จากกระทู้
http://m.pantip.com/topic/33559898
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 58 ทางคณะอนุกรรมการด้านการปรับปรุงกฎหมายและเสนอแนะนโยบาย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้มีการเรียนเชิญ 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาให้ความเห็นในเรื่องนี้ แต่วันนี้มีเพียง 3 หน่วยงาน ขาดเพียงกองการอาสารักษาดินแดนที่ไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุม
โดยในที่ประชุม ตัวแทนจากกรมสรรพวุธและกำลังทหาร และสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ก็มีความเห็นว่าควรจะให้ทหารเกณฑ์นั้นมาจากวิธีการสมัคร แต่มันติดปัญหาอยู่ที่การสมัครนั้นอาจจะได้กำลังพลไม่เพียงพอต่อความต้องการของกองทัพ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการจับฉลากเพื่อให้มีกำลังพลเพียงพอต่อความต้องการ
ส่วนเรื่องเกณฑ์ตำรวจนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาข้อกฎหมายในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปรยๆ มาว่า ในการเกณฑ์ตำรวจนั้นจะใช้วิธีการสมัครเป็นหลัก แต่ถ้าหากยังได้กำลังพลไม่เพียงพอ ก็อาจต้องใช้วิธีการจับฉลาก แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้น คนที่จะมาเป็นตำรวจเกณฑ์นั้น ไม่ว่าจะมาจากการสมัคร จับได้ใบแดง มีวุฒิการศึกษาอะไร ก็จะต้องเป็นตำรวจเกณฑ์เป็นเวลาทั้งหมด 2 ปี ทุกคน โดยไม่มีเหตุลดหย่อนเวลาเหมือนทหาร แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีก็ตรงที่ เมื่อเป็นตำรวจเกณฑ์ครบ 2 ปี จะมีสิทธิได้เข้ารับราชการตำรวจชั้นประทวน
โดยในระหว่างนี้ ทางเลขานุการคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว เตรียมจะทำรายงานสรุปผลการประชุมและการศึกษาผลกระทบต่อทางคณะอนุกรรมการ หลังจากนั้นก็จะมีการยื่นต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทั้ง 7 ท่าน เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ก่อนวันที่ 24 มิ.ย. 58 ซึ่งคณะกรรมสิทธิมนุษยชแห่งชาติจะหมดวาระ
ซึ่งถ้าหาก จขกท. ได้รับรายงานฉบับเต็มมาแล้ว จะนำเผยแพร่กันให้ทราบต่อไป
วันนี้ จขกท. จะมาสรุปผลการประชุม อนุกรรมการ กสม. เรื่อง การยกเลิกเกณฑ์ทหาร
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 58 ทางคณะอนุกรรมการด้านการปรับปรุงกฎหมายและเสนอแนะนโยบาย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้มีการเรียนเชิญ 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาให้ความเห็นในเรื่องนี้ แต่วันนี้มีเพียง 3 หน่วยงาน ขาดเพียงกองการอาสารักษาดินแดนที่ไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุม
โดยในที่ประชุม ตัวแทนจากกรมสรรพวุธและกำลังทหาร และสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ก็มีความเห็นว่าควรจะให้ทหารเกณฑ์นั้นมาจากวิธีการสมัคร แต่มันติดปัญหาอยู่ที่การสมัครนั้นอาจจะได้กำลังพลไม่เพียงพอต่อความต้องการของกองทัพ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการจับฉลากเพื่อให้มีกำลังพลเพียงพอต่อความต้องการ
ส่วนเรื่องเกณฑ์ตำรวจนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาข้อกฎหมายในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปรยๆ มาว่า ในการเกณฑ์ตำรวจนั้นจะใช้วิธีการสมัครเป็นหลัก แต่ถ้าหากยังได้กำลังพลไม่เพียงพอ ก็อาจต้องใช้วิธีการจับฉลาก แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้น คนที่จะมาเป็นตำรวจเกณฑ์นั้น ไม่ว่าจะมาจากการสมัคร จับได้ใบแดง มีวุฒิการศึกษาอะไร ก็จะต้องเป็นตำรวจเกณฑ์เป็นเวลาทั้งหมด 2 ปี ทุกคน โดยไม่มีเหตุลดหย่อนเวลาเหมือนทหาร แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีก็ตรงที่ เมื่อเป็นตำรวจเกณฑ์ครบ 2 ปี จะมีสิทธิได้เข้ารับราชการตำรวจชั้นประทวน
โดยในระหว่างนี้ ทางเลขานุการคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว เตรียมจะทำรายงานสรุปผลการประชุมและการศึกษาผลกระทบต่อทางคณะอนุกรรมการ หลังจากนั้นก็จะมีการยื่นต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทั้ง 7 ท่าน เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ก่อนวันที่ 24 มิ.ย. 58 ซึ่งคณะกรรมสิทธิมนุษยชแห่งชาติจะหมดวาระ
ซึ่งถ้าหาก จขกท. ได้รับรายงานฉบับเต็มมาแล้ว จะนำเผยแพร่กันให้ทราบต่อไป