เรื่องมีอยู่ว่า
ผมนั่งรอแม่และพี่ที่ขับรถจะมารับที่ บขส โคราช ตอนประมาณบ่ายสอง ผู้คนไม่ค่อยมากนัก นั่งไปสักพักนึง ก็มี ผู้ชายสูงอายุหน้าตาน่าสงสารอายุประมาณ 60 กว่าปี มานั่งข้างๆ(ค่อนข้างจะใกล้ชิด) ผมก็ไม่เอะในใจอะไร แต่สักพักนึง ได้ยินเสียงลุงคนนั้นบอกว่า "ลุงขอเงิน 20 บาท....ลุงยังไม่ได้กินข้าวเลย"
ผมก็ตกใจนิดหน่อยเลยเข้าไปถามใหม่ว่า "อะไรนะคับ?"
ลุงก็บอกว่า "ลุงขอเงิน 20 บาท..." ลุงหันหน้าหนี พร้อมกับพูดว่า "ลุงไม่เคยทำแบบนี้เลย...ลุงตกงาน ตอนนี้ลุงเหลือเงิน 20 บาทค่ารถกลับกลับอุดร 120 บาท " พร้อมกับเอาเงิน 20 บาทออกมาให้ดู "
ผมก็เลย สงสาร(ในใจก็เริ่มคิดว่า เอ่อมุขเดิมๆรึปล่าว แต่น่าสงสารจริงๆว่ะ แค่20 เอง) ก็เลยให้เงินไป 20...
ลุงก็รับไปแล้วเล่าให้ฟังว่า ลุงเป็นคน อุดร มาทำงานก่อสร้างแล้วผู้ว่าจ้างมันหนีหายไปเลยเลิกจ้างไป เหล่าคนงานก็พากันกลับบ้าน จะไปตามเอาอะไรก็ไม่ได้แล้ว พร้อมเอาบัตรประชนจากกระเป๋าเสื้อออกมาให้ดู
ผมก็บอกว่า อ่อไม่เป็นไรคับบ...แล้วก็ยิ้มเบาๆ
แล้วก็นั่งเงียบๆไปสักพัก แล้งลุงก็พูดว่า "ลุงไปสูบบุหรี่ก่อน" ลุงก็ลุกไปสูบบุหรี่
ตอนนั้นคิดในใจ ไม่มีเงินเชี่ยไรมีเงินซื้อบุหรี่ แต่ก็แอบคิด มันเครียดรึป่าว!!! บุหรี่เหลือยุไรงี้
โหย ตอนนั้นคิดนานมากก จะทำไงดี สงสารมากก แต่จะช่วยดีมั้ยเงินผมก็ไม่ได้คัดสน แต่มันเป็นเงินแม่ที่ส่งมาให้ใช้จ่าย ไม่ได้หาเองไง ถ้าผมหาเองผมให้ไปละ ก็คิดหนักทีนี้ (ระหว่างคิดก็กวาดสายตาไปดูกระเป๋าเดินทางลุง สภาพแบบว่า ขาดเป็นที่ๆ รอยต่อนี่ผ้ารุ่ยเชียว ผมกระชากที่กระจายอะ) ทำให้สงสารลุงเข้าไปใหญ่
แล้วลุงก็กลับมานั่งที่เดิม ผมเห็นลุงยังไม่ได้กินข้าวแต่เช้าก็เลยกะหาของกินในกระเป๋าให้ แต่หมดซะงั้น เหลือแต่น้ำเปล่าก็เลยยื่นให้ลุงไป ลุงก็รับไปแล้วกินเลยเกือบหมดขวด^^" หลังจากนั้นด็คุยกับลุงอีก ได้เรื่องว่า ลุงตกงานมาจากประจวบ มาถึงแต่เช้า เหลือเงิน 20 บาท ไม่พอค่ารถ ไปขอตั๋วฟรีกับตำรวจก็โดนด่า ไปคุยกะคนขายตั๋วก็โดนไล่ เขาดูถูกคนจน บราๆๆ ลุงพูดเหมือนน้อยใจ แล้วผมก็ถามลุงว่า
ลุง ลุงมีใครยุที่บ้านมั้ยคับ ไม่ติดต่อไปละ ลุงบอก ลุงมีลูกยุ อุดร อายุ 21 ปีแล้ว ลูกก็รับเหมาก่อสร้าง เบอร์ไม่มีไม่ได้เอามา ที่นาลุงก็ไม่มี แล้วลุงก็พูดอีกว่า ลุงมีเงินไม่พอค่ารถ แล้วก็อะไรไม่รุ้ไม่ได้ฟัง...
ผม(อยากดูบัตรประชาชนว่าจริงมั้ย!) เลยพูดว่า เออลุง ผมมีเพื่อนอยู่อุดรคนนึง ไม่รุ้อยู่บ้านเดียวกับลุงมั้ย ลุงยุที่ไหนนะคับ?? พร้อมยื่นมือไป ลุงเลยเอาบัตรประชาชนมาให้ดู ปรากฎว่าจริง ลุงยุ จ. อุดร อำเภอ กุมพวาปี แต่นอกนั้นไมได้ดู T^T
แล้วต่างคนต่างนั่งเงียบไปนานน (คิดยุว่า เอิ่ม ทำไงดี อยากช่วยมากก แต่ผมจะให้ดีมั้ย โทรไปปรึกษาแม่ดีมั้ย แต่ผมโตแล้วนะ คิดเองงงได้ ก็นั่งคิดยุนาน แต่มือควักเงิน 100 ในเป๋าตังมารอละ แล้วก็คิดได้ว่า...?.... เห็นรถมาแล้วเท่านั้นแหละ สอดเงินให้ลุงเบาๆ แล้วยิ้มให้ก่อนขึ้นรถ ลุงก็พยักหน้าให้ แล้วผมก็ขึ้นรถกลับบ้านเลย!...
ในตอนนั้นคิดได้ว่า "คงเสียใจแน่นอน ถ้าไม่ได้ช่วยลุงคนนี้ ถ้าเกิดลุงเขาพูดความจริงก็ได้ช่วยคนคนหนึ่ง แต่ถ้าโกหกหาเงินไปกินเหล้าทำอะไรไป ก็ช่างไม่เป็นไร แค่เงิน 120 บาท ทำบุญกับพระที่เงินทองมากมายยังทำได้ ทำกับคนแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้" เลยให้ลุงไป
เหตุการณ์นี้ทำให้ผมคิดได้หลายอย่างว่า คนเรายังมีคนตกทุกข์ได้ยากอีกมากมาย ที่ต้องการหาเงินเพื่อมาดำรงชีวิตให้อยู่รอด แค่ 20 บาท หรือ บาทสองบาทก็มีคุณค่า ต่างกับคนอีกมากมายที่ไม่ใส่ใจค่าของเงินที่เรามีอยู่ ใช้อย่างฟุ่มเฟือย กิน อยู่ อย่างฟุ่มเฟือย
พอมองกลับไปดูลุงคนนั้นในความทรงจำแล้ว คิดในใจว่า ทำไมโลกนี้มันช่างโหดร้าย เพียงเพราะไม่มีเงินก็อยู่ยากลำบาก อะไรๆก็ต้องใช้เงิน แต่มีอยุ่สิ่งหนึ่งที่จะทำได้โดยไม่ต้องใช้เงินนั่นคือ รักพ่อแม่เราให้มากๆ มีเพียงความรัก ความเอาใจใส่ ที่พวกท่านต้องการ ไม่ต้องการเงินแม้แต่สตางค์เดียว
ลุง ที่ บขส.
ผมนั่งรอแม่และพี่ที่ขับรถจะมารับที่ บขส โคราช ตอนประมาณบ่ายสอง ผู้คนไม่ค่อยมากนัก นั่งไปสักพักนึง ก็มี ผู้ชายสูงอายุหน้าตาน่าสงสารอายุประมาณ 60 กว่าปี มานั่งข้างๆ(ค่อนข้างจะใกล้ชิด) ผมก็ไม่เอะในใจอะไร แต่สักพักนึง ได้ยินเสียงลุงคนนั้นบอกว่า "ลุงขอเงิน 20 บาท....ลุงยังไม่ได้กินข้าวเลย"
ผมก็ตกใจนิดหน่อยเลยเข้าไปถามใหม่ว่า "อะไรนะคับ?"
ลุงก็บอกว่า "ลุงขอเงิน 20 บาท..." ลุงหันหน้าหนี พร้อมกับพูดว่า "ลุงไม่เคยทำแบบนี้เลย...ลุงตกงาน ตอนนี้ลุงเหลือเงิน 20 บาทค่ารถกลับกลับอุดร 120 บาท " พร้อมกับเอาเงิน 20 บาทออกมาให้ดู "
ผมก็เลย สงสาร(ในใจก็เริ่มคิดว่า เอ่อมุขเดิมๆรึปล่าว แต่น่าสงสารจริงๆว่ะ แค่20 เอง) ก็เลยให้เงินไป 20...
ลุงก็รับไปแล้วเล่าให้ฟังว่า ลุงเป็นคน อุดร มาทำงานก่อสร้างแล้วผู้ว่าจ้างมันหนีหายไปเลยเลิกจ้างไป เหล่าคนงานก็พากันกลับบ้าน จะไปตามเอาอะไรก็ไม่ได้แล้ว พร้อมเอาบัตรประชนจากกระเป๋าเสื้อออกมาให้ดู
ผมก็บอกว่า อ่อไม่เป็นไรคับบ...แล้วก็ยิ้มเบาๆ
แล้วก็นั่งเงียบๆไปสักพัก แล้งลุงก็พูดว่า "ลุงไปสูบบุหรี่ก่อน" ลุงก็ลุกไปสูบบุหรี่
ตอนนั้นคิดในใจ ไม่มีเงินเชี่ยไรมีเงินซื้อบุหรี่ แต่ก็แอบคิด มันเครียดรึป่าว!!! บุหรี่เหลือยุไรงี้
โหย ตอนนั้นคิดนานมากก จะทำไงดี สงสารมากก แต่จะช่วยดีมั้ยเงินผมก็ไม่ได้คัดสน แต่มันเป็นเงินแม่ที่ส่งมาให้ใช้จ่าย ไม่ได้หาเองไง ถ้าผมหาเองผมให้ไปละ ก็คิดหนักทีนี้ (ระหว่างคิดก็กวาดสายตาไปดูกระเป๋าเดินทางลุง สภาพแบบว่า ขาดเป็นที่ๆ รอยต่อนี่ผ้ารุ่ยเชียว ผมกระชากที่กระจายอะ) ทำให้สงสารลุงเข้าไปใหญ่
แล้วลุงก็กลับมานั่งที่เดิม ผมเห็นลุงยังไม่ได้กินข้าวแต่เช้าก็เลยกะหาของกินในกระเป๋าให้ แต่หมดซะงั้น เหลือแต่น้ำเปล่าก็เลยยื่นให้ลุงไป ลุงก็รับไปแล้วกินเลยเกือบหมดขวด^^" หลังจากนั้นด็คุยกับลุงอีก ได้เรื่องว่า ลุงตกงานมาจากประจวบ มาถึงแต่เช้า เหลือเงิน 20 บาท ไม่พอค่ารถ ไปขอตั๋วฟรีกับตำรวจก็โดนด่า ไปคุยกะคนขายตั๋วก็โดนไล่ เขาดูถูกคนจน บราๆๆ ลุงพูดเหมือนน้อยใจ แล้วผมก็ถามลุงว่า
ลุง ลุงมีใครยุที่บ้านมั้ยคับ ไม่ติดต่อไปละ ลุงบอก ลุงมีลูกยุ อุดร อายุ 21 ปีแล้ว ลูกก็รับเหมาก่อสร้าง เบอร์ไม่มีไม่ได้เอามา ที่นาลุงก็ไม่มี แล้วลุงก็พูดอีกว่า ลุงมีเงินไม่พอค่ารถ แล้วก็อะไรไม่รุ้ไม่ได้ฟัง...
ผม(อยากดูบัตรประชาชนว่าจริงมั้ย!) เลยพูดว่า เออลุง ผมมีเพื่อนอยู่อุดรคนนึง ไม่รุ้อยู่บ้านเดียวกับลุงมั้ย ลุงยุที่ไหนนะคับ?? พร้อมยื่นมือไป ลุงเลยเอาบัตรประชาชนมาให้ดู ปรากฎว่าจริง ลุงยุ จ. อุดร อำเภอ กุมพวาปี แต่นอกนั้นไมได้ดู T^T
แล้วต่างคนต่างนั่งเงียบไปนานน (คิดยุว่า เอิ่ม ทำไงดี อยากช่วยมากก แต่ผมจะให้ดีมั้ย โทรไปปรึกษาแม่ดีมั้ย แต่ผมโตแล้วนะ คิดเองงงได้ ก็นั่งคิดยุนาน แต่มือควักเงิน 100 ในเป๋าตังมารอละ แล้วก็คิดได้ว่า...?.... เห็นรถมาแล้วเท่านั้นแหละ สอดเงินให้ลุงเบาๆ แล้วยิ้มให้ก่อนขึ้นรถ ลุงก็พยักหน้าให้ แล้วผมก็ขึ้นรถกลับบ้านเลย!...
ในตอนนั้นคิดได้ว่า "คงเสียใจแน่นอน ถ้าไม่ได้ช่วยลุงคนนี้ ถ้าเกิดลุงเขาพูดความจริงก็ได้ช่วยคนคนหนึ่ง แต่ถ้าโกหกหาเงินไปกินเหล้าทำอะไรไป ก็ช่างไม่เป็นไร แค่เงิน 120 บาท ทำบุญกับพระที่เงินทองมากมายยังทำได้ ทำกับคนแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้" เลยให้ลุงไป
เหตุการณ์นี้ทำให้ผมคิดได้หลายอย่างว่า คนเรายังมีคนตกทุกข์ได้ยากอีกมากมาย ที่ต้องการหาเงินเพื่อมาดำรงชีวิตให้อยู่รอด แค่ 20 บาท หรือ บาทสองบาทก็มีคุณค่า ต่างกับคนอีกมากมายที่ไม่ใส่ใจค่าของเงินที่เรามีอยู่ ใช้อย่างฟุ่มเฟือย กิน อยู่ อย่างฟุ่มเฟือย
พอมองกลับไปดูลุงคนนั้นในความทรงจำแล้ว คิดในใจว่า ทำไมโลกนี้มันช่างโหดร้าย เพียงเพราะไม่มีเงินก็อยู่ยากลำบาก อะไรๆก็ต้องใช้เงิน แต่มีอยุ่สิ่งหนึ่งที่จะทำได้โดยไม่ต้องใช้เงินนั่นคือ รักพ่อแม่เราให้มากๆ มีเพียงความรัก ความเอาใจใส่ ที่พวกท่านต้องการ ไม่ต้องการเงินแม้แต่สตางค์เดียว