เนื่องจากเราคลำเจอก้อนบริเวณเต้านมใกล้ๆหัวนม แต่เนื่องจากตอนอายุยี่สิบกว่าๆเราก็เคยคลำเจอก้อนและได้ไปอัลตร้าซาวน์มาแล้วปรากฎว่าเป็นถุงน้ำ ที่จะขึ้นช่วงเวลามีประจำเดือนแล้วยุบไป
คราวนี้เมื่อคลำเจออีกก็มีลักษณะคล้ายๆเดิม เลยไม่ได้กังวลมาก แต่ก็ไปตรวจเพื่อความสบายใจ เพราะอายุก็เริ่มเยอะแล้ว จึงได้ไปหาหมอศัลยกรรมทรวงอกที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ตอนแรกหมอก็คลำๆดูตามปกติ ก้อนก็กลิ้งได้ ลักษณะเรียบ หมอเลยไม่ได้มีท่าทีกังวลอะไร แต่เนื่องจากอายุสี่สิบแล้วหมอเลยอยากให้เมมโมแกรม เหมือนการตรวจประจำปีไปในตัว
เราก็เลยไปทำการตรวจเมมโมแกรม และอัลตร้าซาวน์เต้านม แต่คราวนี้ตอนกลับมาเจอคุณหมอ คุณหมอบอกว่าก้อนที่จับเจอตอนแรกเป็นแค่ถุงน้ำ แต่หมอกำลังสงสัย.. คำพูดนี้ของหมอทำให้เรากังวล คราวนี้เราก็เริ่มหน้าเสียแล้ว คุณหมอแจ้งว่ามันมีก้อนนึงประมาณ 0.5-0.6 cm. ที่อยู่ข้างหลังและดันไปอยู่ในท่อน้ำนม ทำให้ท่อน้ำนมโต เราเลยถามว่าเป็นซีสต์เหมือนกันหรอคะ คุณหมอบอกว่ามันขุ่นๆนะ เราก็ยิ่งกังวลไปใหญ่ คราวนี้เริ่มมีคำถามต่างๆนา มันเป็นก้อนยังไง กลิ้งได้มั้ย อันตรายรึเปล่า หมอจึงบอกว่าหมอแค่สงสัย และอยากให้ตรวจเจาะเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ซึ่งหมอเขียนในผลตรวจว่า Birad4a ซึ่งถ้าคนเอาไปหาข้อมูลเพิ่ม พอขึ้นว่า Birad4 ก็คือมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง ตามระดับ a b c d คือคุณหมอแจ้งว่ามีโอกาส 2-10 % ถึงแม้เปอร์เซ็นต์ที่เป็นจะน้อยมากๆ แต่ก็ทำให้เรากังวลอยู่ดี
จึงเข้าสู่กระบวนการเคลมประกัน รอประกันตอบกลับประมาณหนึ่งสัปดาห์ หลังจากประกันตอบกลับมา(ใช้เวลาประมาณสี่วัน) พอครบอาทิตย์ตามนัด เราก็เข้าห้องอัลตร้าซาวน์เตรียมเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ เริ่มแรกคุณหมอจะฉีดยาชา ไม่ได้เจ็บมาก ความรู้สึกเหมือนฉีดวัคซีนทั่วไป หลังจากนั้นคุณหมอก็จะกรีดแผลเล็กๆ เพื่อใส่เข็มยาวๆ แทงเข้าไปสะกิดชิ้นเนื้อ แต่เนื่องจากสรีระของเราค่อนข้างบาง และเนื้อหน้าอกแทบไม่มีเลย ส่วนก้อนที่จะเจาะดันไปใกล้กับช่วงปอดอีก อย่างที่บอกไปเนื้อหน้าอกเราน้อยมากๆ ทำให้ต้องเจาะแทงทะลุก้อนที่เป็นถุงน้ำเข้าไป ตอนเจาะไม่ค่อยเจ็บจะตึงๆ แต่จะรู้สึกกังวลมากกว่า
แต่อาการหลังจากเจาะนั้นวันรุ่งขึ้นเราระบมเลย เนื่องจากอย่างที่บอกเนื้อเราค่อนข้างน้อย และสรีระเราค่อนข้างบาง ช้ำง่าย สองวันเนื้อก็เริ่มเขียว ทั้งเจ็บทั้งกังวล กระวนกระวายใจไปหมด และกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศในวันที่ผลชิ้นเนื้อออกอีกด้วย ดีที่คุณหมอบอกพยาบาลไว้ ว่าจะเร่งผลให้ ดังนั้นก่อนวันเดินทางเราจีงโทรไปถามผลตรวจ แต่ผลตรวจก็ยังไม่ออก
ซึ่งอาทิตย์ที่รอผลตรวจ เป็นอาทิตย์ที่เครียดมาก กังวล น้ำหนักลดเลย อ่านข้อมูลเยอะแยะไปหมด จนยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ จนกระทั่งวันเดินทาง บ่ายๆจึงตัดสินใจโทรไปหาโรงพยาบาลอีกครั้ง และผลก็ออกเรียบร้อยแล้ว แต่พยาบาลไม่สามารถแจ้งผลให้คนไข้โดยตรงได้ ต้องเป็นคุณหมอเท่านั้น และคุณหมอก็ไม่เข้าตรวจวันนั้นอีก เราจึงขอร้องให้พยาบาลต่อสายคุณหมอให้หน่อย เพราะเราต้องเดินทางไปต่างประเทศ และรู้สึกกังวลมากๆ
ซักพักพยาบาลก็โทรกลับมา พร้อมคุณหมออยู่ในสาย ตอนนั้นคือหัวใจเต้นตึกตัก มือข้างนึงจับโทรศัพท์ มืออีกข้างกำสร้อยพระ จนกระทั่งคุณหมอแจ้งว่าผลไม่ใช่เนื้อร้าย เป็นแค่ท่อน้ำนมโตอย่างที่เคยคุยกัน และทำการนัดตรวจ follow up อีกหกเดือน เราจึงค่อยสบายใจหน่อย แต่เนื่องจากเป็นการคุยกันทางโทรศัพท์ เราก็กลัวว่าตัวเองจะฟังผลผิด จึงย้ำกับพยาบาลไปอีกครั้งว่าคุณหมอนัดอีกหกเดือนใช่มั้ยคะ และเราอยากมาคุยกับคุณหมออาทิตย์หน้าค่ะ อยากให้คุณหมอดูแผลด้วยเพราะค่อนข้างช้ำระบม พยาบาลเลยทำนัดให้เป็นสัปดาห์ต่อไป
พอกลับมาจากต่างประเทศเราก็เลยรีบมาเจอคุณหมอ เห็นผลตรวจที่เป็นกระดาษ และรูปตอนเจาะอัลตร้าซาวน์ก็ทำให้สบายใจมากขึ้น ทั้งนี้คุณหมอยังแนะนำให้มาอัลตร้าซาวน์อีกหกเดือน แต่หลังจากนี้ก็ตั้งใจว่าจะออกกำลังกายมากขึ้น และเลือกกินอาหารที่ดีขึ้น เพราะช่วงที่รอผลตรวจ ใจคิดถึง worse case หรือสิ่งที่ไม่คาดคิดต่างๆนา ก็รู้สึกว่าบางที่เราอาจจะละเลยการดูแลตัวเองไป
สุดท้ายสิ่งที่ตั้งใจมาเขียนกระทู้นี้ก็เพราะว่า อยากคลายความกังวลใจของใครหลายๆคน ในระหว่างการรอผลตรวจชิ้นเนื้อเหมือนเรา และอยากให้ทุกคนคอยหมั่นเชคตัวเอง และตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพราะเอาจริงๆแล้วก้อนที่เราเจอตอนแรกไม่มีอะไรด้วยซ้ำ แต่ก้อนที่หมอสงสัยดันอยู่ลึกเข้าไปและเจอจากการอัลตร้าซาวน์ ถ้าไม่ไปตรวจก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่โชคดีของเราที่ชิ้นเนื้อที่ไปตรวจไม่มีปัญหาอะไร จึงอยากให้ทุกคนหมั่นตรวจเชคร่างกาย
ประสบการณ์การเจาะชิ้นเนื้อในท่อน้ำนมไปตรวจ (Birad4a)
คราวนี้เมื่อคลำเจออีกก็มีลักษณะคล้ายๆเดิม เลยไม่ได้กังวลมาก แต่ก็ไปตรวจเพื่อความสบายใจ เพราะอายุก็เริ่มเยอะแล้ว จึงได้ไปหาหมอศัลยกรรมทรวงอกที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ตอนแรกหมอก็คลำๆดูตามปกติ ก้อนก็กลิ้งได้ ลักษณะเรียบ หมอเลยไม่ได้มีท่าทีกังวลอะไร แต่เนื่องจากอายุสี่สิบแล้วหมอเลยอยากให้เมมโมแกรม เหมือนการตรวจประจำปีไปในตัว
เราก็เลยไปทำการตรวจเมมโมแกรม และอัลตร้าซาวน์เต้านม แต่คราวนี้ตอนกลับมาเจอคุณหมอ คุณหมอบอกว่าก้อนที่จับเจอตอนแรกเป็นแค่ถุงน้ำ แต่หมอกำลังสงสัย.. คำพูดนี้ของหมอทำให้เรากังวล คราวนี้เราก็เริ่มหน้าเสียแล้ว คุณหมอแจ้งว่ามันมีก้อนนึงประมาณ 0.5-0.6 cm. ที่อยู่ข้างหลังและดันไปอยู่ในท่อน้ำนม ทำให้ท่อน้ำนมโต เราเลยถามว่าเป็นซีสต์เหมือนกันหรอคะ คุณหมอบอกว่ามันขุ่นๆนะ เราก็ยิ่งกังวลไปใหญ่ คราวนี้เริ่มมีคำถามต่างๆนา มันเป็นก้อนยังไง กลิ้งได้มั้ย อันตรายรึเปล่า หมอจึงบอกว่าหมอแค่สงสัย และอยากให้ตรวจเจาะเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ซึ่งหมอเขียนในผลตรวจว่า Birad4a ซึ่งถ้าคนเอาไปหาข้อมูลเพิ่ม พอขึ้นว่า Birad4 ก็คือมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง ตามระดับ a b c d คือคุณหมอแจ้งว่ามีโอกาส 2-10 % ถึงแม้เปอร์เซ็นต์ที่เป็นจะน้อยมากๆ แต่ก็ทำให้เรากังวลอยู่ดี
จึงเข้าสู่กระบวนการเคลมประกัน รอประกันตอบกลับประมาณหนึ่งสัปดาห์ หลังจากประกันตอบกลับมา(ใช้เวลาประมาณสี่วัน) พอครบอาทิตย์ตามนัด เราก็เข้าห้องอัลตร้าซาวน์เตรียมเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ เริ่มแรกคุณหมอจะฉีดยาชา ไม่ได้เจ็บมาก ความรู้สึกเหมือนฉีดวัคซีนทั่วไป หลังจากนั้นคุณหมอก็จะกรีดแผลเล็กๆ เพื่อใส่เข็มยาวๆ แทงเข้าไปสะกิดชิ้นเนื้อ แต่เนื่องจากสรีระของเราค่อนข้างบาง และเนื้อหน้าอกแทบไม่มีเลย ส่วนก้อนที่จะเจาะดันไปใกล้กับช่วงปอดอีก อย่างที่บอกไปเนื้อหน้าอกเราน้อยมากๆ ทำให้ต้องเจาะแทงทะลุก้อนที่เป็นถุงน้ำเข้าไป ตอนเจาะไม่ค่อยเจ็บจะตึงๆ แต่จะรู้สึกกังวลมากกว่า
แต่อาการหลังจากเจาะนั้นวันรุ่งขึ้นเราระบมเลย เนื่องจากอย่างที่บอกเนื้อเราค่อนข้างน้อย และสรีระเราค่อนข้างบาง ช้ำง่าย สองวันเนื้อก็เริ่มเขียว ทั้งเจ็บทั้งกังวล กระวนกระวายใจไปหมด และกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศในวันที่ผลชิ้นเนื้อออกอีกด้วย ดีที่คุณหมอบอกพยาบาลไว้ ว่าจะเร่งผลให้ ดังนั้นก่อนวันเดินทางเราจีงโทรไปถามผลตรวจ แต่ผลตรวจก็ยังไม่ออก
ซึ่งอาทิตย์ที่รอผลตรวจ เป็นอาทิตย์ที่เครียดมาก กังวล น้ำหนักลดเลย อ่านข้อมูลเยอะแยะไปหมด จนยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ จนกระทั่งวันเดินทาง บ่ายๆจึงตัดสินใจโทรไปหาโรงพยาบาลอีกครั้ง และผลก็ออกเรียบร้อยแล้ว แต่พยาบาลไม่สามารถแจ้งผลให้คนไข้โดยตรงได้ ต้องเป็นคุณหมอเท่านั้น และคุณหมอก็ไม่เข้าตรวจวันนั้นอีก เราจึงขอร้องให้พยาบาลต่อสายคุณหมอให้หน่อย เพราะเราต้องเดินทางไปต่างประเทศ และรู้สึกกังวลมากๆ
ซักพักพยาบาลก็โทรกลับมา พร้อมคุณหมออยู่ในสาย ตอนนั้นคือหัวใจเต้นตึกตัก มือข้างนึงจับโทรศัพท์ มืออีกข้างกำสร้อยพระ จนกระทั่งคุณหมอแจ้งว่าผลไม่ใช่เนื้อร้าย เป็นแค่ท่อน้ำนมโตอย่างที่เคยคุยกัน และทำการนัดตรวจ follow up อีกหกเดือน เราจึงค่อยสบายใจหน่อย แต่เนื่องจากเป็นการคุยกันทางโทรศัพท์ เราก็กลัวว่าตัวเองจะฟังผลผิด จึงย้ำกับพยาบาลไปอีกครั้งว่าคุณหมอนัดอีกหกเดือนใช่มั้ยคะ และเราอยากมาคุยกับคุณหมออาทิตย์หน้าค่ะ อยากให้คุณหมอดูแผลด้วยเพราะค่อนข้างช้ำระบม พยาบาลเลยทำนัดให้เป็นสัปดาห์ต่อไป
พอกลับมาจากต่างประเทศเราก็เลยรีบมาเจอคุณหมอ เห็นผลตรวจที่เป็นกระดาษ และรูปตอนเจาะอัลตร้าซาวน์ก็ทำให้สบายใจมากขึ้น ทั้งนี้คุณหมอยังแนะนำให้มาอัลตร้าซาวน์อีกหกเดือน แต่หลังจากนี้ก็ตั้งใจว่าจะออกกำลังกายมากขึ้น และเลือกกินอาหารที่ดีขึ้น เพราะช่วงที่รอผลตรวจ ใจคิดถึง worse case หรือสิ่งที่ไม่คาดคิดต่างๆนา ก็รู้สึกว่าบางที่เราอาจจะละเลยการดูแลตัวเองไป
สุดท้ายสิ่งที่ตั้งใจมาเขียนกระทู้นี้ก็เพราะว่า อยากคลายความกังวลใจของใครหลายๆคน ในระหว่างการรอผลตรวจชิ้นเนื้อเหมือนเรา และอยากให้ทุกคนคอยหมั่นเชคตัวเอง และตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพราะเอาจริงๆแล้วก้อนที่เราเจอตอนแรกไม่มีอะไรด้วยซ้ำ แต่ก้อนที่หมอสงสัยดันอยู่ลึกเข้าไปและเจอจากการอัลตร้าซาวน์ ถ้าไม่ไปตรวจก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่โชคดีของเราที่ชิ้นเนื้อที่ไปตรวจไม่มีปัญหาอะไร จึงอยากให้ทุกคนหมั่นตรวจเชคร่างกาย