด้วยเหตุผลที่ว่า เรื่องส่วนตัว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่