เคยได้อ่านแต่กระทู้ของคนอื่นจาก pantip เพื่อเอามาเป็นข้อมูลในเรื่องต่างๆมานาน ไม่เคยคิดที่จะสมัครสมาชิก จนมาวันนี้ วันที่นั่งเสียวนั่งลุ้น จนอยากจะให้ถึงวันเสาร์เร็วๆๆๆเหลือเกิน เลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองกับเพื่อนๆสาวๆบ้างค่ะ
มาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่าเนอะ ^^ ตอนนี้พยายามบอกกับตัวเอง ว่าอย่าเครียด อย่าเครียด (T T) 555 ผ่านการร้องไห้ หนักกก มากกก
ดิฉันป็นคนที่คิดว่าตัวเองสุขภาพแข็งแรงมาโดยตลอด มีเข้าฟิตเนสออกกำลังกายบ้างบางครั้ง มีมาราธอนบ้างบางคราว เเละไม่เคยต้องแอดมิดเข้า รพ. ด้วยเรื่องใหญ่ๆเลย อย่างมากก็แค่ท้องเสีย เลยทำให้ดิฉันไม่ค่อยได้ใส่ใจในสุขภาพของตัวเองสักเท่าไหร่ จนมาวันนึงถึงคราวต้องตรวจร่างกายประจำปี เลยไป รพ. ด้วยความพร้อมเต็มที่ ^^ ในแพ็กเกจตรวจสุขภาพที่ดิฉันซื้อมีการตรวจภายในแต่ไม่รวมกับการตรวจเต้านม เพราะคิดว่าตัวเองอายุยังไม่ถึง 35 ยังไม่ต้องรีบตรวจคงไม่เป็นไร แต่เหมือนกับเป็นโชคของดิฉัน รึป่าว คิดในแง่ดีเข้าไว้ 555 ในวันที่หมอสูติทำการตรวจภายในให้ดิฉัน ท่านได้ถามดิฉันว่าเคยตรวจเต้านมบ้างรึป่าว? เคยคลำเต้านมของตัวเองบ้างมั้ย ? ดิฉันตอบท่านว่า เคยคลำ เเต่ไม่รู้ว่ามันเป็นก้อนเต้านม รึก้อนเนื้ออะไรรึป่าว เลยไม่ค่อยได้จริงจังและใส่ใจกับการคลำเท่าไหร่ (คิดแบบดิฉันเนี่ย ไม่ดีเลยนะคะสาวๆอย่าทำตามนะ ใส่ใจกับเต้าของเราให้มากกว่านี้ดีกว่านะคะ) ในตอนนั้นที่คุยกับคุณหมอสูติ ดิฉันยังยิ้มได้อยู่ เพราะคิดว่าตัวเองคงไม่มีก้อนอะไรแน่ๆ เพราะที่บ้านก็ไม่ใครมีกรรมพันธุ์ เกี่ยวกับมะเร็ง (ในใจแอบหวั่นๆกับผลการตรวจสารบ่งชี้มะเร็งลำไส้ทีตรวจมาแล้วรอฟังผลมากกว่า เพราะเป็นคนที่ชอบทานสเต็กเนื้อ กับเป็นคนที่ชอบดื่มมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาลั้ลลา วัน ศ- อ ชอบชวนคุณสามีไปจัดหนัก จัดเต็มกันประจำ )เข้าเรื่องคุณหมอต่อเลยดีกว่านะค่ะ ^^ คุณหมอท่านใจดี ท่านเลยบอกดิฉันว่า ขอหมอคลำให้หน่อยนะ ดิฉันก็เปิดเสื้อเลยค่ะ 555 อายๆๆๆ หมอคลำไปคลำมาสักพัก คุณหมอท่านบอกว่า เอ๊ะ ?????? เหมือนจะเจอก้อนอะไรที่เต้านมข้างขวา ที่เข็มนาฬิกาเลข 10 แต่เพื่อความแน่ใจ หมอขอส่งไปห้องตรวจอัลตราซาวด์ หน่อยนะ
เอาละสิ ตอนนั้นดิฉันพยายามทำใจดีสู้เสื้อเข้าไว้ ยิ้มเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็พยักหน้าบอกคุณหมอว่า ค่ะๆๆ อยากทราบเลยว่าเป็นก้อนอะไร คุณหมอเลยส่งไปห้องอัลตราซาวด์ หมอห้องอัลตราซาวด์ก็ตรวจไปทีละข้าง จนมาเจ้าข้างขวา และแล้ว โป๊ะๆๆๆ เจอจริงๆคร้า ก้อนเนื้อขนาด 1x2 cm. ไม่รั้งรอหมอห้องอัลตราซาวน์เลยบอกว่าขอส่งต่อไปให้แผนกเต้านม ไปเจอแพทย์เฉพาะทางดีกว่านะ ตอนนั้นดิฉันพอทราบว่าเจอก้อนแทบจะร้องไห้ ได้พี่พยาบาลที่เดินมาส่งคอยปลอบใจ พอถึงแผนกเต้านม ก็รอพบคุณหมอเฉพาะทาง คือ รศ. น.พ.กริช โพธิสุวรรณ ก็เข้าห้องเปิดเสื้อ โชว์เต้าให้คุณหมอตรวจ ( 555 มาตอนนี้แทบจะไม่อายแล้ว เพราะอยากให้คุณหมอตรวจให้รู้ว่าเป็นก้อนอะไร ) ตรวจเสร็จคุณหมอท่านบอกว่ามีก้อนอยู่จริง แต่น่าจะไม่เป็นไรหรอก หมอท่านก็ยิ้ม และบอกว่าถ้าพร้อมก็ให้นัดวันมาผ่าเพื่อที่จะเอาชิ้นเนื้อไปตรวจนะ วันนั้นพอตรวจเสร็จออกจาก รพ. ตัวดิฉันเหมือนรู้สึกหวิวๆ กลัวๆ อารมณ์ตอนขามา รพ. กับขากลับจาก รพ. ช่างแตกต่างกันลิบลับ กลับบ้านไปบอกสามีว่าเจอก้อนเนื้อในเต้านม ปรึกษากับสามีว่าเอาไงดี คุณสามีเลยบอกว่าให้นัดผ่าอาทิตย์นั้นเลย แต่ดิฉันยังมีประจำเดือน ต้องรอให้ประจำเดือนหมดก่อน และมีแพลนที่จะไปเที่ยวกับครอบครัวด้วย เลยได้นัดวันผ่าเป็นวันที่ 28/03/2015
ก่อนวันผ่าก็ลืมเรื่องเจ้าก้อนเนื้อนี่ไปสนิท ก็เลยได้สนุกกับครอบครัวและสามีได้เต็มที่
ขอข้ามมาวันนัดผ่าเลยนะคะ เป็นวันเสาร์ที่ 28/03/2015 ดิฉันไป รพ. กับสามีเวลา 14.30 น. ระหว่างนั่งรอคุณสามีก็ให้กำลังใจกัน คอยบอกว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะรู้ว่าภรรยากลัวมากๆๆๆ 5555 ก่อนเข้าห้องผ้าตัดต้องถอดเสื้อผ้ากับชุดชั้นในออกหมดทุกชิ้น แล้วสวมชุดเพื่อที่จะเข้าห้องผ่าตัดของ รพ.
ในตอนนั้นที่พยาบาลเข็นเตียงของดิฉันเข้าห้องผ่าตัด ดิฉันคอยมองบรรยากาศโดยรอบของห้องผ่าตัด โอ้วแม่เจ้า มันช่างวังเวง เย็นเยือก เหมือนกับในหนังสยองขวัญที่เคยดูมาเลย ในห้องมีเครื่องมืออุปกรณ์มีด กรรไกร กับโคมไฟห้องผ่าตัด ครบ ( 555 และแล้วก็ได้มาเห็นกับตาตัวเอง ว่าห้องผ่าตัดมันเป็นแบบนี้นี่เอง) ในห้องผ่าตัดเย็นมากกกกกกกกกก จนตัวดิฉันสั่น คงสั่นเพราะกลัวมากๆๆบวกกับความหนาว จนพยาบาลบอกว่าถ้าเริ่มผ่าตัดเมื่อไหร่จะรู้สึกอุ่นขึ้นค่ะ ระหว่างที่นอนรอพยาบาลก็เตรียมอุปกรณ์ผ่าตัดไปเรื่อย ได้คุยกับน้องพยาบาลห้องผ่าตัดคนนึง น้องใจดีน่ารักมาก คอยคุยให้กำลังใจกันตลอด บอกว่าหนูอยู่ที่หัวเตียงตลอดการผ่าตัด ไม่ต้องกลัวนะคะ แล้วคุณหมอกริช ท่านก็เข้ามา ในตอนนี้ดิฉันมองไม่เห็นอะไรแล้ว เพราะพยาบาลเอาผ้ามาบังส่วนหน้าของดิฉันไว้ และห่มผ้าให้ที่ตัวฉัน จนรู้สึกอุ่นขึ้นมาก หมอท่านคงเปิดผ้าเพื่อผ่าตัดแค่ส่วนเต้านมข้างขวา ได้ยินแค่เสียงของคุณหมอ ท่านบอกว่าจะฉีดยาชาแล้วนะครับ ถ้าเจ็บตรงไหนก็เพิ่มยาชาได้ทุกเมื่อ (บอกตรงๆตอนนี้ดิฉันอยากให้คุณหมอฉีดยาสลบให้ดิฉันมากกว่า ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น คือกลัวมากจริงๆ รู้สึกได้ว่ามือตัวเองเหงื่อออกเต็มไปหมด ทั้งๆที่ในห้องหนาวมาก) แล้วคุณหมอท่านก็บอกว่าจะลงมือผ่าแล้วนะครับ แค่ได้ยินเสียงแต่มองไม่เห็น แต่รู้สึกเมือนมีอะไรมาโดนเนื้อฉึกๆ ตอนแรกไม่เจ็บ แต่ยังรู้สึกแปร๊บๆนิดๆเลยรีบบอกคุณหมอว่าเจ็บค่ะ ท่านเลยเพิ่มยาชาให้ แล้วก็ผ่าไปเรื่อยๆ รับรู้ความรู้สึกได้ตลอดเวลาการผ่าตัด ในระหว่างที่คุณหมอผ่าอยู่ในหัวของดิฉันก็คิดถึงแต่ ครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง พยายามไม่คิดถึงว่ากำลังผ่าตัดอยู่ (ตอนผ่าไม่เจ็บเลย แต่เสียวๆยังไงไม่รู้ รู้สึก กึกๆกั๊กๆเหมือนเนื้อโดนเลาะ 555 นอนเกร็งบวกกลัวไปตลอดการผ่าตัด ) จนมาได้ยินเสียงคุณหมอบอกอีกทีว่า จะเสร็จแล้วนะครับ เดี๋ยวจะเย็บปิดแผลให้นะครับ (ตอนนั้นรู้สึกโล่งดีใจมากๆๆ อยากให้เสร็จไวๆเหลือเกิน) และแล้วก็เสร็จ รวมเวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 ชม. พยาบาลเอาผ้าที่บังหน้าไว้ออกให้ แล้วคุณหมอก็เอาเจ้าก้อนเนื้อที่ผ่าออกมาได้ ให้ดู ท่านบอกว่าน่าจะไม่มีอะไร เดี๋ยวจะนัดมาฟังผลชิ้นเนื้อวันที่ 4/04/2015 วันนั้นหลังจากผ่าตัดเสร็จรู้สึกโล่ง เพราะไอ้เจ้าก้อนนั้นได้ออกไปจากเต้าของดิฉันแล้ว แต่ตอนนี้ อีกแค่ 2 วันจะทราบผลชิ้นเนื้อแล้ว รู้สึกกังวล กลัว ไปสารพัด เพราะถ้าเป็นเนื้อร้ายนั่นมายถึงมะเร็ง แล้วชีวิตจากนี้ของดิฉันคงต้องเปลี่ยนอะไรอีกหลายๆอย่าง คงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตอนนี้คงได้แค่ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียวๆๆๆๆๆๆๆ กันต่อไปจนกว่าจะทราบผล เพื่อนๆสาวๆทุกคนอย่าลืมที่จะคลำเต้านมของเราให้ประจำนะคะ ถึงแม้อายุยังไม่ถึง 35 ปี หากคลำเองไม่เป็น ก็ขยันไปให้หมอตรวจให้ก็ได้ค่ะ หากเป็นอะไรก็จะได้รักษาทัน ถึงแม้ที่บ้านไม่มีใครเคยเป็นมะเร็งแต่ขยันคลำ ขยันตรวจไว้ก็ดีนะคะ เดี๋ยวทราบผลแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ
สาว 32 กับมะเร็งเต้านมรึป่าว ????
มาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่าเนอะ ^^ ตอนนี้พยายามบอกกับตัวเอง ว่าอย่าเครียด อย่าเครียด (T T) 555 ผ่านการร้องไห้ หนักกก มากกก
ดิฉันป็นคนที่คิดว่าตัวเองสุขภาพแข็งแรงมาโดยตลอด มีเข้าฟิตเนสออกกำลังกายบ้างบางครั้ง มีมาราธอนบ้างบางคราว เเละไม่เคยต้องแอดมิดเข้า รพ. ด้วยเรื่องใหญ่ๆเลย อย่างมากก็แค่ท้องเสีย เลยทำให้ดิฉันไม่ค่อยได้ใส่ใจในสุขภาพของตัวเองสักเท่าไหร่ จนมาวันนึงถึงคราวต้องตรวจร่างกายประจำปี เลยไป รพ. ด้วยความพร้อมเต็มที่ ^^ ในแพ็กเกจตรวจสุขภาพที่ดิฉันซื้อมีการตรวจภายในแต่ไม่รวมกับการตรวจเต้านม เพราะคิดว่าตัวเองอายุยังไม่ถึง 35 ยังไม่ต้องรีบตรวจคงไม่เป็นไร แต่เหมือนกับเป็นโชคของดิฉัน รึป่าว คิดในแง่ดีเข้าไว้ 555 ในวันที่หมอสูติทำการตรวจภายในให้ดิฉัน ท่านได้ถามดิฉันว่าเคยตรวจเต้านมบ้างรึป่าว? เคยคลำเต้านมของตัวเองบ้างมั้ย ? ดิฉันตอบท่านว่า เคยคลำ เเต่ไม่รู้ว่ามันเป็นก้อนเต้านม รึก้อนเนื้ออะไรรึป่าว เลยไม่ค่อยได้จริงจังและใส่ใจกับการคลำเท่าไหร่ (คิดแบบดิฉันเนี่ย ไม่ดีเลยนะคะสาวๆอย่าทำตามนะ ใส่ใจกับเต้าของเราให้มากกว่านี้ดีกว่านะคะ) ในตอนนั้นที่คุยกับคุณหมอสูติ ดิฉันยังยิ้มได้อยู่ เพราะคิดว่าตัวเองคงไม่มีก้อนอะไรแน่ๆ เพราะที่บ้านก็ไม่ใครมีกรรมพันธุ์ เกี่ยวกับมะเร็ง (ในใจแอบหวั่นๆกับผลการตรวจสารบ่งชี้มะเร็งลำไส้ทีตรวจมาแล้วรอฟังผลมากกว่า เพราะเป็นคนที่ชอบทานสเต็กเนื้อ กับเป็นคนที่ชอบดื่มมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาลั้ลลา วัน ศ- อ ชอบชวนคุณสามีไปจัดหนัก จัดเต็มกันประจำ )เข้าเรื่องคุณหมอต่อเลยดีกว่านะค่ะ ^^ คุณหมอท่านใจดี ท่านเลยบอกดิฉันว่า ขอหมอคลำให้หน่อยนะ ดิฉันก็เปิดเสื้อเลยค่ะ 555 อายๆๆๆ หมอคลำไปคลำมาสักพัก คุณหมอท่านบอกว่า เอ๊ะ ?????? เหมือนจะเจอก้อนอะไรที่เต้านมข้างขวา ที่เข็มนาฬิกาเลข 10 แต่เพื่อความแน่ใจ หมอขอส่งไปห้องตรวจอัลตราซาวด์ หน่อยนะ
เอาละสิ ตอนนั้นดิฉันพยายามทำใจดีสู้เสื้อเข้าไว้ ยิ้มเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็พยักหน้าบอกคุณหมอว่า ค่ะๆๆ อยากทราบเลยว่าเป็นก้อนอะไร คุณหมอเลยส่งไปห้องอัลตราซาวด์ หมอห้องอัลตราซาวด์ก็ตรวจไปทีละข้าง จนมาเจ้าข้างขวา และแล้ว โป๊ะๆๆๆ เจอจริงๆคร้า ก้อนเนื้อขนาด 1x2 cm. ไม่รั้งรอหมอห้องอัลตราซาวน์เลยบอกว่าขอส่งต่อไปให้แผนกเต้านม ไปเจอแพทย์เฉพาะทางดีกว่านะ ตอนนั้นดิฉันพอทราบว่าเจอก้อนแทบจะร้องไห้ ได้พี่พยาบาลที่เดินมาส่งคอยปลอบใจ พอถึงแผนกเต้านม ก็รอพบคุณหมอเฉพาะทาง คือ รศ. น.พ.กริช โพธิสุวรรณ ก็เข้าห้องเปิดเสื้อ โชว์เต้าให้คุณหมอตรวจ ( 555 มาตอนนี้แทบจะไม่อายแล้ว เพราะอยากให้คุณหมอตรวจให้รู้ว่าเป็นก้อนอะไร ) ตรวจเสร็จคุณหมอท่านบอกว่ามีก้อนอยู่จริง แต่น่าจะไม่เป็นไรหรอก หมอท่านก็ยิ้ม และบอกว่าถ้าพร้อมก็ให้นัดวันมาผ่าเพื่อที่จะเอาชิ้นเนื้อไปตรวจนะ วันนั้นพอตรวจเสร็จออกจาก รพ. ตัวดิฉันเหมือนรู้สึกหวิวๆ กลัวๆ อารมณ์ตอนขามา รพ. กับขากลับจาก รพ. ช่างแตกต่างกันลิบลับ กลับบ้านไปบอกสามีว่าเจอก้อนเนื้อในเต้านม ปรึกษากับสามีว่าเอาไงดี คุณสามีเลยบอกว่าให้นัดผ่าอาทิตย์นั้นเลย แต่ดิฉันยังมีประจำเดือน ต้องรอให้ประจำเดือนหมดก่อน และมีแพลนที่จะไปเที่ยวกับครอบครัวด้วย เลยได้นัดวันผ่าเป็นวันที่ 28/03/2015
ก่อนวันผ่าก็ลืมเรื่องเจ้าก้อนเนื้อนี่ไปสนิท ก็เลยได้สนุกกับครอบครัวและสามีได้เต็มที่
ขอข้ามมาวันนัดผ่าเลยนะคะ เป็นวันเสาร์ที่ 28/03/2015 ดิฉันไป รพ. กับสามีเวลา 14.30 น. ระหว่างนั่งรอคุณสามีก็ให้กำลังใจกัน คอยบอกว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะรู้ว่าภรรยากลัวมากๆๆๆ 5555 ก่อนเข้าห้องผ้าตัดต้องถอดเสื้อผ้ากับชุดชั้นในออกหมดทุกชิ้น แล้วสวมชุดเพื่อที่จะเข้าห้องผ่าตัดของ รพ.
ในตอนนั้นที่พยาบาลเข็นเตียงของดิฉันเข้าห้องผ่าตัด ดิฉันคอยมองบรรยากาศโดยรอบของห้องผ่าตัด โอ้วแม่เจ้า มันช่างวังเวง เย็นเยือก เหมือนกับในหนังสยองขวัญที่เคยดูมาเลย ในห้องมีเครื่องมืออุปกรณ์มีด กรรไกร กับโคมไฟห้องผ่าตัด ครบ ( 555 และแล้วก็ได้มาเห็นกับตาตัวเอง ว่าห้องผ่าตัดมันเป็นแบบนี้นี่เอง) ในห้องผ่าตัดเย็นมากกกกกกกกกก จนตัวดิฉันสั่น คงสั่นเพราะกลัวมากๆๆบวกกับความหนาว จนพยาบาลบอกว่าถ้าเริ่มผ่าตัดเมื่อไหร่จะรู้สึกอุ่นขึ้นค่ะ ระหว่างที่นอนรอพยาบาลก็เตรียมอุปกรณ์ผ่าตัดไปเรื่อย ได้คุยกับน้องพยาบาลห้องผ่าตัดคนนึง น้องใจดีน่ารักมาก คอยคุยให้กำลังใจกันตลอด บอกว่าหนูอยู่ที่หัวเตียงตลอดการผ่าตัด ไม่ต้องกลัวนะคะ แล้วคุณหมอกริช ท่านก็เข้ามา ในตอนนี้ดิฉันมองไม่เห็นอะไรแล้ว เพราะพยาบาลเอาผ้ามาบังส่วนหน้าของดิฉันไว้ และห่มผ้าให้ที่ตัวฉัน จนรู้สึกอุ่นขึ้นมาก หมอท่านคงเปิดผ้าเพื่อผ่าตัดแค่ส่วนเต้านมข้างขวา ได้ยินแค่เสียงของคุณหมอ ท่านบอกว่าจะฉีดยาชาแล้วนะครับ ถ้าเจ็บตรงไหนก็เพิ่มยาชาได้ทุกเมื่อ (บอกตรงๆตอนนี้ดิฉันอยากให้คุณหมอฉีดยาสลบให้ดิฉันมากกว่า ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น คือกลัวมากจริงๆ รู้สึกได้ว่ามือตัวเองเหงื่อออกเต็มไปหมด ทั้งๆที่ในห้องหนาวมาก) แล้วคุณหมอท่านก็บอกว่าจะลงมือผ่าแล้วนะครับ แค่ได้ยินเสียงแต่มองไม่เห็น แต่รู้สึกเมือนมีอะไรมาโดนเนื้อฉึกๆ ตอนแรกไม่เจ็บ แต่ยังรู้สึกแปร๊บๆนิดๆเลยรีบบอกคุณหมอว่าเจ็บค่ะ ท่านเลยเพิ่มยาชาให้ แล้วก็ผ่าไปเรื่อยๆ รับรู้ความรู้สึกได้ตลอดเวลาการผ่าตัด ในระหว่างที่คุณหมอผ่าอยู่ในหัวของดิฉันก็คิดถึงแต่ ครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง พยายามไม่คิดถึงว่ากำลังผ่าตัดอยู่ (ตอนผ่าไม่เจ็บเลย แต่เสียวๆยังไงไม่รู้ รู้สึก กึกๆกั๊กๆเหมือนเนื้อโดนเลาะ 555 นอนเกร็งบวกกลัวไปตลอดการผ่าตัด ) จนมาได้ยินเสียงคุณหมอบอกอีกทีว่า จะเสร็จแล้วนะครับ เดี๋ยวจะเย็บปิดแผลให้นะครับ (ตอนนั้นรู้สึกโล่งดีใจมากๆๆ อยากให้เสร็จไวๆเหลือเกิน) และแล้วก็เสร็จ รวมเวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 ชม. พยาบาลเอาผ้าที่บังหน้าไว้ออกให้ แล้วคุณหมอก็เอาเจ้าก้อนเนื้อที่ผ่าออกมาได้ ให้ดู ท่านบอกว่าน่าจะไม่มีอะไร เดี๋ยวจะนัดมาฟังผลชิ้นเนื้อวันที่ 4/04/2015 วันนั้นหลังจากผ่าตัดเสร็จรู้สึกโล่ง เพราะไอ้เจ้าก้อนนั้นได้ออกไปจากเต้าของดิฉันแล้ว แต่ตอนนี้ อีกแค่ 2 วันจะทราบผลชิ้นเนื้อแล้ว รู้สึกกังวล กลัว ไปสารพัด เพราะถ้าเป็นเนื้อร้ายนั่นมายถึงมะเร็ง แล้วชีวิตจากนี้ของดิฉันคงต้องเปลี่ยนอะไรอีกหลายๆอย่าง คงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตอนนี้คงได้แค่ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียวๆๆๆๆๆๆๆ กันต่อไปจนกว่าจะทราบผล เพื่อนๆสาวๆทุกคนอย่าลืมที่จะคลำเต้านมของเราให้ประจำนะคะ ถึงแม้อายุยังไม่ถึง 35 ปี หากคลำเองไม่เป็น ก็ขยันไปให้หมอตรวจให้ก็ได้ค่ะ หากเป็นอะไรก็จะได้รักษาทัน ถึงแม้ที่บ้านไม่มีใครเคยเป็นมะเร็งแต่ขยันคลำ ขยันตรวจไว้ก็ดีนะคะ เดี๋ยวทราบผลแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ