Edit เพิ่มนะครับ ไม่ได้ edit อะไรออก
สิ่งที่ผมเล่า เป็นความข้างเดียวจากฝั่งผม ดังนั้นมันจึงเป็น ราโชมอน ของผม
ซึ่งมันทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียหาย จึงได้ขอ อภัยอีกครั้งมา ณ ที่นี้
และได้ copy ความเห็นที่ 20 มาให้ได้อ่าน ต่อท้ายใน ต้นกระทู้ครับ
============================================================
TL DR version
เป็นเพื่อนของเพื่อนรู้จักกันทาง LINE ผมอยู่เชียงใหม่ เธออยู่ กทม
ผมมีโอกาสไป กทม เลยนัดทานข้าว แต่วันนั้นตังน้อย ถามเธออเมริกันแชร์
เธอออกปากเลี้ยง ผมไม่ ok แต่เธอยืนยัน ก็เลยไม่ขัด หลังจากวันนั้นเธอก็ตีตัวออกห่าง
มารู้เอาทีหลัง เธอบอกว่า ผู้ชายอะไรยอมให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าว ไม่อยากคุยด้วยแล้ว
Long Version
ใน group Chat ของ เหล่าวิดวะคอม รุ่นหนึ่ง เพื่อนที่เรียนต่อโทเค้าก็แปะ contact เพื่อเค้าคนนึงมาให้ในห้อง บอกว่าคนนี้โสด ลอง add ไปคุยสิ อยากให้เค้าได้เจอผู้ชายดีๆ (หนุ่มๆ วิดวะคอม nerd เชื่องๆ ตรงไปตรงมา ไม่เป็นภัยต่อสาวๆ) ผมก็เลยลองตัดสินใจ add ไปคุย ดูช่วงแรกๆ ก็คุยแบบเพื่อนทำความรู้จักเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พักหลังๆ เริ่มคุยกันบ่อยทุกวัน เค้าทักมาก่อนบ้าง ผมทักไปบ้าง จนวันนึงก็ผมบอกว่า สนใจเค้าอยู่ แต่ถ้าจะเป็น long range relation เค้าจะ ok ไหม
เค้าก็บอกว่ามันแปลกอยู่นะ เจอกันก็ไม่เคยเจอ แต่จู่ๆ มาบอกว่าสนใจเค้า เค้าก็บอกว่าเรายังไม่รู้จักกันดีรึเปล่า ผมก็เลยบอกว่าถ้างั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมละกันที่จะหาโอกาสไปเจอเค้าตัวเป็นๆ กันด้วย ระยะทางขนาดนี้ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่สำหรับผมอยู่แล้ว แล้วก็คุยกันเรื่อยๆ จนวันนึงผมสอบข้อเขียนของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งผ่าน และได้ไปต่อ รอบ ยื่นเอกสาร ทดสอบสุขภาพจิต ตรวจร่างกาย และสอบสัมภาษน์ ต้องไปอยู่ กทม หลายวันก็เลยทักเค้าไปว่าผมอยู่ กทม หลายวัน เราพอจะมีเวลาว่างนัดทานข้าวทำความรู้จักกันเพิ่มบ้างไหมหลังจากให้ตารางเวลาผมไป เค้าก็เลยเลือกมาเป็น "พรุ่งนี้เย็นได้มั๊ยคะ" ซึ่งผมก็ ok
วันนั้นเอาเข้าจริงๆ แล้ววันค่อนข้างกระชั้นชิดแถมยังเป็นวันแรกๆ ที่ผมไปอยู่ กทม ต้อง control ค่าใช้จ่ายให้งบที่ตั้งไว้มันพอใช้ถึงวันท้ายๆ เลยไม่ได้พกเงินไปเยอะ พอไปถึงที่ร้านที่เค้าแนะนำมา เห็นเมนูแล้วก็เริ่มหวั่นๆ ราคาเอาเรื่องอยู่ เลยพยายามสั่งอะไรที่มันไม่แพง ครั้นจะเลี้ยงเค้ามื้อนี้ ตังในกระเป๋ามันก็ไม่พอ เลยถามเค้าไปตรงๆ ว่ามื้อนี้ อเมริกันแชร์ ok มั๊ย เค้า ก็ตอบมาว่า ไม่เป็นไรมื้อนี้เค้าเลี้ยงก็ได้ ผมไม่ ok ก็บอกว่าแชร์ดีกว่าน่า เค้าบอกว่าผมมาไกลเค้าเลี้ยงเอง ในเมื่อเค้ายืนกรานผมเลยถามเค้าไปว่าแน่ใจนะ เค้าก็ตอบว่าแน่ใจ ผมก็เคารพในการตัดสินใจของเค้าก็เลยตามนั้น ก็ทานข้าวคุยกันสนุกอยู่ ตอนกลับผมจะกลับรถใต้ดิน เค้าก็ชวนไปด้วยกันทางกลับบ้านเค้าผ่านรถใต้ดิน แล้วก็แยกย้ายกันที่สถานี
หลังจากที่ผมกลับถึงที่พัก เค้าก็ LINE ถามว่าถึงที่พักรึยัง เสร็จแล้วก็คุยกันต่อเหมือนทุกที แต่หลังจากนั้น 2-3 วัน ผมก็เริ่มรู้สึกว่า เค้าทำตัวห่างเหินทักไม่ค่อยตอบ หรือ เค้าแค่อาจจะงานยุ่งก็เป็นได้ จนกระทั่งวันท้ายๆ ก่อนกลับ งบที่ตั้งไว้เหลือพอสมควร เลยชวนเค้าไปทานข้าวกันอีกรอบ รอบนี้ขอเลี้ยงเค้าตอบแทนวันก่อนด้วย แต่เค้าก็ปฏิเสธ บอกว่าไม่ว่าง หลังจากนั้นทุกทีที่ทัก LINE ไปก็เริ่มรู้สึกมากขึ้นว่าเหมือนเค้าไม่ค่อยอยากคุยด้วยเท่าไหร่ จนเมื่อผมกลับมาเชียงใหม่ได้สักพัก ก็ยังทักเค้าไปอยู่เรื่อยๆ จนวันนึงก็ถามเค้าไปว่าทำไมพักหลังๆ นี้คุยไม่เหมือนทุกทีเลย ไม่ประทับใจอะไรผมรึเปล่า
เค้าก็ถามผมกลับมาว่า แล้วผมทำอะไรล่ะ ผมก็บอกเค้าไปว่าผมไม่ทราบจริงๆ ครับ (ไม่เข้าใจว่าเป็น Stereo type ของสาวๆ หรือเปล่า เวลาเราเห็นเค้าผิดสังเกตุ คิดว่าเราลงทำอะไรที่ไม่ถูกใจเค้าสักอย่าง พอถามไปเค้าจะถามกลับมาแบบนี้ "แล้วเธอทำอะไรล่ะ" คือ... ถ้าผมรู้ว่าคนที่ผมชอบ ไม่ชอบที่จะถูกปฏิบัติอย่างไร ผมจะจงใจทำแบบนั้นให้เค้าไหม? ก็ไม่ครับ แล้วบางคนย้ำกลับมาอีก ของแค่นี้น่าจะรู้ ... ไม่บอกว่าไม่ชอบอะไร แต่คาดหวังว่าผมจะทุกอย่างถูกใจรึครับ ผมไม่สามารถขนาดนั้นหรอกครับ) เมื่อผมยืนยันกับเค้าว่าผมไม่ทราบจริงๆ ว่าเค้าไม่ชอบใจอะไร เค้าก็จัดมาหนึ่งชุด "ถามอเมริกันแชร์ แบบนั้นไม่คิดบ้างหรือว่ามันน่าเกลียด ในเมื่อไม่เต็มใจจ่ายเค้าจ่ายเองก็ได้เงินแค่นี้ไม่ได้เป็นประเด็นสำหรับเค้า เป็นผู้ชายอะไรยอมให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าว เค้าไม่อยากคุยด้วยแล้ว"
วินาทีนั้น รู้สึกจุกครับ อยากจะพิมพ์บอกเค้าไปว่า ที่ถามไม่ได้เพราะว่าไม่เต็มใจจ่าย แต่เพราะว่าตังในกระเป๋าวันนั้นไม่พอเลี้ยงเค้า แต่ในใจผมบอกว่า พิมพ์อะไรไปก็เหมือนแก้ตัว ผมก็เลยบอกเค้าไปว่า สำหรับผมมันเป็นเรื่องปกติที่จะอเมริกันแชร์ค่าข้าว และเป็นเรื่องธรรมดาที่ถามกัน แต่เมื่อมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ยอมรับในความผิดพลาด และถ้าสิ่งนี้เป็นผลที่ตามมาก็ยินดียอมรับมันครับ เมื่อเค้าไม่อยากคุยด้วยแล้วผมก็เคารพในการตัดสินใจของเค้า เค้าก็บอกว่า ดีแล้วที่ถามเพราะเค้าก็ไม่รู้จะบอกผมยังไงว่ามันไม่ ok จะได้ไม่ต้องไปทำกับคนอื่น ผมก็ขอบคุณเค้า แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยครับ
หลังจากวันนั้นในเสียงในหัวก็มีเข้ามาเป็นพักๆ
"เพราะฉันจนใช่ไหม ถ้าวันนั้นฉันมีตังมากกว่านี้มันก็คงไม่จบแบบนี้ แล้วไอ้พวกผู้ชายแมงดา มันทำยังไงเกาะผ้าถุงผู้หญิงกิน ได้ล่ะ"
"มันผิดมากใช่ไหมที่นัดทานข้าว จะได้รู้จักกันมากขึ้น แล้วเอ่ยปากถามอเมริกันแชร์"
"เราก็ตั้งใจ และแคร์ความรู้สึก แต่ทำไมไม่มีใครมองเห็นและให้โอกาสบ้าง ทีบางคนกลับไปให้โอกาสผู้ชายที่ไม่เคยแคร์ความรู้สึกเค้าเลยล่ะ?"
ได้แต่เช็ดน้ำตา แล้วยอมรับผลสิ่งที่มันเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ เรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อพัฒนาตัวเอง
============================================================
Copy มาจาก ความเห็นที่ 20
============================================================
สวัสดีค่ะ เราเป็นเพื่อนของผู้หญิงคนที่ จขกท. กล่าวถึง เพื่อนมาปรึกษาเราและเพื่อนคนอื่นๆ เพื่อถามความคิดเห็น เพราะรู้สึกไม่แน่ใจว่าจะเอายังไงดี เลยมีโอกาสได้ฟังในส่วนที่คุณไม่ได้พูดถึงข้างต้น รวมถึงได้เห็นแคปหน้าจอที่คุณและเพื่อนเราคุยกันหลังจากที่เพื่อนเห็นกระทู้นี้
จขกท. เล่าไม่หมดนี่คะ ใจจริงเราไม่ได้อยากเข้ามาตอบอะไร แต่อ่านจนครบและรู้สึกว่าทุกคนควรมีโอกาสได้ฟังความ 2 ข้างก่อนตัดสินใจหรือให้คอมเมนต์ใดๆ ก็ตาม
เรื่องนัด > คุณเป็นคนนัดเพื่อนเราเองนะคะ
เรื่องเลือกร้าน > คุณบอกอยากทานเสต็ก มีร้านอะไรแนะนำบ้างในที่ที่คุณนัดกัน เพื่อนเราให้ตัวเลือกเท่าที่มี แต่คุณเป็นคนนัดร้านนั้นเอง ซึ่งคุณได้มีการไปทำการบ้านหาข้อมูลมาแล้วว่าร้านเป็นยังไง ย้ำนะคะว่าคุณเลือกร้าน ไม่ใช่เพื่อนเราเลือก
เรื่องแชร์ค่าอาหาร > เพื่อนเราไม่ได้หวังว่าคุณจะต้องเลี้ยง นางเป็นคนแฟร์ๆ ค่ะ กะแชร์อยู่แล้ว แต่ตั้งแต่คุณเข้าร้าน คุณก็บอกประมาณว่า อาหารร้านนี้ราคาแพงเหมือนกัน ขอเปลี่ยนจากจากสเต็กเป็นเบอร์เกอร์ เพื่อนเราก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วคุณก็บอกว่ามื้อนี้เราจะอเมริกันแชร์หรืออะไรดีครับ เพื่อนเราก็อึ้งไป และคิดว่าคุณคงไม่โอเคกับราคาร้านนี้และคงมี concern เรื่องราคา เพื่อนเราเลยตัดปัญหาด้วยการขอเลี้ยง ซึ่งคุณก็โอเค เพื่อนเราไม่ได้ลองใจนะคะ แต่ว่ารู้สึกไม่โอเคเลย เพราะปกติไม่มีผู้ชายพูดเรื่องขออเมริกันแชร์ โดยเฉพาะในเดทแรกที่ผู้ชายขอนัด อีกครั้งค่ะ เพื่อนเราพร้อมจะแชร์ค่ะ
เรื่องนี้คุณลืมค่ะ > เพื่อนเราชอบทาน After You ซึ่งตอนนัดก็นัดกันว่าจะทานด้วย หลังทานข้าวเสร็จก็เลยไปทานขนมกันต่อ แต่ตอนที่จะจ่ายเงิน คุณยืนเฉยๆ นี่คะ ไม่ได้มีปฎิกิริยาที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา หรือออกตัวจะแชร์ด้วยซ้ำ
หลังจากเพื่อนมาปรึกษาว่ารู้สึกไม่โอเคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อนๆ แนะนำให้นางบอกคุณตรงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เผื่อครั้งหน้าคุณจะได้ไม่ไปทำแบบนี้อีก แต่สิ่งที่คุณตอบมาคือขอบคุณ และบอกว่าในโลกของผมอเมริกันแชร์คือเรื่องปกติ แต่คุณลืมไปรึเปล่าคะ รอบนี้ทั้งอาหารและขนม เพื่อนเราเป็นคนเลี้ยงคุณ
สิ่งสุดท้ายที่อยากจะบอกคุณนะคะ การที่คุณเอามาโพสถามความคิดเห็นแต่บอกไม่ครบนี่โคตรไม่แมนเลยค่ะ จริงๆ ไม่แมนตั้งแต่ร้านขนมที่คุณไม่ได้เอ่ยปากขอ "อเมริกันแชร์" เหมือนร้านอาหาร แต่คุณไม่หยิบเงินออกมาด้วยซ้ำ
หวังว่า จขกท. จะเคลียร์และจบนะคะ
ปล. เพื่อนไม่ได้มี concern เรื่องหน้าตาของคุณนะคะ แต่อุปนิสัยคงไปด้วยกันไม่ได้
============================================================
เพื่อนๆ พี่น้อง มีความเห็นกับเคสนี้อย่างไรกันบ้างครับ
============================================================
ขอบคุณ และ ดีใจ ที่เพื่อนฝ่ายหญิงเข้ามาตอบ ในความเห็นที่ 20 ครับ เพราะถ้าไม่มาผมก็คงยังตัดพ้อน้อยใจต่อไป
แต่ตอนนี้ เห็นชัดเจนแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง และน้อมรับผลที่ตามมาครับ
ถึงตอนที่ edit ข้อความนี้ผมอ่านทุก comment จนถึง ประมาณ 300 ต้นๆ นะครับ ขอบคุณ ในทุกๆ comment ครับ
ตอบแค่บางข้อสงสัยนะครับ
วันนั้นเงินในกระเป๋า มีอยู่เท่าไหร่? 1,236 บาทครับ
Credit Card ทำไมไม่พก? พกครับ แต่วันนั้นยอดเงินหมุนยังไม่เข้า วงเงินเหลือแค่สองร้อย
ทำไมถึงยอมให้ผู้หญิงเลี้ยงขนมด้วย? เรียกว่าอีเดียทก็ว่าได้ครับ เข้าใจเอาเองว่า ที่เค้าบอกจะเลี้ยงนั้นรวมขนมด้วย
เมื่อชัดเจนแล้วว่า เราทำผิดพลาดตรงไหน ก็ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง และยินดีรับผลที่ตามมาครับ
ขอโทษ อีกครั้ง กับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ขอบคุณ ทุกๆ ความเห็น
และขอบคุณเหล่าเพื่อนๆ ของฝ่ายหญิงที่เข้ามาให้ได้รับรุ้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ด้าน ครับ
นัดสาวทานข้าวครั้งแรก ก็จบเห่เพราะถามเธอ อเมริกันแชร์
สิ่งที่ผมเล่า เป็นความข้างเดียวจากฝั่งผม ดังนั้นมันจึงเป็น ราโชมอน ของผม
ซึ่งมันทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียหาย จึงได้ขอ อภัยอีกครั้งมา ณ ที่นี้
และได้ copy ความเห็นที่ 20 มาให้ได้อ่าน ต่อท้ายใน ต้นกระทู้ครับ
============================================================
TL DR version
เป็นเพื่อนของเพื่อนรู้จักกันทาง LINE ผมอยู่เชียงใหม่ เธออยู่ กทม
ผมมีโอกาสไป กทม เลยนัดทานข้าว แต่วันนั้นตังน้อย ถามเธออเมริกันแชร์
เธอออกปากเลี้ยง ผมไม่ ok แต่เธอยืนยัน ก็เลยไม่ขัด หลังจากวันนั้นเธอก็ตีตัวออกห่าง
มารู้เอาทีหลัง เธอบอกว่า ผู้ชายอะไรยอมให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าว ไม่อยากคุยด้วยแล้ว
Long Version
ใน group Chat ของ เหล่าวิดวะคอม รุ่นหนึ่ง เพื่อนที่เรียนต่อโทเค้าก็แปะ contact เพื่อเค้าคนนึงมาให้ในห้อง บอกว่าคนนี้โสด ลอง add ไปคุยสิ อยากให้เค้าได้เจอผู้ชายดีๆ (หนุ่มๆ วิดวะคอม nerd เชื่องๆ ตรงไปตรงมา ไม่เป็นภัยต่อสาวๆ) ผมก็เลยลองตัดสินใจ add ไปคุย ดูช่วงแรกๆ ก็คุยแบบเพื่อนทำความรู้จักเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พักหลังๆ เริ่มคุยกันบ่อยทุกวัน เค้าทักมาก่อนบ้าง ผมทักไปบ้าง จนวันนึงก็ผมบอกว่า สนใจเค้าอยู่ แต่ถ้าจะเป็น long range relation เค้าจะ ok ไหม
เค้าก็บอกว่ามันแปลกอยู่นะ เจอกันก็ไม่เคยเจอ แต่จู่ๆ มาบอกว่าสนใจเค้า เค้าก็บอกว่าเรายังไม่รู้จักกันดีรึเปล่า ผมก็เลยบอกว่าถ้างั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมละกันที่จะหาโอกาสไปเจอเค้าตัวเป็นๆ กันด้วย ระยะทางขนาดนี้ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่สำหรับผมอยู่แล้ว แล้วก็คุยกันเรื่อยๆ จนวันนึงผมสอบข้อเขียนของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งผ่าน และได้ไปต่อ รอบ ยื่นเอกสาร ทดสอบสุขภาพจิต ตรวจร่างกาย และสอบสัมภาษน์ ต้องไปอยู่ กทม หลายวันก็เลยทักเค้าไปว่าผมอยู่ กทม หลายวัน เราพอจะมีเวลาว่างนัดทานข้าวทำความรู้จักกันเพิ่มบ้างไหมหลังจากให้ตารางเวลาผมไป เค้าก็เลยเลือกมาเป็น "พรุ่งนี้เย็นได้มั๊ยคะ" ซึ่งผมก็ ok
วันนั้นเอาเข้าจริงๆ แล้ววันค่อนข้างกระชั้นชิดแถมยังเป็นวันแรกๆ ที่ผมไปอยู่ กทม ต้อง control ค่าใช้จ่ายให้งบที่ตั้งไว้มันพอใช้ถึงวันท้ายๆ เลยไม่ได้พกเงินไปเยอะ พอไปถึงที่ร้านที่เค้าแนะนำมา เห็นเมนูแล้วก็เริ่มหวั่นๆ ราคาเอาเรื่องอยู่ เลยพยายามสั่งอะไรที่มันไม่แพง ครั้นจะเลี้ยงเค้ามื้อนี้ ตังในกระเป๋ามันก็ไม่พอ เลยถามเค้าไปตรงๆ ว่ามื้อนี้ อเมริกันแชร์ ok มั๊ย เค้า ก็ตอบมาว่า ไม่เป็นไรมื้อนี้เค้าเลี้ยงก็ได้ ผมไม่ ok ก็บอกว่าแชร์ดีกว่าน่า เค้าบอกว่าผมมาไกลเค้าเลี้ยงเอง ในเมื่อเค้ายืนกรานผมเลยถามเค้าไปว่าแน่ใจนะ เค้าก็ตอบว่าแน่ใจ ผมก็เคารพในการตัดสินใจของเค้าก็เลยตามนั้น ก็ทานข้าวคุยกันสนุกอยู่ ตอนกลับผมจะกลับรถใต้ดิน เค้าก็ชวนไปด้วยกันทางกลับบ้านเค้าผ่านรถใต้ดิน แล้วก็แยกย้ายกันที่สถานี
หลังจากที่ผมกลับถึงที่พัก เค้าก็ LINE ถามว่าถึงที่พักรึยัง เสร็จแล้วก็คุยกันต่อเหมือนทุกที แต่หลังจากนั้น 2-3 วัน ผมก็เริ่มรู้สึกว่า เค้าทำตัวห่างเหินทักไม่ค่อยตอบ หรือ เค้าแค่อาจจะงานยุ่งก็เป็นได้ จนกระทั่งวันท้ายๆ ก่อนกลับ งบที่ตั้งไว้เหลือพอสมควร เลยชวนเค้าไปทานข้าวกันอีกรอบ รอบนี้ขอเลี้ยงเค้าตอบแทนวันก่อนด้วย แต่เค้าก็ปฏิเสธ บอกว่าไม่ว่าง หลังจากนั้นทุกทีที่ทัก LINE ไปก็เริ่มรู้สึกมากขึ้นว่าเหมือนเค้าไม่ค่อยอยากคุยด้วยเท่าไหร่ จนเมื่อผมกลับมาเชียงใหม่ได้สักพัก ก็ยังทักเค้าไปอยู่เรื่อยๆ จนวันนึงก็ถามเค้าไปว่าทำไมพักหลังๆ นี้คุยไม่เหมือนทุกทีเลย ไม่ประทับใจอะไรผมรึเปล่า
เค้าก็ถามผมกลับมาว่า แล้วผมทำอะไรล่ะ ผมก็บอกเค้าไปว่าผมไม่ทราบจริงๆ ครับ (ไม่เข้าใจว่าเป็น Stereo type ของสาวๆ หรือเปล่า เวลาเราเห็นเค้าผิดสังเกตุ คิดว่าเราลงทำอะไรที่ไม่ถูกใจเค้าสักอย่าง พอถามไปเค้าจะถามกลับมาแบบนี้ "แล้วเธอทำอะไรล่ะ" คือ... ถ้าผมรู้ว่าคนที่ผมชอบ ไม่ชอบที่จะถูกปฏิบัติอย่างไร ผมจะจงใจทำแบบนั้นให้เค้าไหม? ก็ไม่ครับ แล้วบางคนย้ำกลับมาอีก ของแค่นี้น่าจะรู้ ... ไม่บอกว่าไม่ชอบอะไร แต่คาดหวังว่าผมจะทุกอย่างถูกใจรึครับ ผมไม่สามารถขนาดนั้นหรอกครับ) เมื่อผมยืนยันกับเค้าว่าผมไม่ทราบจริงๆ ว่าเค้าไม่ชอบใจอะไร เค้าก็จัดมาหนึ่งชุด "ถามอเมริกันแชร์ แบบนั้นไม่คิดบ้างหรือว่ามันน่าเกลียด ในเมื่อไม่เต็มใจจ่ายเค้าจ่ายเองก็ได้เงินแค่นี้ไม่ได้เป็นประเด็นสำหรับเค้า เป็นผู้ชายอะไรยอมให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าว เค้าไม่อยากคุยด้วยแล้ว"
วินาทีนั้น รู้สึกจุกครับ อยากจะพิมพ์บอกเค้าไปว่า ที่ถามไม่ได้เพราะว่าไม่เต็มใจจ่าย แต่เพราะว่าตังในกระเป๋าวันนั้นไม่พอเลี้ยงเค้า แต่ในใจผมบอกว่า พิมพ์อะไรไปก็เหมือนแก้ตัว ผมก็เลยบอกเค้าไปว่า สำหรับผมมันเป็นเรื่องปกติที่จะอเมริกันแชร์ค่าข้าว และเป็นเรื่องธรรมดาที่ถามกัน แต่เมื่อมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ยอมรับในความผิดพลาด และถ้าสิ่งนี้เป็นผลที่ตามมาก็ยินดียอมรับมันครับ เมื่อเค้าไม่อยากคุยด้วยแล้วผมก็เคารพในการตัดสินใจของเค้า เค้าก็บอกว่า ดีแล้วที่ถามเพราะเค้าก็ไม่รู้จะบอกผมยังไงว่ามันไม่ ok จะได้ไม่ต้องไปทำกับคนอื่น ผมก็ขอบคุณเค้า แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยครับ
หลังจากวันนั้นในเสียงในหัวก็มีเข้ามาเป็นพักๆ
"เพราะฉันจนใช่ไหม ถ้าวันนั้นฉันมีตังมากกว่านี้มันก็คงไม่จบแบบนี้ แล้วไอ้พวกผู้ชายแมงดา มันทำยังไงเกาะผ้าถุงผู้หญิงกิน ได้ล่ะ"
"มันผิดมากใช่ไหมที่นัดทานข้าว จะได้รู้จักกันมากขึ้น แล้วเอ่ยปากถามอเมริกันแชร์"
"เราก็ตั้งใจ และแคร์ความรู้สึก แต่ทำไมไม่มีใครมองเห็นและให้โอกาสบ้าง ทีบางคนกลับไปให้โอกาสผู้ชายที่ไม่เคยแคร์ความรู้สึกเค้าเลยล่ะ?"
ได้แต่เช็ดน้ำตา แล้วยอมรับผลสิ่งที่มันเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ เรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อพัฒนาตัวเอง
============================================================
Copy มาจาก ความเห็นที่ 20
============================================================
สวัสดีค่ะ เราเป็นเพื่อนของผู้หญิงคนที่ จขกท. กล่าวถึง เพื่อนมาปรึกษาเราและเพื่อนคนอื่นๆ เพื่อถามความคิดเห็น เพราะรู้สึกไม่แน่ใจว่าจะเอายังไงดี เลยมีโอกาสได้ฟังในส่วนที่คุณไม่ได้พูดถึงข้างต้น รวมถึงได้เห็นแคปหน้าจอที่คุณและเพื่อนเราคุยกันหลังจากที่เพื่อนเห็นกระทู้นี้
จขกท. เล่าไม่หมดนี่คะ ใจจริงเราไม่ได้อยากเข้ามาตอบอะไร แต่อ่านจนครบและรู้สึกว่าทุกคนควรมีโอกาสได้ฟังความ 2 ข้างก่อนตัดสินใจหรือให้คอมเมนต์ใดๆ ก็ตาม
เรื่องนัด > คุณเป็นคนนัดเพื่อนเราเองนะคะ
เรื่องเลือกร้าน > คุณบอกอยากทานเสต็ก มีร้านอะไรแนะนำบ้างในที่ที่คุณนัดกัน เพื่อนเราให้ตัวเลือกเท่าที่มี แต่คุณเป็นคนนัดร้านนั้นเอง ซึ่งคุณได้มีการไปทำการบ้านหาข้อมูลมาแล้วว่าร้านเป็นยังไง ย้ำนะคะว่าคุณเลือกร้าน ไม่ใช่เพื่อนเราเลือก
เรื่องแชร์ค่าอาหาร > เพื่อนเราไม่ได้หวังว่าคุณจะต้องเลี้ยง นางเป็นคนแฟร์ๆ ค่ะ กะแชร์อยู่แล้ว แต่ตั้งแต่คุณเข้าร้าน คุณก็บอกประมาณว่า อาหารร้านนี้ราคาแพงเหมือนกัน ขอเปลี่ยนจากจากสเต็กเป็นเบอร์เกอร์ เพื่อนเราก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วคุณก็บอกว่ามื้อนี้เราจะอเมริกันแชร์หรืออะไรดีครับ เพื่อนเราก็อึ้งไป และคิดว่าคุณคงไม่โอเคกับราคาร้านนี้และคงมี concern เรื่องราคา เพื่อนเราเลยตัดปัญหาด้วยการขอเลี้ยง ซึ่งคุณก็โอเค เพื่อนเราไม่ได้ลองใจนะคะ แต่ว่ารู้สึกไม่โอเคเลย เพราะปกติไม่มีผู้ชายพูดเรื่องขออเมริกันแชร์ โดยเฉพาะในเดทแรกที่ผู้ชายขอนัด อีกครั้งค่ะ เพื่อนเราพร้อมจะแชร์ค่ะ
เรื่องนี้คุณลืมค่ะ > เพื่อนเราชอบทาน After You ซึ่งตอนนัดก็นัดกันว่าจะทานด้วย หลังทานข้าวเสร็จก็เลยไปทานขนมกันต่อ แต่ตอนที่จะจ่ายเงิน คุณยืนเฉยๆ นี่คะ ไม่ได้มีปฎิกิริยาที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา หรือออกตัวจะแชร์ด้วยซ้ำ
หลังจากเพื่อนมาปรึกษาว่ารู้สึกไม่โอเคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อนๆ แนะนำให้นางบอกคุณตรงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เผื่อครั้งหน้าคุณจะได้ไม่ไปทำแบบนี้อีก แต่สิ่งที่คุณตอบมาคือขอบคุณ และบอกว่าในโลกของผมอเมริกันแชร์คือเรื่องปกติ แต่คุณลืมไปรึเปล่าคะ รอบนี้ทั้งอาหารและขนม เพื่อนเราเป็นคนเลี้ยงคุณ
สิ่งสุดท้ายที่อยากจะบอกคุณนะคะ การที่คุณเอามาโพสถามความคิดเห็นแต่บอกไม่ครบนี่โคตรไม่แมนเลยค่ะ จริงๆ ไม่แมนตั้งแต่ร้านขนมที่คุณไม่ได้เอ่ยปากขอ "อเมริกันแชร์" เหมือนร้านอาหาร แต่คุณไม่หยิบเงินออกมาด้วยซ้ำ
หวังว่า จขกท. จะเคลียร์และจบนะคะ
ปล. เพื่อนไม่ได้มี concern เรื่องหน้าตาของคุณนะคะ แต่อุปนิสัยคงไปด้วยกันไม่ได้
============================================================
เพื่อนๆ พี่น้อง มีความเห็นกับเคสนี้อย่างไรกันบ้างครับ
============================================================
ขอบคุณ และ ดีใจ ที่เพื่อนฝ่ายหญิงเข้ามาตอบ ในความเห็นที่ 20 ครับ เพราะถ้าไม่มาผมก็คงยังตัดพ้อน้อยใจต่อไป
แต่ตอนนี้ เห็นชัดเจนแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง และน้อมรับผลที่ตามมาครับ
ถึงตอนที่ edit ข้อความนี้ผมอ่านทุก comment จนถึง ประมาณ 300 ต้นๆ นะครับ ขอบคุณ ในทุกๆ comment ครับ
ตอบแค่บางข้อสงสัยนะครับ
วันนั้นเงินในกระเป๋า มีอยู่เท่าไหร่? 1,236 บาทครับ
Credit Card ทำไมไม่พก? พกครับ แต่วันนั้นยอดเงินหมุนยังไม่เข้า วงเงินเหลือแค่สองร้อย
ทำไมถึงยอมให้ผู้หญิงเลี้ยงขนมด้วย? เรียกว่าอีเดียทก็ว่าได้ครับ เข้าใจเอาเองว่า ที่เค้าบอกจะเลี้ยงนั้นรวมขนมด้วย
เมื่อชัดเจนแล้วว่า เราทำผิดพลาดตรงไหน ก็ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง และยินดีรับผลที่ตามมาครับ
ขอโทษ อีกครั้ง กับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ขอบคุณ ทุกๆ ความเห็น
และขอบคุณเหล่าเพื่อนๆ ของฝ่ายหญิงที่เข้ามาให้ได้รับรุ้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ด้าน ครับ