สวัสดีครับ วันนี้จะมาแชร์เรื่องของเราที่เคยเกิดขึ้นที่โรงเรียนตอนประถมและมัธยมต้นครับ
ตอนที่ผมอยู่ประถมและมัธยมต้นบอกเลยผมกับน้องชายฝาแฝด เป็นที่ไม่กล้าแสดงออก เรียนไม่เก่ง(โง่มาก) ผมจำได้เลย ตอนอยู่ป1 คุณครูที่โรงเรียนประถม(ชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดพะเยา) ด่าผมว่าโง่ เหมือนครูเขาไม่ใจเย็นกับเราเลย ยิ่งทำให้เราคิดว่าเออ กูโง่ หลังจากนั้นผมก็ย้ายมาเรียนที่จังหวัดแพร่เพราะพ่อกับแม่หย่ากัน มาเรียนป.2 ก็เหมือนจะไปได้สวยนะ แต่ ผมเรียนไม่ค่อยเก่งอ่ะครับ แล้วเป็นคนไม่ค่อยกล้าแสดงออกไม่รู้จะเข้าหาเพื่อนยังไง เลยไม่ค่อยมีเพื่อนคือ เพื่นอน่ะรู้จักแต่ไม่มีกลุ่มอ่ะ เดินไปไหนมาไหนกันแค่สองคนโต๋เต๋ไปมาประจวบเหมาะคุณป้าเป็นคุณครูที่โรงเรียนมัธยมรู้จักกับครูที่โรงเรียนนี้เพื่อนๆเลยหมั่นไส้ เพราะครูพยายามพูดถึงป้าเราบ่อยๆ เราก็เอิ่มม..อย่าพูดมากสิแค่นนี้กูก็โดนหมั่นไส้มากพอแล้วนะ ก็เรียนมาเรื่อยๆพอครูเห็นว่าเราเรียนไม่เก่ง เออ เริ่มทับถมตรูแทนครูจะมองว่าเราทำอะไรไม่เป็นชอบพูดว่า โตไปทำอะไรไม่ได้หรอกคงใช้แต่เงินป้า นั่นนู่นี่ผมยิ่งซึมไม่รู้สิมันเหมือนเริ่มเห็นอะไรเป็นสีเทาไปหมดพอกลับบ้านมาแทนที่เราจะสบายใจ ป้าก็จะยกลูกคนนั้นหลานคนนี้มาเทียบเราว่าเขาเรียนเก่งนะ ทำไมเราเรียนไม่เก่ง สอบได้ที่โหล่ๆ ป้าอายเขานะเราสองคนยิ่งซึมเหมือนโลกนี้มีแค่สองคนอ่ะพึ่งใครไม่ได้เลย พ่อกับแม่เราหายไปประมาณปีหนึ่งมั้ง แม่ก็กลับมาเยี่ยมบ้าง สลับคนละอาทิตย์กับพ่อ แต่ตอนเด็กๆเราจะชอบแม่มากกว่า เพราะถ้าพ่อมาพ่อก็จะพูดเปรียบเทียบเราเหมือนกับป้า จะตั้งกฏนู่นนี่นั่น
พอเราขึ้นป.4 คุณครูที่โรงเรียนเขาเปิดสอนพิเศษป้าก็ส่งเราไปเรียนเพราะเขาบอกว่าดีแต่สำหรับเราไม่ดีเลยเพราะมันมีเด็กจากหลายโรงเรียนมารวมกันทั้งเด็กในเมืองและเด็กต่างโรงเรียนคุณครูที่นั่นเขาจะยกเยอเด็กเก่งแล้วทับถมเด็กอ่อนมีการจัดอันดับนู่นนี่นั่นคนที่เก่งๆก็จะได้ขนมฟรีบ้างน้ำฟรีบ้างแต่คนที่เรียนไม่เก่งต้องซื้ออ่ะ(เราเป็นหนึ่งในนั้น) พอเริ่มไม่ไหวก็ออกมา ป้าก็ด่าๆๆๆว่าๆๆๆ ทำไมเรียนไม่เก่งล่ะ เราก็ได้แต่เงียบบ้างเถียงบ้าง จนขึ้นป.5ครูจับเราแยกชั้นเรียนเรารู้สึกเหมือนในห้องเราเพื่อนไม่ชอบเราคอยแต่หาเรื่องแกล้งเรา แรกๆเข้ามาคุยดีมากที่แท้หลอกแกล้งเราสารพัดเราเริ่มเสียบุคลิกในตัวเอง เดินก้มหน้าก้มตา มองอะไรเหมือนเป็นสีเทาๆไม่ได้มองแล้วรู้สึกสว่าง จนจะจบป.6 พ่อก็มาบอก(กดดัน)ให้เราไปสอบที่โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดเพราะพ่อเคยเรียนที่นั่น ด้วยความที่เราไม่เก่งป้าก็คุมอ่านหนังสือ คณิตก็ไม่ได้ อังกฤษก็ไม่รอด เวลาท่องศัพท์ถ้าเราจำไม่ได้ ป้าก็จะด่าเรา "ทำไมโง่อย่างนี้" พูดซ้ำๆจนเราไม่อยากให้แกมาคุมเรา พอไปสอบแน่นอน สอบไม่ติดป้าก็เลยหอบเรากลับมาเรียนที่โรงเรียนประจำอำเภอที่ป้าสอนอยู่เราแปลกใจนะโรงเรียนของป้าให้เราเลือกเรียนสายวิทย์คณิต อังกฤษสังคม ภาษาไทยกับสังคม ตั้งแต่ม.ต้นเลย เราเลือกอังกฤษสังคมกับน้องเราป้าเห็นก็มาด่าเราว่าทำไมไม่เลือกวิทย์คณิต เราบอกว่าเราเรียนคณิตไม่ได้ ป้าก็บอกว่าอยู่กับคนเก่งๆจะได้เก่งๆ แต่เกรดและคะแนนเราไม่ถึง ป้าเลยใช้เส้นตัวเองเราก็ไปอยู่ในวิทย์คณิตจนได้ ทีนี้ละของจริงเลย เราสองคนพี่น้องได้อยู่แผนนี้แต่คนละห้องเราอยู่ม. 1/1 น้องเรา 1/2 แรกๆเลยเราไม่กล้าเข้าหาเพื่อนใหม่กลัวถูกแกล้งอีก แต่ก็ถือว่าเพื่นอที่นี้โอเค(แรกๆ) แต่พอเรียนไปได้ครึ่งเทอมด้วยความที่เราไม่เก่งแน่นอน คะแนนสอบก็งั้นๆได้ศูนย์ก็มีคณิต คนในห้องเริ่มนินทาเราว่าได้เข้ามาเพราะเส้นป้า ไม่เก่งจริง โง่ เราก็ว่าอะไรเค้าไม่ได้ก็มันจริง จะจบม.1เราจะศูนย์คณิตศาสตร์เพิ่มเติมดีที่ครูยังให้เราทำงานส่งเลยไม่ได้ลงในใบเกรดไป แต่มา ม.2นี่สิเพื่อนๆที่เข้ามาหาเราเริ่มตีตัวออกห่างเวลาทำงานกลุ่มไม่ใครเอา รอให้มันเหลือเราค่อยได้กลุ่มแถมคนที่เอาเราเข้ากลุ่มก็ไม่เต็มใจด้วย ป้าก็เริ่มว่าเรามากขึ้นกว่าเดิมเพราะครูที่สอนเราก็จะบอกป้าว่าเราเรียนไม่ได้นะ เราเริ่มรู้สึกหมดกำลังใจ ไม่ค่อยมีเพื่อนเดินคนเดียวจากเมื่อก่อนจะเดินกับน้องแต่พออยู่คนละห้อง เวลาไม่ตรงกัน เลยต้องเดินคนเดียว ก้มหน้าก้มตา เวลาเราทำอะไรผิดนิดๆหน่อยๆก็โดนว่าหนักกว่าคนอื่น ผมจำได้ตอนนั้นเป็นวิชาพละ เล่นบอลกัน ผมไม่มีกลุ่มเลยนั่งมองคนอื่นเล่นแล้วเพื่อนใช้เราเตะบอลไปให้เราเลยเตะ(แรงไปหน่อย) โดนหัวเพื่อนผู้หญิงเราตกใจมากกกก ก็ขอโทษเป็นการใหญ่แต่สิ่งหลังจากนั้นสิ โอ้โหแทบไม่ได้ผุดได้เกิด(ด่า) กลายเป็นว่าผมผิดใช่ผมผิดแต่ก็เราไม่ได้ตั้งใจเอาเราไปนินทาหาว่าเราตั้งใจอีกไปกันใหญ่เลย ท้ายเทอมคราวนี้โชคไม่เข้าข้างครูไม่ปราณีเราเหมือนม.1 ติดศูนย์ของแท้!!! โดนเป็นการใหญ่ทั้งป้า ทั้งพ่อทั้งแม่แล้วอีเพื่อนนั่นอีกมาซ้ำเติมเรา พอเขาบอกให้เราไปแก้ก็แก้ไป ขึ้นมาม.3 ผมเริ่มมองอะไรเป็นไปทางลบมากขึ้นเพื่อนบางคนย้ายไปห้องสองห้องสองมาห้องหนึ่ง ผมไม่มีเพื่อนเลยบอกตรงๆ เดินคนเดียวกินข้าวคนเดียวแทบไม่มีใครเห็นหัว ผมจำได้เลย งานกลุ่มวิชาประวัติศาสตร์ผมทำคนเดียวทั้งๆที่เป็นงานกลุ่มเพราะไม่มีใครยอมให้เข้ากลุ่มไม่ได้คะแนนอีกอ้าววว ซวยครูคนนั้นจะรอะไรล่ะฟ้องคุณป้าสิคุณป้าผมเป็นหัวหน้าในหมวดสังคมศึกษาอีกเออ เอากันเข้าไป โดนอีก ผมเริ่มรู้สึกเหมือนไม่มีจุดยืนของตัวเอง เคว้งคว้าง ไขว่ขว้าหาอะไรที่มันไม่มีอยู่จริงมโนไปเรื่อยเหมือนคนเป็นโรคจิตอ่ะครับ จนวันหนึ่งผมนั่งดูทีวีแล้วเห็นการประกวดร้องเพลงก็เลยสนใจเริ่มร้องบ้างอันที่จริงตอนนั้นสับสนทางเพศด้วยเหมือนตอนนั้นคิดว่าตัวเองจะเป็นกะเทยอ่ะ เลยร้องแต่เพลงผู้หญิงดัดเสียงให้เหมือนบรรลัยเลยทีเดียว ป้ายิ่งไม่ชอบไปใหญ่แกไม่ชอบอะไรแบบนี้ด้วยแกเป็นครูค่อนข้างโบราณพอเราบอกเราอยากเรียนร้องเพลงแกก็แอนตี้
"จะไปเต้นกินรำกินทำไม" ผมเข้าใจว่าแกหวังดีแต่เหมือนตอนนั้นเราไขว่ขว้าหาอะไรไม่ได้เลยยิ่งซึมแต่เหมือนหลังจากดูรายการนั้นมันเหมือนมีแสงสีทองๆส่องเข้ามาเลยคิดว่าจะไปทางนี้แหละก่อนอื่นเริ่มถามตัวเองเราเป็นอะไรกันแน่ว่ะ กะเทย ผู้ชายที่อยู่กับผู้หญิงมากไปหรือเกย์ฟ่ะ ตอนนั้นยังสรุปไม่ได้เลยช่างมัน ฝึกร้องเพลงอยู่ที่บ้านร้องเพลงผู้ชายบ้าง บวกกับทะเลาะกับป้าไปด้วยเกือบทุกวันอ่ะ ตอนนั้นเราคิดว่าสังคมที่โรงเรียนกว้างแล้วนะ จนได้ไปออดิชั่นร้องเพลงรายการหนึ่ง(กลัวมากไม่เคยประกวดอะไรเลยล่ะ) โอ้โห เปิดโลกเลยทีเดียว เหมือนกบออกจากกะลาเลยล่ะ เรามองคนอื่นแล้วนึกถึงตัวเองทำไมคนที่อายุเท่าเราเขาถึงมีความมั่นใจในตัวเองล่ะ หลังจากวันนั้นเราไม่ผ่านการออดิชั่นเริ่มมานึกถึงสิ่งที่เราเห็นเริ่มเปลี่ยนตัวเองมากขึ้นไม่สนใครหน้าไหนพยายามฝึกไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่เราคิดคือเราจะไม่ใส่ใจการเรียนเลยเหรออย่างน้อยก็ขอวิชาหนึ่งแล้วพอดีช่วงนั้นเราดูซีรี่ฝรั่งแล้วไม่มีซับไทยเราเลยอยากฟังเขาออกและอยากร้องเพลงสากลได้ พูดกับป้าเลย "ป้าอยากเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ" เปลี่ยนชีวิตเลยทันที เราได้เรียนกับครูที่ดีมากเพราะพี่ข้างบ้านแนะนำเขาพยายามสอนเราตั้งแต่เริ่มสอนแบบ ครูหนึ่งคนนักเรียนสองคนเลยล่ะ จนปิดเทอมม.3 เราก็เรียนกับครูคนนี้แทบทุกวันป้าก็ยอมให้เรียนร้องเพลงเพราะเราเรียนภาษาอังกฤษนี่แหละ แหะๆ
จากนั้นพอขึ้นม.4เรามีความกล้าขึ้นมาก เหมือนเราเริ่มคิดว่าเฮ้ยกูก็มีดีนะ ร้องเพลงได้ ภาษาก็ได้ ตอนนั่นผมมั่นมากว่าภาษาผมดีกว่าทุกคนในระดับเดียวกันฮ่าๆ ผมเริ่มกล้าแสดงออกมากขึ้น เริ่มพูดมากกว่านั่งเงียบมีเพื่อนใหม่ที่ย้ายเข้ามาเรียนกับเพื่อนที่มาจากห้องอื่นๆในมอต้นที่เราไม่รู้จัก ผมยังจำเพื่อนคนนั้นที่ผมเตะบอลใส่ยังมีหน้ามาว่าผมอีกนะ ตอนนั้นสวนกลับเลย "แล้วยังไงบุญเท่าไหร่ที่ไม่ซ้ำ" อึ้งสินางตกใจพอควรเลยล่ะผมไม่เคยเถียงเลยนี่ ตอนนั้นผมก็เรียนพิเศษภาษาอังกฤษไปเรื่อยๆแต่ไม่ได้เรียนร้องเพลงแล้วป้าบอกให้พอ โอเคผมก็หยุดนะ แต่กลับมาที่บ้านผมจะฝึกตัวเองเสมอๆด้วยไม่รู้สิผมไม่ยอมทิ้งการร้องเพลงมาเอาดีทางด้านภาษาอังกฤษอย่างเดียว แต่ก็ไม่ยอมทิ้งอังกฤษมาร้องเพลงอย่างเดียวเหมือทั้งสองอย่างนีเปลี่ยนชีวิตผมอ่ะ ผมเริ่มเปิดใจกับป้ามากขึ้นเราเริ่มเข้าใจกันมากขึ้นผมถือว่าเป็นเรื่องดีนะ ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี1 สาขาภาษาอังกฤษ
ที่จริงยังมีเยอะกว่านี้แต่วันนี้ง่วงแล้ว เลยอยากเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆที่กำลังรู้สึกท้อแท้ ไม่มีเพื่อน เหมือนเป็นมนุษย์ล่องหนในสายตาคนอื่น ลองเปิดใจหาสิ่งที่คิดว่าใช่ แล้วทำมันให้สุด ผมว่ามันเปลี่ยนชีวิตคุณได้เลยนะ เหมือนพอเรามีอะไรที่เราคิดว่าเราต้องทำได้เราจะกล้ามากขึ้น และที่สำคัญอย่าหันไปหายาเสพติด บุหรี่ หรืออะไรที่มันไม่ดีเพื่อประชดชีวิตตัวเองนะครับ มันไม่ดี ผมเชื่อไม่มีอะไรเกินความสามารถเราหรอกครับ
การเปลี่ยนตัวเองจากคนไม่กล้าแสดงออก กลายเป็นคนที่กล้าแสดงออก
ตอนที่ผมอยู่ประถมและมัธยมต้นบอกเลยผมกับน้องชายฝาแฝด เป็นที่ไม่กล้าแสดงออก เรียนไม่เก่ง(โง่มาก) ผมจำได้เลย ตอนอยู่ป1 คุณครูที่โรงเรียนประถม(ชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดพะเยา) ด่าผมว่าโง่ เหมือนครูเขาไม่ใจเย็นกับเราเลย ยิ่งทำให้เราคิดว่าเออ กูโง่ หลังจากนั้นผมก็ย้ายมาเรียนที่จังหวัดแพร่เพราะพ่อกับแม่หย่ากัน มาเรียนป.2 ก็เหมือนจะไปได้สวยนะ แต่ ผมเรียนไม่ค่อยเก่งอ่ะครับ แล้วเป็นคนไม่ค่อยกล้าแสดงออกไม่รู้จะเข้าหาเพื่อนยังไง เลยไม่ค่อยมีเพื่อนคือ เพื่นอน่ะรู้จักแต่ไม่มีกลุ่มอ่ะ เดินไปไหนมาไหนกันแค่สองคนโต๋เต๋ไปมาประจวบเหมาะคุณป้าเป็นคุณครูที่โรงเรียนมัธยมรู้จักกับครูที่โรงเรียนนี้เพื่อนๆเลยหมั่นไส้ เพราะครูพยายามพูดถึงป้าเราบ่อยๆ เราก็เอิ่มม..อย่าพูดมากสิแค่นนี้กูก็โดนหมั่นไส้มากพอแล้วนะ ก็เรียนมาเรื่อยๆพอครูเห็นว่าเราเรียนไม่เก่ง เออ เริ่มทับถมตรูแทนครูจะมองว่าเราทำอะไรไม่เป็นชอบพูดว่า โตไปทำอะไรไม่ได้หรอกคงใช้แต่เงินป้า นั่นนู่นี่ผมยิ่งซึมไม่รู้สิมันเหมือนเริ่มเห็นอะไรเป็นสีเทาไปหมดพอกลับบ้านมาแทนที่เราจะสบายใจ ป้าก็จะยกลูกคนนั้นหลานคนนี้มาเทียบเราว่าเขาเรียนเก่งนะ ทำไมเราเรียนไม่เก่ง สอบได้ที่โหล่ๆ ป้าอายเขานะเราสองคนยิ่งซึมเหมือนโลกนี้มีแค่สองคนอ่ะพึ่งใครไม่ได้เลย พ่อกับแม่เราหายไปประมาณปีหนึ่งมั้ง แม่ก็กลับมาเยี่ยมบ้าง สลับคนละอาทิตย์กับพ่อ แต่ตอนเด็กๆเราจะชอบแม่มากกว่า เพราะถ้าพ่อมาพ่อก็จะพูดเปรียบเทียบเราเหมือนกับป้า จะตั้งกฏนู่นนี่นั่น
พอเราขึ้นป.4 คุณครูที่โรงเรียนเขาเปิดสอนพิเศษป้าก็ส่งเราไปเรียนเพราะเขาบอกว่าดีแต่สำหรับเราไม่ดีเลยเพราะมันมีเด็กจากหลายโรงเรียนมารวมกันทั้งเด็กในเมืองและเด็กต่างโรงเรียนคุณครูที่นั่นเขาจะยกเยอเด็กเก่งแล้วทับถมเด็กอ่อนมีการจัดอันดับนู่นนี่นั่นคนที่เก่งๆก็จะได้ขนมฟรีบ้างน้ำฟรีบ้างแต่คนที่เรียนไม่เก่งต้องซื้ออ่ะ(เราเป็นหนึ่งในนั้น) พอเริ่มไม่ไหวก็ออกมา ป้าก็ด่าๆๆๆว่าๆๆๆ ทำไมเรียนไม่เก่งล่ะ เราก็ได้แต่เงียบบ้างเถียงบ้าง จนขึ้นป.5ครูจับเราแยกชั้นเรียนเรารู้สึกเหมือนในห้องเราเพื่อนไม่ชอบเราคอยแต่หาเรื่องแกล้งเรา แรกๆเข้ามาคุยดีมากที่แท้หลอกแกล้งเราสารพัดเราเริ่มเสียบุคลิกในตัวเอง เดินก้มหน้าก้มตา มองอะไรเหมือนเป็นสีเทาๆไม่ได้มองแล้วรู้สึกสว่าง จนจะจบป.6 พ่อก็มาบอก(กดดัน)ให้เราไปสอบที่โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดเพราะพ่อเคยเรียนที่นั่น ด้วยความที่เราไม่เก่งป้าก็คุมอ่านหนังสือ คณิตก็ไม่ได้ อังกฤษก็ไม่รอด เวลาท่องศัพท์ถ้าเราจำไม่ได้ ป้าก็จะด่าเรา "ทำไมโง่อย่างนี้" พูดซ้ำๆจนเราไม่อยากให้แกมาคุมเรา พอไปสอบแน่นอน สอบไม่ติดป้าก็เลยหอบเรากลับมาเรียนที่โรงเรียนประจำอำเภอที่ป้าสอนอยู่เราแปลกใจนะโรงเรียนของป้าให้เราเลือกเรียนสายวิทย์คณิต อังกฤษสังคม ภาษาไทยกับสังคม ตั้งแต่ม.ต้นเลย เราเลือกอังกฤษสังคมกับน้องเราป้าเห็นก็มาด่าเราว่าทำไมไม่เลือกวิทย์คณิต เราบอกว่าเราเรียนคณิตไม่ได้ ป้าก็บอกว่าอยู่กับคนเก่งๆจะได้เก่งๆ แต่เกรดและคะแนนเราไม่ถึง ป้าเลยใช้เส้นตัวเองเราก็ไปอยู่ในวิทย์คณิตจนได้ ทีนี้ละของจริงเลย เราสองคนพี่น้องได้อยู่แผนนี้แต่คนละห้องเราอยู่ม. 1/1 น้องเรา 1/2 แรกๆเลยเราไม่กล้าเข้าหาเพื่อนใหม่กลัวถูกแกล้งอีก แต่ก็ถือว่าเพื่นอที่นี้โอเค(แรกๆ) แต่พอเรียนไปได้ครึ่งเทอมด้วยความที่เราไม่เก่งแน่นอน คะแนนสอบก็งั้นๆได้ศูนย์ก็มีคณิต คนในห้องเริ่มนินทาเราว่าได้เข้ามาเพราะเส้นป้า ไม่เก่งจริง โง่ เราก็ว่าอะไรเค้าไม่ได้ก็มันจริง จะจบม.1เราจะศูนย์คณิตศาสตร์เพิ่มเติมดีที่ครูยังให้เราทำงานส่งเลยไม่ได้ลงในใบเกรดไป แต่มา ม.2นี่สิเพื่อนๆที่เข้ามาหาเราเริ่มตีตัวออกห่างเวลาทำงานกลุ่มไม่ใครเอา รอให้มันเหลือเราค่อยได้กลุ่มแถมคนที่เอาเราเข้ากลุ่มก็ไม่เต็มใจด้วย ป้าก็เริ่มว่าเรามากขึ้นกว่าเดิมเพราะครูที่สอนเราก็จะบอกป้าว่าเราเรียนไม่ได้นะ เราเริ่มรู้สึกหมดกำลังใจ ไม่ค่อยมีเพื่อนเดินคนเดียวจากเมื่อก่อนจะเดินกับน้องแต่พออยู่คนละห้อง เวลาไม่ตรงกัน เลยต้องเดินคนเดียว ก้มหน้าก้มตา เวลาเราทำอะไรผิดนิดๆหน่อยๆก็โดนว่าหนักกว่าคนอื่น ผมจำได้ตอนนั้นเป็นวิชาพละ เล่นบอลกัน ผมไม่มีกลุ่มเลยนั่งมองคนอื่นเล่นแล้วเพื่อนใช้เราเตะบอลไปให้เราเลยเตะ(แรงไปหน่อย) โดนหัวเพื่อนผู้หญิงเราตกใจมากกกก ก็ขอโทษเป็นการใหญ่แต่สิ่งหลังจากนั้นสิ โอ้โหแทบไม่ได้ผุดได้เกิด(ด่า) กลายเป็นว่าผมผิดใช่ผมผิดแต่ก็เราไม่ได้ตั้งใจเอาเราไปนินทาหาว่าเราตั้งใจอีกไปกันใหญ่เลย ท้ายเทอมคราวนี้โชคไม่เข้าข้างครูไม่ปราณีเราเหมือนม.1 ติดศูนย์ของแท้!!! โดนเป็นการใหญ่ทั้งป้า ทั้งพ่อทั้งแม่แล้วอีเพื่อนนั่นอีกมาซ้ำเติมเรา พอเขาบอกให้เราไปแก้ก็แก้ไป ขึ้นมาม.3 ผมเริ่มมองอะไรเป็นไปทางลบมากขึ้นเพื่อนบางคนย้ายไปห้องสองห้องสองมาห้องหนึ่ง ผมไม่มีเพื่อนเลยบอกตรงๆ เดินคนเดียวกินข้าวคนเดียวแทบไม่มีใครเห็นหัว ผมจำได้เลย งานกลุ่มวิชาประวัติศาสตร์ผมทำคนเดียวทั้งๆที่เป็นงานกลุ่มเพราะไม่มีใครยอมให้เข้ากลุ่มไม่ได้คะแนนอีกอ้าววว ซวยครูคนนั้นจะรอะไรล่ะฟ้องคุณป้าสิคุณป้าผมเป็นหัวหน้าในหมวดสังคมศึกษาอีกเออ เอากันเข้าไป โดนอีก ผมเริ่มรู้สึกเหมือนไม่มีจุดยืนของตัวเอง เคว้งคว้าง ไขว่ขว้าหาอะไรที่มันไม่มีอยู่จริงมโนไปเรื่อยเหมือนคนเป็นโรคจิตอ่ะครับ จนวันหนึ่งผมนั่งดูทีวีแล้วเห็นการประกวดร้องเพลงก็เลยสนใจเริ่มร้องบ้างอันที่จริงตอนนั้นสับสนทางเพศด้วยเหมือนตอนนั้นคิดว่าตัวเองจะเป็นกะเทยอ่ะ เลยร้องแต่เพลงผู้หญิงดัดเสียงให้เหมือนบรรลัยเลยทีเดียว ป้ายิ่งไม่ชอบไปใหญ่แกไม่ชอบอะไรแบบนี้ด้วยแกเป็นครูค่อนข้างโบราณพอเราบอกเราอยากเรียนร้องเพลงแกก็แอนตี้
"จะไปเต้นกินรำกินทำไม" ผมเข้าใจว่าแกหวังดีแต่เหมือนตอนนั้นเราไขว่ขว้าหาอะไรไม่ได้เลยยิ่งซึมแต่เหมือนหลังจากดูรายการนั้นมันเหมือนมีแสงสีทองๆส่องเข้ามาเลยคิดว่าจะไปทางนี้แหละก่อนอื่นเริ่มถามตัวเองเราเป็นอะไรกันแน่ว่ะ กะเทย ผู้ชายที่อยู่กับผู้หญิงมากไปหรือเกย์ฟ่ะ ตอนนั้นยังสรุปไม่ได้เลยช่างมัน ฝึกร้องเพลงอยู่ที่บ้านร้องเพลงผู้ชายบ้าง บวกกับทะเลาะกับป้าไปด้วยเกือบทุกวันอ่ะ ตอนนั้นเราคิดว่าสังคมที่โรงเรียนกว้างแล้วนะ จนได้ไปออดิชั่นร้องเพลงรายการหนึ่ง(กลัวมากไม่เคยประกวดอะไรเลยล่ะ) โอ้โห เปิดโลกเลยทีเดียว เหมือนกบออกจากกะลาเลยล่ะ เรามองคนอื่นแล้วนึกถึงตัวเองทำไมคนที่อายุเท่าเราเขาถึงมีความมั่นใจในตัวเองล่ะ หลังจากวันนั้นเราไม่ผ่านการออดิชั่นเริ่มมานึกถึงสิ่งที่เราเห็นเริ่มเปลี่ยนตัวเองมากขึ้นไม่สนใครหน้าไหนพยายามฝึกไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่เราคิดคือเราจะไม่ใส่ใจการเรียนเลยเหรออย่างน้อยก็ขอวิชาหนึ่งแล้วพอดีช่วงนั้นเราดูซีรี่ฝรั่งแล้วไม่มีซับไทยเราเลยอยากฟังเขาออกและอยากร้องเพลงสากลได้ พูดกับป้าเลย "ป้าอยากเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ" เปลี่ยนชีวิตเลยทันที เราได้เรียนกับครูที่ดีมากเพราะพี่ข้างบ้านแนะนำเขาพยายามสอนเราตั้งแต่เริ่มสอนแบบ ครูหนึ่งคนนักเรียนสองคนเลยล่ะ จนปิดเทอมม.3 เราก็เรียนกับครูคนนี้แทบทุกวันป้าก็ยอมให้เรียนร้องเพลงเพราะเราเรียนภาษาอังกฤษนี่แหละ แหะๆ
จากนั้นพอขึ้นม.4เรามีความกล้าขึ้นมาก เหมือนเราเริ่มคิดว่าเฮ้ยกูก็มีดีนะ ร้องเพลงได้ ภาษาก็ได้ ตอนนั่นผมมั่นมากว่าภาษาผมดีกว่าทุกคนในระดับเดียวกันฮ่าๆ ผมเริ่มกล้าแสดงออกมากขึ้น เริ่มพูดมากกว่านั่งเงียบมีเพื่อนใหม่ที่ย้ายเข้ามาเรียนกับเพื่อนที่มาจากห้องอื่นๆในมอต้นที่เราไม่รู้จัก ผมยังจำเพื่อนคนนั้นที่ผมเตะบอลใส่ยังมีหน้ามาว่าผมอีกนะ ตอนนั้นสวนกลับเลย "แล้วยังไงบุญเท่าไหร่ที่ไม่ซ้ำ" อึ้งสินางตกใจพอควรเลยล่ะผมไม่เคยเถียงเลยนี่ ตอนนั้นผมก็เรียนพิเศษภาษาอังกฤษไปเรื่อยๆแต่ไม่ได้เรียนร้องเพลงแล้วป้าบอกให้พอ โอเคผมก็หยุดนะ แต่กลับมาที่บ้านผมจะฝึกตัวเองเสมอๆด้วยไม่รู้สิผมไม่ยอมทิ้งการร้องเพลงมาเอาดีทางด้านภาษาอังกฤษอย่างเดียว แต่ก็ไม่ยอมทิ้งอังกฤษมาร้องเพลงอย่างเดียวเหมือทั้งสองอย่างนีเปลี่ยนชีวิตผมอ่ะ ผมเริ่มเปิดใจกับป้ามากขึ้นเราเริ่มเข้าใจกันมากขึ้นผมถือว่าเป็นเรื่องดีนะ ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี1 สาขาภาษาอังกฤษ
ที่จริงยังมีเยอะกว่านี้แต่วันนี้ง่วงแล้ว เลยอยากเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆที่กำลังรู้สึกท้อแท้ ไม่มีเพื่อน เหมือนเป็นมนุษย์ล่องหนในสายตาคนอื่น ลองเปิดใจหาสิ่งที่คิดว่าใช่ แล้วทำมันให้สุด ผมว่ามันเปลี่ยนชีวิตคุณได้เลยนะ เหมือนพอเรามีอะไรที่เราคิดว่าเราต้องทำได้เราจะกล้ามากขึ้น และที่สำคัญอย่าหันไปหายาเสพติด บุหรี่ หรืออะไรที่มันไม่ดีเพื่อประชดชีวิตตัวเองนะครับ มันไม่ดี ผมเชื่อไม่มีอะไรเกินความสามารถเราหรอกครับ