มา....... จะพาไป ปร๊าก Praha

ข้าพเจ้าเอาแฮมสไลด์แผ่นบางเฉียบที่จริงๆควรจะเป็นอาหารเช้าวันพรุ่งนี้บรรจงวางโปะลงบนม่าม่ารสหมูสับที่ภรรยาต้มให้เสร็จเรียบร้อย  แฮมสไลด์ค่อยๆ เปลี่ยนสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นของมันหอมยั่วยวนทั้งกลิ่นมาม่าและกลิ่นแฮมคุกกรุ่นผสมกัน ผสมกับยังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันตลอดสิบสามชั่วที่ผ่านมา นาฬิกาคาสิโอที่เปลี่ยนเวลาให้ตรงกับเวลาท้องถิ่นบอกเวลาตอนนี้ สี่ทุ่มครึ่ง ข้าพเจ้าดูดมาม่าเข้าปาก น้ำร้อนลวกฝีปากต้องผงะยิ้มออกมา จะเล่าละเอียดไปไหม หึหึ ข้าพเจ้าหัวเราะในใจ เอาละวะ ยุโรปข้าพเจ้ามาถึงแล้ว ถึงแม้จะยังไม่เห็นอะไร แต่พรุ่งนี้รับรองว่า ต้องอัศจรรย์แน่

ปร๊าก ยุโรปครั้งแรกของข้าพเจ้าและภรรยา


ข้าพเจ้าสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาเมื่อเห็นแสงอาทิตย์นั้นแยงเข้ามาจากหน้าต่าง เฮ้ย ตั้งใจว่าวันนี้จะไปถ่ายมุมพระอาทิตย์ขึ้น ตาย ตาย ตาย พลาดไปได้ยังไง ข้าพเจ้าถลันลงจากเตียง ปลุกภรรยาท้องหกเดือน รีบใส่เสื้อผ้าแล้วรีบออกกันเถอะ สองคนผัวเมียรีบจัดการธุระของตัวเองแล้วก็ถลันออกจากโรงแรมที่เป็นเหมือนตึกแถวสองคูหาตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาถูกที่สุดของไอเกีย ข้าพเจ้าทั้งจูงและลากภรรยาถูลูถูกังออกจากโรงแรมอย่างเร่งร้อน พลางถามว่า ตอนนี้มันกี่โมงกันแล้วเนี่ย ภรรยาข้าพเจ้ายกไอโฟนหยุดดูแล้วบอกว่า

“ตีห้าเอง” ภรรยาทำหน้างงๆ

ข้าพเจ้าไม่เชื่อ ไอโฟนยังไม่ปรับเวลาหรือเปล่า ต้องคาสิโอซิแน่นอน

“เอ้ยตีห้าเองว่ะ” ข้าพเจ้ากำลังงงและหันไปมอบรอบตัวๆ ถนน ร้านค้า อะไรๆ ยังเงียบสนิท

ตีห้าจริงๆ ตีห้าฟ้าสว่างแล้วหรือนี่ โถ! แล้วถ้าจะถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นไม่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามเลยหรอเนี่ย

อย่าแปลกใจที่จะไม่เห็นรูปอาทิตย์ขึ้นเลยซักรูปเดียวในครั้งนี้  


เราสองคนเดินขึ้นรถไฟใต้ดินที่มีแค่เพียงสี่หรือห้าสายเท่านั้น ไม่งงกะโหลกแตกเหมือนกับรถไฟไต้ดินญี่ปุ่น
บนรถยังแทบไม่มีคน บัตรโดยสารที่นับตามช่วงเวลาที่จะอยู่บนรถไฟ ทำให้เราสองคนตื่นเต้นไม่น้อย เพราะไม่รู้ว่าจะนั่งเกินหรือเวลาที่กำหนดไว้ในบัตรหรือเปล่า แต่จะว่าไปก็ไม่เห็นมีใครตรวจอะไรเลยนะ

เรานั่งมาลงสถานนีที่ใกล้กับจุดท่องเที่ยวหลักของปร๊ากนั่นก็คือ สะพานชาร์ล นั่นเอง
จากสถานนีรถไฟใต้ดินเราเดินสบายๆ มาซักพัก ก็ถึงสะพานชาร์ลที่ไร้ผู้คนกำลังอาบแสงแดดอุ่นๆยามเช้า

เราสองคนอยู่บนสะพานมองผ่านไปเห็นปราสาทปร๊ากอยู่ฝั่งตรงข้าม อากาศยามเช้าสดชื่น มีคนใส่ชุดแต่งงานมาถ่ายรูปอยู่ไกลๆ  มีคนจูงหมามาเดินเล่น มีคนมาวิ่งเล็กน้อย และมีข้าพเจ้ากับภรรยายืนกินแซนวิชที่ทำเองอยู่ ทั้งสะพานมีคนแค่นี้   ให้สามคำ

สวย สงบ โรแมนติก

จากสะพานชาร์ลเดินข้ามฝั่งมายังฝั่งปราสาท จะมีมุมเก๋ให้ถ่ายรูปเล่นได้เยอะเลย ตอนเช้าๆไม่มีคนจัดไปสบายๆ เดินไปถ่ายไปสองชั่วโมงกว่า คนก็ยังไม่ค่อยเยอะ แปลกจัง เดินตรงมาอีกนิดจะเห็นร้านสตาร์บัค นั่นแหละจัดไปเช้าๆแบบนี้ เปล่านะไม่ได้ไปหากาแฟ แต่ไปหาส้วมต่างหาก

จากร้านสตาร์บัคข้าพเจ้าพาภรรยาเดินลัดเลาะไปตามทางแคบๆเจอกับทางเดินบรรไดขึ้นสู่ปราสาท

ดมาด้านหลังปราสาทจะมีบ้านหลังเล็กๆ สีสดในน่ารัก เหมือนบ้านการ์ตูนตรงนี้ก็เสียค่าเข้าต่างหาก
แต่มาแล้วก็เข้าไปดูซักหน่อย บ้านหลายหลังน่ารักมาก หลังเล็กนิดเดียว อันนี้คงจะเป็นต้นแบบทาวน์เฮ้าสท์แน่ๆ


เดินออกมาด้านหลังปราสาทวิวสวยไม่ธรรมดาเหมือนกัน เดินลงมาด้านหลังตัดข้ามถนนไปเจอทางเดินเล็กๆ เดินลงไปริมแม่น้ำได้ เห็นสะพานชาร์ลถนัดตา อีกทั้งไม่น่าเชื่อ มันมีหงส์ด้วย เอ้ย อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนั้น  


ข้าพเจ้าพยามมองรอบตัวหาจุดดีดีมุมสูงที่จะเอาไว้ถ่ายรูปตอนพระอาทิตย์ตกวันนี้ ก็มองไปเห็นเนินๆหนึ่งอยู่ข้างปราสาท จึงหารถรางนั่งขึ้นไป โชคดีที่เป็นดังที่ตั้งใจไว้ บนเนินเขานั้นมีสวนสาธารณะใหญ่พอสมควร ข้าพเจ้าเดินเข้าไปเหมาะเจาะเจอเก้าอี้นั่งสบายๆ ที่เห็นเมืองทั้งเมืองได้ เอาละทีนี้ก็ต้ังกล้องรออย่างเดียว


ข้าพเจ้านั่งรอจนเริ่มหนาว เวลาผ่านถึงสองทุ่มครึ่งก็แล้วพระอาทิตย์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตก
จึงเลิกล้มความตั้งใจ ถึงซะว่าวันนี้เรามาเซอร์เวย์กันก่อนก็แล้วกัน นั่งรถรางลงมาเดินเล่นริมน้ำ
ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ มืดช้านี่ก็ดีอย่างมีเวลาถ่ายรูปเยอะจริงๆ



เดินข้ามสะพานชาร์ลมากลับมาฝั่ง old town วันนี้ข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะเดินเล่นแต่ส่วนนี้
แล้ว Old town ค่อยเก็บไว้เป็นวันพรุ่งนี้เต็มๆ เดินข้ามสะพานกลับมาเลี้ยวขวา
จะเจอส่วนนึงที่เป็นระเบียงยื่นออกไปในแม่น้ำมีร้านอาหารหลายร้านและมีที่นั่งชมวิว

ตรงนี้แหละใช่เลย มุมนี่แหละใช่เลย ข้าพเจ้าสั่งภรรยานั่งรอ เอ้ย นั่งพัก แล้วก็ค่อยๆเอากล้องตัวน้อยของข้าพเจ้ามาวาง
สั่งเบียร์กินซักแก้วนึง เบียร์ที่นี่ถูกกว่ากาแฟ แก้วละห้าสิบบาทแปดสิบบาท เมื่อข้าพเจ้าได้เบียร์แล้ว ก็นั่งตากแสงรอพระอาทิตย์ตกในค่ำวันนี้
พระอาทิตย์ค่อยๆ คล้อยตกพร้อมกับปราสาทค่อยเปิดไฟทีละนิด แล้วในที่สุด ข้าพเจ้าก็ได้รูปที่รอคอย



และโปรแกรมสำหรับค่ำคืนนี้ ข้าพเจ้าจะพาไปดูมหรสพกัน
ข้าพเจ้าซื้อตั๋วดูโอเปร่าเรื่อง โรมิโอกับจูเลียต ไว้ เพราะเป็นเรื่องที่รู้จักมากที่สุดในบรรดาโปรแกรมทั้งหมดที่มี
การจองและซื้อก็ไม่ยากอะไร จองและเลือกเก้าอี้ผ่านเว็บไซต์ได้ทันที แล้วก็มารับตั๋วพร้อมกับจ่ายเงินได้ที่นี่
ค่าตั๋วนั้นก็ไม่แพงมากสำหรับคนสายตายาวอย่างข้าพเจ้าและภรรยา นั่งไกลๆสูงๆ ก็ประมาณห้าร้อย ใครสายตาสั้นต้องนั่งใกล้ก็แพงหน่อย
พันกว่าบาท การแต่งตัวก็แบบว่า เค้าว่ากันว่าคนมาดูโอเปร่าที่นี่แต่งตัวกันดีมากๆ ข้าพเจ้าเลยต้องพกสูทมาตัวนึงเพื่อไม่ให้ประเทศสยามของเราต้องเสียชื่อเสียง โรงละครที่ว่านี้อยู่ใกล้กับปร๊ากมิวเซียมที่กำลังปิดซ่อมแซมอยู่ เมื่อถึงเวลาข้าพเจ้าเข้าไปที่โรงละคร โอ้โหแต่ละคนแต่งตัวกันมาอย่างกับงานแต่งงานจริงๆ สูทและชุดราตรีเต็มยศ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเสียด้วย ข้าพเจ้าประหม่าเล็กน้อย เจ้าหน้าที่มาต้อนรับพาเราเดินขึ้นไปสู่ที่นั่งของเรา
ตัวโรงละครนั่นโอ่อ่าแม้จะไม่กว้างใหญ่มากมาย แต่ก็ทำให้ดูตื่นเต้นไม่น้อย

วงออเคสตราที่บรรเลงอยู่เบื้องล่างนั้นเล่นได้ไพเราะ บางครั่งก็เล่นได้มันส์เข้าใส้จริงๆ พึ่งเคยได้ฟังออเคสตราสดๆแบบนี้
ส่วนเรื่องการแสดงนั้น แม้ว่าจะมีพื้นฐานโรมิโอจูเลียตมาบ้างแล้วแต่แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย การแสดงที่เห็นนั้นมันผ่านการขัดเกลาไปไกลมาก
จึงได้แต่ปรบมือตามคนหมู่มากไป ผ่านไปสองชั่วโมงครึ่งแม้จะไม่รู้เรื่องเท่าไร แต่ก็ไม่น่าเบื่อ สนุกดี

จบจากโอเปร่าก็เดินเข้าไปชม Old Town ตอนกลางคืนซักหน่อย ดูซิลากภรรยาท้องห้าหกเดือนออกมาเดินตั้งแต่ตีห้าจนสี่ห้าทุ่ม
จากโรงละครเดินผ่านถนนหน้ามิวเซียมมายึกคึกคักมีของขาย ภรรยาหยุดซื้อไอติมน่าจะเป็นอันที่ห้าของวันนี้ ไอติมโคนละสามสิบกว่าบาท
เดินลัดตามถนนและซอยเล็กซอยน้อยก็มาโผล่ที่ old town ซะแล้ว



เดินมาอีกนิดจากหน้าลานกว้างๆ ไปหน้าหอนาฬิกาแม้จะดึกแต่คนก็ยังเยอะอยู่ อากาศเริ่มหนาวลงๆ
รูปสุดท้าย แล้วกลับไปนอนหลับในเตียงอุ่นๆที่โรงแรมดีกว่า


วันรุ่งขึ้นตื่นเช้ามา เราอยู่ปรากสี่ห้าวัน ไม่ต้องทำอะไรเยอะ ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยช้าๆ
ไม่มีกิจกรรมอะไรเป็นหลักแหล่ง วันนี้ก็เดินเล่นดูเมือง ดูคน ดูผู้หญิง เอ้า จริงๆ ผู้หญิงเชค หน้าตาสวยมากๆเลยจริงๆ
วันนี้จะไปเดินย่าน ยิวทาวน์ กัน



มีร้านกาแฟน่ารักๆอยู่ตามมุมเล็กๆ หลายร้าน
ตื่นมาซัดอาหารเช้ากันก่อน วันนี้ตั้งสติได้ละ รู้ว่าร้านใหนแพง ร้านใหนถูก

อย่างตามรูปนี้ รูปบนก็ห้าสิบบาท รูปล่างเสต๊กจานใหญ่หน่อยประมาณสองร้อย ราคาพอๆกับร้านในห้างประเทศสยามบ้านเรา

ท้องอื่มก็ออกมาเดินเอื่อยๆ วันนี้ตั้งใจจะเปื่อย



พอตกบ่ายก็นั่งรถใต้ดินออกนอกเมืองไปที่ Vyšehrad ที่นี่มีสวนเขียวๆร่มรื่นให้นั่งเล่นนอนเล่น


มานอนเล่นใต้ต้นไม้ซักพัก หิว เดินหาไรกิน เดินตามกลิ่นมาที่นี่มีสวนเล็กๆจัดเป็นเบียร์การ์เด้นท์
ใช่เลย จัดใส้กรอกย่างไฟร้อนๆ คนละอัน มีเบียร์สดจากเครื่องปั้มให้ปั้มกินกันสดๆ อร่อย อิ่ม สบาย



กินอิ่มแล้วเดินออกมาด้านหลังยังมีมุมใหถ่ายรูปกว้างๆอีก


แล้วก็กลับมาโรงแรมเตรียมตัวไป Cesky Kulov ต่อพรุ่งนี้ เมืองที่โรแมนติกสุดๆ ไปเลย
http://pantip.com/topic/33258514

รูปเซตนี้ใช้ Fuji X pro 1 ทั้งหมดครับผม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่