สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เป็นสามีภรรยากัน ก็เหมือนเป็นคนเดียวกันแล้ว เงินที่หามาได้ ก็เป็นเงินสินสมรส เงินในครอบครัว
แต่งงานกัน จดทะเบียน ยืนสาบานต่อ พระเจ้าด้วยกัน ว่าจะเป็นผัวเดียว เมียเดียว ไปด้วยกันจนวันตายจากกัน
จะมาแบ่งแยกกระเป๋า ของใครของมัน ก็ไม่อยู่ด้วยหรอก งั้นจะแต่งกันทําไม ไม่ต้องมานั่งปวดหัวซีเรียสคิดมาก
ต่างคนต่างอยู่ มีอารมย์ก็โทร์หา นํ้าแตก ก็แยกทางกันซะ ง่ายดี ไม่มีข้อผูกมัด
คนอื่น ไม่รู้นะ แต่เราไม่เอาเด็ดขาดถ้ามาคิดเช่นนี้ แล้วแต่งงาน เหมือนไม่ใช่ผัวเมีย อย่างไงก็ไม่รู้
การแต่งงาน เป็นผัวเมีย มันไม่ใช่เพียงแค่เงินนะ ยืนอยู่กิน กินด้วยกัน ดูแลกัน เมื่อเวลาเจ็บป่วย เมื่อเวลาแก่ตัวมา
ถ้ามาคิดแต่เรื่องเงิน อยู่ด้วยกันลําบาก ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย
แต่งงานกัน จดทะเบียน ยืนสาบานต่อ พระเจ้าด้วยกัน ว่าจะเป็นผัวเดียว เมียเดียว ไปด้วยกันจนวันตายจากกัน
จะมาแบ่งแยกกระเป๋า ของใครของมัน ก็ไม่อยู่ด้วยหรอก งั้นจะแต่งกันทําไม ไม่ต้องมานั่งปวดหัวซีเรียสคิดมาก
ต่างคนต่างอยู่ มีอารมย์ก็โทร์หา นํ้าแตก ก็แยกทางกันซะ ง่ายดี ไม่มีข้อผูกมัด
คนอื่น ไม่รู้นะ แต่เราไม่เอาเด็ดขาดถ้ามาคิดเช่นนี้ แล้วแต่งงาน เหมือนไม่ใช่ผัวเมีย อย่างไงก็ไม่รู้
การแต่งงาน เป็นผัวเมีย มันไม่ใช่เพียงแค่เงินนะ ยืนอยู่กิน กินด้วยกัน ดูแลกัน เมื่อเวลาเจ็บป่วย เมื่อเวลาแก่ตัวมา
ถ้ามาคิดแต่เรื่องเงิน อยู่ด้วยกันลําบาก ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่ว่า ใครจะรายได้มากกว่าหรือน้อยกว่ากันแค่ไหน
รายได้ที่สามีหาได้ ควรยกให้ภรรยา บริหารการเงินในบ้านค่ะ สิ้นเดือนมา เงินเดือน สามี เท่าไหร่ก็ตาม
แบ่ง ให้ภรรยาไปเลย 70 เปอร์เซนต์ ของเงินเดือน
และเรื่องการจ่ายเงิน ต่างๆ นาๆ ก็ให้ภรรยา จัดการไป ถ้าระหว่างเดือน สามี ขัดสนเงินทอง สามีก็ขอเงินภรรยา เป็นครั้งๆไป
ไม่ต้องถึงขั้นมา คำนวณ สัดส่วน การจ่ายค่ะ
ปฏิบัติ เช่นนี้แหละ ครอบครัว จะเป็นสุข
รายได้ที่สามีหาได้ ควรยกให้ภรรยา บริหารการเงินในบ้านค่ะ สิ้นเดือนมา เงินเดือน สามี เท่าไหร่ก็ตาม
แบ่ง ให้ภรรยาไปเลย 70 เปอร์เซนต์ ของเงินเดือน
และเรื่องการจ่ายเงิน ต่างๆ นาๆ ก็ให้ภรรยา จัดการไป ถ้าระหว่างเดือน สามี ขัดสนเงินทอง สามีก็ขอเงินภรรยา เป็นครั้งๆไป
ไม่ต้องถึงขั้นมา คำนวณ สัดส่วน การจ่ายค่ะ
ปฏิบัติ เช่นนี้แหละ ครอบครัว จะเป็นสุข
ความคิดเห็นที่ 14
ให้ภรรยาจัดการนี่ต้องคิดดี ๆ นะ ควรดูด้วยว่าภรรยาจัดการเป็น/ยุติธรรม/โปร่งใสหรือเปล่าด้วย
เห็นจากในกระทู้อื่น ๆ ในนี้แหละ ที่ให้ภรรยาจัดการหมด ผลสุดท้ายมารู้ตัวว่าภรรยาจัดการเรื่องการเงินไม่เป็น ทั้งไม่มีเก็บ ทั้งไม่พอใช้ด้วย
.
.
.
เล่าวิธีของเราให้ฟัง...
ของเราตอนเป็นแฟนนี่หารเท่าค่ะ ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน แต่เวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็พยายามผลัดกับเค้าออก (ออกแนวแย่งกันจ่าย)
แต่ยังไงมาคิดกลม ๆ ดู ฝ่ายชายก็จ่ายมากกว่าที่เราจ่ายอยู่ดี
ส่วนหลังแต่งงานแล้ว จากที่เราเคยศึกษาเรื่องการเงินในครอบครัวมานะ
เราเอาหลักการของ financial advisor คนนึงมาใช้ คือ...
ให้ใครคนใดคนหนึ่งที่มีเซ้นส์เรื่องการจัดการเงินทอง/ลงทุน จัดการเงินส่วนกลางไปเลยคนเดียว
แล้วผ่านไปสองสามเดือนหรือปีนึง ค่อยมาสรุปให้อีกคนนึงฟัง (ชี้แจงพอร์ตโฟลิโอของครอบครัว)
เราเลยเป็นคนจัดการเงินซะเอง เพราะเรามีวินัย/หัวทางการเงินมากกว่า
คือเวลาเงินฝ่ายชายเข้า เราเห็นหมดว่าเข้าเท่าไหร่ เพราะเป็นบัญชีร่วมสองคน
เวลาเงินเราเข้า เค้าไม่เห็น เพราะมันเข้าทางบัญชีเดี่ยวของเรา
แต่ไม่ได้ปิดบังอะไรนะ แต่เพราะเราลิงก์กับบัญชีภายนอกไว้ ใช้ชื่อคนเดียวสะดวกกว่า แถมเวลาทำภาษีก็รู้กันหมดอยู่ดี
แล้วเราก็จัดการเองทุกบัญชีนั่นแหละค่ะ
ทั้งบัญชีเช็ค บัญชีเซฟวิ่ง ลงทุน สต็อก 401K ของเค้าเรายังแอ็คเซสเข้าไปได้เลย
แล้วเรามีแอพตัวนึงที่จัดการพอร์ตโฟลิโอของการเงินในบ้าน รวมทุกอย่าง ทั้งค่าใช้จ่าย ออม ลงทุน
และฝ่ายชายสามารถเข้าไปดู/แก้ไขรายการในแอพตัวนี้บนพีซีของเค้าได้เองด้วย (คือมันแชร์กันบนพีซี-พีซี-มือถือได้)
จากตัวเลขที่คุณให้มานะ... เดาว่าคุณคูณเป็นเงินไทยใช่ไหมคะ
ถ้าไม่ใช่ตัวเลขสมมุติแต่คุณเอาดอลล่าร์มาคูณเป็นเงินไทยนะ
เราแนะนำว่า คุณย้ายบ้านเหอะ
ค่าเช่าบ้านของคุณมันแพงสำหรับอินคัมคุณสองคนรวมกันค่ะ
คิดกลม ๆ มันเกือบครึ่งหนึ่งของฝ่ายชายเลยค่ะ แถมแซงรายได้คุณไปมิดเลยด้วย
แล้วค่อย ๆ คิดเรื่องการเงินร่วมกันนะคะ ประนีประนอมหน่อย แต่ต้องชัดเจน โปร่งใส
ไอ้การที่เค้าจะมาปิดเงินรายได้กับคุณนี่ ไม่ได้ค่ะ อย่ายอม มันเป็นผลเสียกับชีวิตคู่นะ
เรื่องการเงินในครอบครัวนี่ มันละเอียดอ่อนนะ บางทีน่ะ
ต่างคนต่างต้องโปร่งใสค่ะ ให้อิสระกันบ้าง จะได้ไม่อึดอัดมาก
(หมายถึงว่า ไม่ต้องจุ้นไปหมดทุกดอลล่าร์ว่าเอาไปซื้อลิปสติกสีไหน ๆ บ้าง หรือกินกาแฟไปกี่แก้ว)
แต่รวม ๆ แล้วควรบอกได้ว่า มันไหลออกไปเป็นประเภทไหนบ้าง
แล้วคุณสองคนต้องเปิด/โปร่งใสค่ะ ต้องนั่งลงคุยกันค่ะ
เห็นจากในกระทู้อื่น ๆ ในนี้แหละ ที่ให้ภรรยาจัดการหมด ผลสุดท้ายมารู้ตัวว่าภรรยาจัดการเรื่องการเงินไม่เป็น ทั้งไม่มีเก็บ ทั้งไม่พอใช้ด้วย
.
.
.
เล่าวิธีของเราให้ฟัง...
ของเราตอนเป็นแฟนนี่หารเท่าค่ะ ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน แต่เวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็พยายามผลัดกับเค้าออก (ออกแนวแย่งกันจ่าย)
แต่ยังไงมาคิดกลม ๆ ดู ฝ่ายชายก็จ่ายมากกว่าที่เราจ่ายอยู่ดี
ส่วนหลังแต่งงานแล้ว จากที่เราเคยศึกษาเรื่องการเงินในครอบครัวมานะ
เราเอาหลักการของ financial advisor คนนึงมาใช้ คือ...
ให้ใครคนใดคนหนึ่งที่มีเซ้นส์เรื่องการจัดการเงินทอง/ลงทุน จัดการเงินส่วนกลางไปเลยคนเดียว
แล้วผ่านไปสองสามเดือนหรือปีนึง ค่อยมาสรุปให้อีกคนนึงฟัง (ชี้แจงพอร์ตโฟลิโอของครอบครัว)
เราเลยเป็นคนจัดการเงินซะเอง เพราะเรามีวินัย/หัวทางการเงินมากกว่า
คือเวลาเงินฝ่ายชายเข้า เราเห็นหมดว่าเข้าเท่าไหร่ เพราะเป็นบัญชีร่วมสองคน
เวลาเงินเราเข้า เค้าไม่เห็น เพราะมันเข้าทางบัญชีเดี่ยวของเรา
แต่ไม่ได้ปิดบังอะไรนะ แต่เพราะเราลิงก์กับบัญชีภายนอกไว้ ใช้ชื่อคนเดียวสะดวกกว่า แถมเวลาทำภาษีก็รู้กันหมดอยู่ดี
แล้วเราก็จัดการเองทุกบัญชีนั่นแหละค่ะ
ทั้งบัญชีเช็ค บัญชีเซฟวิ่ง ลงทุน สต็อก 401K ของเค้าเรายังแอ็คเซสเข้าไปได้เลย
แล้วเรามีแอพตัวนึงที่จัดการพอร์ตโฟลิโอของการเงินในบ้าน รวมทุกอย่าง ทั้งค่าใช้จ่าย ออม ลงทุน
และฝ่ายชายสามารถเข้าไปดู/แก้ไขรายการในแอพตัวนี้บนพีซีของเค้าได้เองด้วย (คือมันแชร์กันบนพีซี-พีซี-มือถือได้)
จากตัวเลขที่คุณให้มานะ... เดาว่าคุณคูณเป็นเงินไทยใช่ไหมคะ
ถ้าไม่ใช่ตัวเลขสมมุติแต่คุณเอาดอลล่าร์มาคูณเป็นเงินไทยนะ
เราแนะนำว่า คุณย้ายบ้านเหอะ
ค่าเช่าบ้านของคุณมันแพงสำหรับอินคัมคุณสองคนรวมกันค่ะ
คิดกลม ๆ มันเกือบครึ่งหนึ่งของฝ่ายชายเลยค่ะ แถมแซงรายได้คุณไปมิดเลยด้วย
แล้วค่อย ๆ คิดเรื่องการเงินร่วมกันนะคะ ประนีประนอมหน่อย แต่ต้องชัดเจน โปร่งใส
ไอ้การที่เค้าจะมาปิดเงินรายได้กับคุณนี่ ไม่ได้ค่ะ อย่ายอม มันเป็นผลเสียกับชีวิตคู่นะ
เรื่องการเงินในครอบครัวนี่ มันละเอียดอ่อนนะ บางทีน่ะ
ต่างคนต่างต้องโปร่งใสค่ะ ให้อิสระกันบ้าง จะได้ไม่อึดอัดมาก
(หมายถึงว่า ไม่ต้องจุ้นไปหมดทุกดอลล่าร์ว่าเอาไปซื้อลิปสติกสีไหน ๆ บ้าง หรือกินกาแฟไปกี่แก้ว)
แต่รวม ๆ แล้วควรบอกได้ว่า มันไหลออกไปเป็นประเภทไหนบ้าง
แล้วคุณสองคนต้องเปิด/โปร่งใสค่ะ ต้องนั่งลงคุยกันค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ถ้าเรามีรายได้น้อยกว่าสามีหรือภรรยามาก อีกฝ่ายควรจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายมากกว่าหรือ ต่างคนต่างออกเท่ากันคะ
1. ถ้าเรามีรายได้น้อยกว่ามาก อีกฝ่ายควรออกมากกว่าหรือต่างคนก็ต่างออกคนละครึ่ง
ขอเหตุผลด้วยคะว่าทำไมคิดว่าอีกฝ่ายต้องออกมากกว่า หรือต่างคนก็ต่างออกคนละครึ่ง
2. สมมุติสถานการณ์ว่า ค่าเช่าบ้าน 31,000 รายได้คุณ 13,000 รายได้อีกฝ่าย 72,000
คุณควรให้อีกฝ่ายจ่ายค่าเช่ามากกว่าคุณหรือควรจะหารครึ่ง
ขอแท๊กห้องไกลบ้านด้วยคะ เพราะอยู่อเมริกาคะ