สวัสดีครับ
เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ( พ.ศ.2555 ) ผมได้มาเริ่มงานที่แห่งใหม่และได้มีโอกาสพบกับผู้หญิงคนนึ่งซึ่งสมัยนั้นเธอเป็นเด็กฝึกงานในหน่วยงานของผมเองและเธอเหลือเวลาฝึกงานอีกประมาณ 15 วันก็จะจบ ทำให้ผมได้มีโอกาสเจอเธอเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ 1 ปีต่อมาผมได้มีโอกาสเจอเธออีกครั้งเพราะเธอมาสมัครงานที่แห่งนี้และได้อยู่ร่วมทีมเดียวกันกับผม เธอเป็นผู้หญิงเข็มแข็งและดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ลึกๆเธอเป็นคนจิตใจอ่อนโยน ซึ่งต่างจากผมที่นิสัยเหมือนผู้หญิง ขี้งอน งี่เง่า และใจร้อนทั้งๆที่ผมแก่กว่า 5 ปี เราทำงานร่วมกันมาปีกว่าด้วยความใกล้ชิดสนิทสนม ทำให้ผมเริ่มมีความรู้สึกดีๆกับเธอมากกว่าเพื่อร่วมงาน ผมจึงร่วมรวมความกล้าขอคบกับเธอเป็นแฟน
เราคบกันได้ 1 ปีกว่า จึงวางแผนที่จะจัดงานแต่งงานและปรีกษากับผู้ใหญ่ของทั้ง 2 ฝ่าย และสรุปว่าจะแต่งกันในวันที่ 2 พฤษภาคม 2558 นี้
เราทั้งคู่จึงได้ลาออกจากที่ทำงานเก่าและเริ่มหางานที่ใหม่ที่ใกล้บ้านผม ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมาเธอจะอยู่ที่บ้านเธอย่านเสรีไทย ส่วนบ้านผมอยู่ที่บางบอน 5 และผมจะรับเธอมาเที่ยวที่บ้านในวัน เสาร์-อาทิตย์ เพื่อพบครอบครัวของผม ด้วยระยะทางที่ไกลกันทำให้เราไม่สามารถเจอกันได้ทุกวันเหมือนสมัยก่อนที่ทำงานด้วยกัน ด้วยความคิดถึงทำให้เรามีปากเสียงกันบ่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความผิดของผมเองที่งี่เง่าและเซ้าซี้อยู่บ่อยๆ หลายครั้งที่ทะเลาะกันผมก็จะโมโหและบอกเลิกกับเธอ ซึ่งเธอไม่เคยเอ่ยปากที่จะอยากเลิกกับผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จนมาวันนี้ ผมทะเลาะกับที่บ้านด้วยเรื่องเกี่ยวกับเธอทั้งๆที่เธอไม่ได้รับรู้ด้วย เป็นความเข้าใจผิดของผมเองทั้งหมด ด้วยความงี่เง่าของผม ทำให้เธอต้องเสียน้ำตาอีกครั้ง เธอเอ่ยปากที่จะขอไม่พบผมอีก เธอเหนื่อยและอดทนมามาก เธอเบื่อแล้ว รักแล้วมีแต่เสียใจ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยได้ยินเธอเอ่ยปากคำนี้เลย ครั้งนี้คงเป็นครั้งที่ผมทำให้เธอเสียใจมาก ผมรู้สึกผิดจริงๆกับสิ่งที่ผมทำให้เธอต้องเสียใจ ผมขอโอกาสกับเธออีกสักครั้งขอเป็นคนดูแลเธอ เธอบอกว่าเธอดูแลตัวเองได้ ทำไมเธอต้องมานั่งเสียใจกับอะไรเดิมๆ ที่เคยให้โอกาสผมไป เธอไม่ต้องการเจอผมอีกแล้ว
....ตอนนี้ผมรู้ซึ้งแล้ว เข้าใจดีแล้วว่าผมใช้โอกาสที่เธอให้มาหมดแล้ว โอกาสไม่ได้มีให้กันบ่อยๆ การให้อภัยกันมันก็มีลีมิตของมัน...
ผมไม่อยากเสียเธอไป ผมควรทำอย่างไรให้เธอกลับมา....
เลิกกันก่อนงานแต่ง 28 วัน ทำอย่างไรให้เธอกลับมา
เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ( พ.ศ.2555 ) ผมได้มาเริ่มงานที่แห่งใหม่และได้มีโอกาสพบกับผู้หญิงคนนึ่งซึ่งสมัยนั้นเธอเป็นเด็กฝึกงานในหน่วยงานของผมเองและเธอเหลือเวลาฝึกงานอีกประมาณ 15 วันก็จะจบ ทำให้ผมได้มีโอกาสเจอเธอเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ 1 ปีต่อมาผมได้มีโอกาสเจอเธออีกครั้งเพราะเธอมาสมัครงานที่แห่งนี้และได้อยู่ร่วมทีมเดียวกันกับผม เธอเป็นผู้หญิงเข็มแข็งและดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ลึกๆเธอเป็นคนจิตใจอ่อนโยน ซึ่งต่างจากผมที่นิสัยเหมือนผู้หญิง ขี้งอน งี่เง่า และใจร้อนทั้งๆที่ผมแก่กว่า 5 ปี เราทำงานร่วมกันมาปีกว่าด้วยความใกล้ชิดสนิทสนม ทำให้ผมเริ่มมีความรู้สึกดีๆกับเธอมากกว่าเพื่อร่วมงาน ผมจึงร่วมรวมความกล้าขอคบกับเธอเป็นแฟน
เราคบกันได้ 1 ปีกว่า จึงวางแผนที่จะจัดงานแต่งงานและปรีกษากับผู้ใหญ่ของทั้ง 2 ฝ่าย และสรุปว่าจะแต่งกันในวันที่ 2 พฤษภาคม 2558 นี้
เราทั้งคู่จึงได้ลาออกจากที่ทำงานเก่าและเริ่มหางานที่ใหม่ที่ใกล้บ้านผม ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมาเธอจะอยู่ที่บ้านเธอย่านเสรีไทย ส่วนบ้านผมอยู่ที่บางบอน 5 และผมจะรับเธอมาเที่ยวที่บ้านในวัน เสาร์-อาทิตย์ เพื่อพบครอบครัวของผม ด้วยระยะทางที่ไกลกันทำให้เราไม่สามารถเจอกันได้ทุกวันเหมือนสมัยก่อนที่ทำงานด้วยกัน ด้วยความคิดถึงทำให้เรามีปากเสียงกันบ่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความผิดของผมเองที่งี่เง่าและเซ้าซี้อยู่บ่อยๆ หลายครั้งที่ทะเลาะกันผมก็จะโมโหและบอกเลิกกับเธอ ซึ่งเธอไม่เคยเอ่ยปากที่จะอยากเลิกกับผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จนมาวันนี้ ผมทะเลาะกับที่บ้านด้วยเรื่องเกี่ยวกับเธอทั้งๆที่เธอไม่ได้รับรู้ด้วย เป็นความเข้าใจผิดของผมเองทั้งหมด ด้วยความงี่เง่าของผม ทำให้เธอต้องเสียน้ำตาอีกครั้ง เธอเอ่ยปากที่จะขอไม่พบผมอีก เธอเหนื่อยและอดทนมามาก เธอเบื่อแล้ว รักแล้วมีแต่เสียใจ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยได้ยินเธอเอ่ยปากคำนี้เลย ครั้งนี้คงเป็นครั้งที่ผมทำให้เธอเสียใจมาก ผมรู้สึกผิดจริงๆกับสิ่งที่ผมทำให้เธอต้องเสียใจ ผมขอโอกาสกับเธออีกสักครั้งขอเป็นคนดูแลเธอ เธอบอกว่าเธอดูแลตัวเองได้ ทำไมเธอต้องมานั่งเสียใจกับอะไรเดิมๆ ที่เคยให้โอกาสผมไป เธอไม่ต้องการเจอผมอีกแล้ว
....ตอนนี้ผมรู้ซึ้งแล้ว เข้าใจดีแล้วว่าผมใช้โอกาสที่เธอให้มาหมดแล้ว โอกาสไม่ได้มีให้กันบ่อยๆ การให้อภัยกันมันก็มีลีมิตของมัน...
ผมไม่อยากเสียเธอไป ผมควรทำอย่างไรให้เธอกลับมา....