Eddie Peng  ชื่อนี้ คงไม่เป็นที่แปลกใจของคนในพันทิป แต่ในคนไทยส่วนใหญ่คงจะไม่รู้จักเขาเท่าไหร่  เพราะความที่หนังและละครที่  Eddie Peng แสดง นั้นยังเข้าฉายที่เมืองไทยน้อยมาก  แต่ด้วยท่านแม่ทัพเว่ยหวู่จี้ เป็นขวัญใจของใครหลายคน....ทำให้เราอดพูดถึงเขาอีกหลายๆครั้งไม่ได้




ก็ต้องยอมรับว่า กระแสของ Eddie Peng ในวงการนักแสดงนับว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของเอเชีย คนหนึ่ง จน จางอี้โหมว ดึงเขาไปร่วมแสดงในโปรเจคส์ภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเรื่องแรกของจางอี้โหมวชื่อว่า “The Great Wall”  ที่ตอนนี้เริ่มลงมือถ่ายทำไปแล้ว  และเอ็ดดี้ มาในชุด...นักรบฮั่น อย่างที่เราคาดหวัง(ปรารถนา...ท่านแม่ทัพ) กัน    ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้ดูกันราวปลายปีหน้าค่ะ    Eddie Peng ต้องประจำอยู่ที่ปักกิ่งจนถึงเดือน กรกฎาคม 2015 เพื่อเข้าร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้   เช่นเดียวกับ เฮียหลิวเต๋อหัวที่หอบครอบครัวไปปักกิ่ง  รวมทั้ง แมตต์ เดมอน และดาราคนอื่นๆ  



และในปีนี้ คืนวันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2015 ที่จะมาถึง ในรายการตุ๊กตาทองฮ่องกงครั้งที่ 34  Eddie Peng  ได้รับการเข้าเสนอชื่อเพื่อชิงรางวัลนักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง Rise of The Legend หวงเฟยหง พยัคฆ์ผงาดวีรบุรุษกังฟู ที่เพิ่งจะลาโรงบ้านเราไป...นับว่าเป็นการเข้าชิงรางวัลนี้ในปี ที่ 2 ติดต่อกัน จากปีที่แล้วเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงจากรางวัลนักแสดงประกอบฝ่ายชายจากเรื่อง Unbeatable  มาแล้ว ...จะว่าเขาธรรมดาได้อย่างไร  ในเมื่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศจีน ฮ่องกง รวมถึงไต้หวันนั้นต้องพูดได้ว่า  เป็นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับใหญ่ในภาคพื้นเอเชียของเรา มีปริมาณการผลิตภาพยนตร์เป็นจำนวนมาก  และประเภทที่ผลิตออกมานั้นหลากหลายแนวทางและมีให้เลือกมากมาย  รวมไปถึงบุคลากรและทรัพยากรอันหลากหลายของอุตสาหกรรมภาพยนตร์เขา   ดังนั้นเราสามารถพูดได้เต็มปากว่า การที่นักแสดง คนหนึ่งจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลตามเวทีต่างๆนั้น เป็นเรื่องของ “ผลงาน”  “การแข่งขัน”  รวมไปถึงการ”ยกย่อง”  และ “ยอมรับ” และ “ถูกจับตามอง” ตามมาในที่สุด



บทบาทของ เอ็ดดี้เผิง เราต้องยอมรับว่าเขาเข้าสู่วงการนักแสดงนี้จากบทบาที่เหมือน”เด็กเกรียน” “หนุ่มเฮ้ว” “หนุ่มเฮี้ยว” หรือรูปลักษณ์ไอดอล มากกว่าจะเป็นลักษณะของ “ดาราเจ้าบทบาท”  

(คนเรา..มันก็มีอดีตเหมือนกัน 5555)




แต่นับแต่เรื่อง Jump Ashin ที่เปลี่ยนตัวเขาจากนักแสดงธรรมดา ให้กลายเป็น นักแสดงที่ทุ่มเทระดับ “บ้าคลั่ง”
.... “คนอายุ 29 ไปเริ่มเรียนยิมนาสติค คุณว่าปกติไหมละ” (เคยมีคนพูดถึงเขาอย่างนั้น)  ....
แต่ Eddie Peng  ก็ทำได้จนสำเร็จ และตามด้วยผลงานเรื่อง  Unbeatable ที่เขาต้องเร่งเพาะกล้ามมากขึ้น ให้หนาเป็นนักมวยจนท้ายสุดคือ...นักกังฟู ใน Rise of The Legend  จนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงดารานำฝ่ายชายยอดเยี่ยม...อย่างที่หลายคนต้องกล่าวขวัญถึง ดาราหนุ่มคนนี้ทันที....



รางวัลนักแสดงนำฝ่ายชายนี้ ก็เป็นรางวัลที่ โจวเหวินฟะ เคยได้รับมาก่อน  และเคยรับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนี้ไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง ....และโจวเหวินฟะ นี้เอง ถือเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจ ให้  Eddie Peng   ชายเผิงของเรา เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยเช่นกัน  




ภาพลักษณ์ภายนอกของ  Eddie Peng  ดูเป็นคนร่าเริง สนุก และชอบแกล้งชาวบ้าน..........แต่ในความจริงแล้วพ่อหนุ่มไทเปคนนี้เกิดมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ค่ะ   คุณพ่อคุณแม่แยกทางกันตั้งแต่เขายังเด็ก มีพี่น้องด้วยกัน 3 คน ที่แม่เขาต้องรับเลี้ยงดูเองทั้งหมด...... เขาเฝ้ามองดู แม่และยายทำงานหนักมาตั้งแต่เล็กๆ  ตัวเขาต้องเดินเท้าไปโรงเรียนประถม กลับมาเห็นแม่ทำงานร้านอาหารจนถึงหลังเที่ยงคืน โดยที่ตอนเด็กๆเขาก็ไม่รู้ว่าทำไม  แต่มาเข้าใจภายหลังว่า ที่แม่ทำทุกอย่างเช่นนั้น  ก็เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูลูกทุกคน  


คุณยายของเอ็ดดี้ เป็นคนทำอาหารอร่อย ชอบทำของอร่อยๆให้หลานชายกินจนหลานอ้วนตุ๊ต๊ะน่าฟัดน่าขย้ำแบบนั้นแหละ  แล้วที่สำคัญ คุณยายและแม่ ชอบนั่งดูละครดูทีวี แล้วก็เป็นปลื้มกับดาราหนังฮ่องกง  ทั้ง โจวเหวินฟะ บรู๊ซลี มากๆ  เฝ้าบอกให้หลานชายดูไว้เป็นตัวอย่างบอกว่ามีโอกาสก็อยากให้เป็นดาราหนังเหมือนอย่างพระเอกหล่อๆในจอทีวี....แต่ตอนนั้นคุณหลานโดนคุณยายปั้นจน กลม มั่กๆค่ะ  อายุ 11 ขวบ น้ำหนักปาเข้าไป 70 แล้ว...แหงะ...ใครจะไปคิดได้ละคะ  ว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป




เชื่อไหมคะ แองเจล่าเบบี้ เคยเรียนไฮสคูลที่เดียวกับเอ็ดดี้ ในแคนาดา(ไม่ต้องแปลกใจที่คู่นี้จะซี้กัน) ......เธอยังออกปากถึงอดีตตอนนั้นเลยว่า สมัยเรียนอยู่นั้น เอ็ดดี้ เป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนมาก  ใครๆก็กล่าวถึง    หลังจากที่เอ็ดดี้ไปอยู่แคนาดาและตั้งเป้าตัวเองเป็นนักการเงินจึงเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ ของ UBC (มหาวิทยาลัยบริติช  โคลัมเบีย )    



Eddie Peng คลั่งไคล้กีฬามาก โดยเฉพาะบาสเกตบอล และนั่นก็ทำให้สาวๆ รู้จักเขามากขึ้น   เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า รักแรกของ เขาเกิดขึ้นที่แคนาดา ที่เขาออกปากชวนสาวเจ้าออกเดตกับตัวเองด้วย ในงานเต้นรำ  เอ็ดดี้บอกว่า ตอนออกไปขอเธอเต้นรำตอนนั้น มือเขาเย็นเฉียบทีเดียว...แต่ก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดีค่ะ  เพราะหลังจากนั้น เขาบอกว่า “ได้ครูสอนภาษาอังกฤษ” ส่วนตัวที่แจ๋วที่สุด.......ทุกวันนี้เขาก็ยังติดต่อกับสาวคนนั้นอยู่บ้าง  แต่โดยระยะทางก็ห่างกันไป .....