= = = กลเทวา บทที่ 6 = = =

กระทู้สนทนา
บทนำ และบทที่ 1 : http://pantip.com/topic/33291401

บทที่ 2 : http://pantip.com/topic/33336819

บทที่ 3 : http://pantip.com/topic/33371077

บทที่ 4 : http://pantip.com/topic/33400940

บทที่ 5 : http://pantip.com/topic/33441604

================================

บทที่ 6


ข้อความเสียงของสราญรัตน์รบกวนใจอินทุภาอยู่หลายวัน ก่อนที่นางจะติดต่อมาอีกครั้งว่ามีธุระด่วน ไม่ว่างพอจะมาเยี่ยมได้ในอาทิตย์นี้ หญิงสาวเกือบสะกดความดีใจไว้ไม่อยู่ ได้แต่ทำเสียงสงบเสงี่ยมเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายทราบความในใจของตน


หญิงสาวเดินร่าเริงลงบันไดบ้านมาด้วยท่าทางมีความสุขจนคุณนายอุมาเอ่ยทัก หากอินทุภาเลี่ยงด้วยการเรียนให้เจ้าของบ้านทราบว่า มารดาเลี้ยงเลื่อนเวลามาเยี่ยม ผู้แก่วัยส่ายหน้ากับกริยาดีใจอย่างออกนอกหน้าของหลานสาว นางผ่านร้อนผ่านหนาวมามากจนคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงคู่นี้ได้ไม่ยาก อินทุภาคงไม่ถูกกับสราญรัตน์จนไม่อยากให้อีกฝ่ายเดินทางมาที่นี่ หากนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชรากำลังเป็นกังวล


นางพินิจหลานสาวที่ย้ายไปนั่งชมโทรทัศน์ที่อีกมุมหนึ่งของห้อง อินทุภามาพักที่นี่เกือบสามอาทิตย์แล้ว คุณนายอุมายังไม่เห็นหญิงสาวร้อนใจหรือกระตือรือร้นจะทำอะไรเลย ผู้อ่อนวัยกว่าเล่าถึงแผนการไปเรียนต่อยังต่างแดน และอ้างว่า จะมาพักผ่อนและอ่านหนังสือเพื่อจะเตรียมสอบภาษาอีกครั้ง ทว่า...คุณนายอุมาก็ไม่เห็นหลานสาวจะขยับตัวทำอะไรแม้สักน้อย อินทุภาดูจะมีความสุขกับการพักผ่อนไม่มีกำหนดในครั้งนี้


ผู้ที่ทำงานหนักมาทั้งชีวิตถอนใจเบาๆ นางไม่ชอบสถานการณ์เช่นนี้เลยจริงๆ หญิงชรากำลังไตร่ตรองเงียบๆถึงการที่จะให้หลานสาวเข้ามาช่วยทำงานในไร่ อย่างน้อยก็คงจะดีกว่าเสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆไปวันๆ หากยังไม่ทันจะคิดวางแผนอะไรมากไปกว่านั้น เด็กรับใช้ก็เข้ามารายงานเสียก่อน
“คุณนายคะ มีแขกมาขอพบค่ะ”


“ใครมากันหรือ?”


“เห็นป้าลำดวนบอกว่า คุณคนที่มาจากกรุงเทพค่ะ คนที่ซื้อไร่ตายูรไปน่ะค่ะ”


เด็กสาวรายงานตามที่ได้รับคำบอกเล่ามา คุณนายอุมาคิดทบทวนอยู่ชั่วครู่ ความทรงจำที่ยังแม่นยำช่วยให้นางนึกออกได้ไม่ยากว่าผู้มาเยือนเป็นใคร
“อ้อ แล้วเขารออยู่ที่ไหนล่ะ”


“ป้าลำดวนเชิญเข้าไปที่ห้องรับแขกใหญ่ค่ะ”


“ขอบใจ” หญิงชราเอ่ย พลางหันไปชวนอินทุภาที่จมอยู่กับโลกในโทรทัศน์ไปเสียแล้ว “ไนท์ ออกไปกับยายหน่อยลูก”


“คะ?” หญิงสาวหันมาซักถามอย่างงุนงง หล่อนก้มลงมองสภาพไม่พร้อมรับแขกของตน วันนี้อินทุภาตั้งใจจะอยู่ในบ้านกับคุณนายอุมา หล่อนจึงสวมเสื้อยืดพอดีตัวที่แม้จะเป็นของมีราคาแต่ก็ผ่านการซักมาหลายครั้งจนสีเริ่มซีด กับกางเกงยีนส์ขาสามส่วนสีซีดแบบแฟชั่น ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอาง ผมยาวที่มักปล่อยสยายรวบมัดเป็นหางม้าง่ายๆ “แต่ไนท์แต่งตัวไม่เรียบร้อย”


“ไม่เป็นไรหรอก มาเถอะ” ผู้เป็นยายยืนยัน ในสายตาของนางชุดนี้ก็สุภาพพอจะรับแขกได้โดยไม่น่าเกลียด


อินทุภานิ่วหน้ากับสภาพสุดโทรมของตัวเอง ถ้าเป็นที่กรุงเทพฯ อย่าหวังเลยว่าหล่อนจะยอมให้ใครเห็นชุดนี้ หากเมื่ออยู่อย่างสบายๆในไร่มาหลายอาทิตย์ หญิงสาวก็เริ่มชินกับการแต่งตัวง่ายๆ ไร้การเสริมแต่งใบหน้า ก็...แต่งไปก็ไม่มีใครเห็นนอกจากคนงานกับบรรดาสัตว์เลี้ยงในไร่


หญิงสาวเดินตามคุณนายอุมาเข้าห้องรับแขกใหญ่ไปอย่างว่าง่าย ห้องนี้เป็นห้องที่เจ้าของบ้านใช้รับแขกที่เป็นทางการ หากเป็นคนสนิทสนมคุ้นเคย นางมักจะชวนไปชมวิวพูดคุยธุระที่ริมระเบียงมากกว่า อินทุภาที่ก้าวเข้าห้องไปอย่างไม่คิดอะไรชะงักเท้าค้างเมื่อสบตากับชายหนุ่มในชุดสีดำสนิทผู้มองตรงมายังหล่อน


ดวงหน้าหมดจดราวเทวรูปดูงดงามราวจำแลงลงมาจากสวรรค์ เรือนร่างสูงสง่าแลดูน่ายำเกรงอย่างประหลาด หากสิ่งที่สะดุดในความรู้สึกของอินทุภามากที่สุดคือดวงตาสีดำสนิทราวรัตติกาล สายตาที่พุ่งตรงมานั้นดึงหล่อนให้ตกลงไปในความลึกอันยากจะหยั่งถึง มันช่างต่างกับความสงบนิ่งของปักษธรราวนรกกับสวรรค์ ดวงตาคู่นี้ทำให้หญิงรู้สึกเหมือนถูกผลักลงไปในห้วงเหวลึกไร้ก้นบึ้ง ขนลุกชันด้วยสาเหตุอันอธิบายไม่ได้ ความหวาดกลัวแล่นไปทั่วสรรพางค์กาย สมองขาวโพลนจนไม่อาจคิดหรือพินิจพิจารณาสิ่งใดได้...


ชั่วแว่บเพียงกระพริบตา ความรู้สึกทั้งหมดก็ปลาสนาการไปราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น!
“สวัสดีครับ คุณนาย”


คเชนทร์ลุกขึ้นพนมมือไหว้พลางเอ่ยทักทาย เช่นเดียวกับบุคคลที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาลุกขึ้นมาทำความเคารพผู้สูงวัยเช่นกัน อินทุภาที่เพิ่งรู้สึกตัวรีบทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน ผู้สูงวัยที่สุดรับไหว้บุคคลผู้มาใหม่ ก่อนเชิญให้นั่งลงที่ด้านตรงข้าม


“ไหว้พระเถอะพ่อ” นางเอ่ยยิ้มๆ ทบทวนความทรงจำอยู่ชั่วครู่ “คุณ...คเชนทร์ใช่ไหม?”


    “ใช่ครับ” คเชนทร์ยิ้มร่า “ยินดีที่คุณนายยังจำผมได้ นี่หุ้นส่วนผมครับ คุณศาสวัต”


    หญิงชราพยักหน้ารับ สบตาชายหนุ่มอีกคนที่เพิ่งได้รับการแนะนำให้รู้จัก นางเหลือบมองอินทุภาที่ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวถัดไปและเอ่ยแนะนำ
    “นี่หลานสาวฉันเอง ยายไนท์”


    “สวัสดีค่ะ”


    อินทุภายกมือขึ้นไหว้อีกครั้งโดยไม่ขัดเขิน ผู้มาเยือนทั้งคู่ดูอายุมากกว่าหล่อนอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวประเมินแขกที่นั่งตรงข้ามอย่างระมัดระวัง ผู้ชายคนที่ชื่อคเชนทร์ดูจะเป็นคนเจ้าสำอาง กริยาท่าทาง แบรนด์เนมและเครื่องประดับราคาแพงที่อีกฝ่ายสวมใส่ดูออกจะเยอะเกินไปคล้ายต้องการอวดความมั่งมี หากอีกคนนั้นเล่า...


    หล่อนสบตาศาสวัตอีกครั้งด้วยความระแวดระวัง หากครานี้อินทุภาไม่รู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเข้าไปในอนธการอีกแล้ว หากความไม่ไว้วางใจปนหวาดหวั่นแปลกๆนั้นยังไม่จางหายไปจากความรู้สึก


    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” คเชนทร์ตอบรับพร้อมรอยยิ้ม “หลานสาวคุณนายสวยนะครับ”


    หญิงชราหัวเราะเบาๆกับคำชื่นชมออกนอกหน้า ในขณะที่อินทุภายิ้มอ่อนๆรับคำพูดเอาใจเกินจริง หญิงสาวเก็บงำคำพูดทุกสิ่งไว้ในใจ คอยเงี่ยหูฟังบทสนทนาของเจ้าของไร่และผู้มาติดต่อขอซื้อ หลังจากเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไปสักพัก คุณนายอุมาก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามถึงธุระที่มาขอพบ
    “มาถึงนี่ มีธุระอะไรเร่งด่วนหรือเปล่า?”


    “ผมอยากจะขอมาคุยเรื่องเดิมน่ะครับ”


    คเชนทร์ตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและรอยยิ้มเอาใจ ขณะที่หญิงชราพยักหน้ารับ ก็ไม่ได้ผิดจากที่นางคาดไว้สักเท่าใด    
    “อ้อ”


    เขารีบอธิบายต่อถึงเหตุที่มาอย่างกระตือรือร้น
    “ครั้งที่แล้ว คุณนายผมบอกว่า ให้คนที่เขาอยากได้ที่นี่มาคุยเองดีกว่า ผมเลยชวนคุณศาสวัตมาด้วยตัวเองน่ะครับ”


    ชายหนุ่มในชุดดำที่แทบไม่ได้ปริปากตลอดการสนทนาผงกศีรษะน้อยๆเป็นเชิงออกตัว เอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม หนักแน่นกังวาล และรอยยิ้มน้อยๆที่ทำให้ดวงหน้าที่งดงามราวเทพบุตรนั้นชวนมองมากขึ้น
    “ผมชอบที่นี่น่ะครับ มันสงบ ทั้งๆที่ไม่น่าจะสงบ”


    คำพูดแปลกๆชวนฉงนนั้นสะกิดใจของคุณนายอุมาอย่างมาก สายตาที่ยังไม่ฝ้าฟางตามวัยพินิจอีกฝ่ายอย่างละเอียดละออ
    “คุณศาสวัตคงหมายถึงว่า เห็นคนงานมากมาย แต่ดูสงบดีน่ะครับ”


    คเชนทร์รีบเอ่ยแก้ในทันที ด้วยเกรงว่าเจ้าของไร่สูงวัยจะไม่พอใจกับคำพูดกำกวมแปลกๆนั้น หากดูเหมือนไม่มีใครสนใจเขาแม้แต่น้อย หญิงชราเขม้นมองอีกฝ่าย คลับคล้ายจะเคยคุ้นกันมาก่อน แล้วค่อยๆคลี่ยิ้มราวยินดีที่ได้พบคนคุ้นเคย
    “ใช่ ที่นี่สงบมาก สงบมาหลายปีแล้วล่ะ”


    ศาสวัตพยักหน้าน้อยๆรับคำตอบนั้น ขณะที่คเชนทร์และอินทุภาสบตากันอย่างงงัน ไม่เข้าใจสิ่งที่ทั้งสองคนสื่อสารกันแม้แต่น้อย


    “สมัยก่อนที่นี่มันวุ่นวายไม่น้อยน่ะ คุณคเชนทร์” คุณนายอุมาหันมาอธิบายให้นายหน้าหนุ่มและหลานสาวฟัง “มีพวกบุกรุกเข้ามาก่อกวนไม่เว้นแต่ละวัน บางคนก็เข้ามาหาเรื่องเจ้าของที่ บางคนก็มาทำพิธีอะไรวุ่นวาย แต่ตอนนี้สงบแล้วล่ะ สงบมาหลายปีแล้ว”


    คำอธิบายนั้นไม่ทำให้คเชนทร์และอินทุภากระจ่างขึ้นมาสักเท่าใดนัก หากดูเหมือนหญิงชราจะไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้ผู้ร่วมวงสนทนาที่เหลือฟัง นางหันไปเอ่ยกับชายหนุ่มที่ยังคงยิ้มรับนุ่มนวลกับคำอธิบายของคุณนายอุมา คำพูดที่ดูจะเข้าใจกันอยู่เพียงสองคนสะกิดใจอินทุภานัก หล่อนลอบมองศาสวัตอย่างไม่ไว้วางใจ หญิงสาวไม่ต้องการตัวแปรที่จะเข้ามาทำให้ชีวิตหล่อนวุ่นวายเพิ่มขึ้น


    “คุณ...ศาสวัตใช่ไหม จะลองไปเดินเล่นดูก็ได้นะ จะได้รู้ว่าที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง คงไม่ได้มาหลายปีแล้วสินะ”


    ศาสวัตระเบิดหัวเราะเสียงดังอย่างที่คเชนทร์ไม่เคยได้ยินมาก่อนตั้งแต่ติดต่อการค้ากันมา เขาสบตาคุณนายอุมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลกใจไม่เสแสร้ง
    “ไม่คิดว่าคุณนายจะจำผมได้”


    คำตอบของศาสวัตทำให้คเชนทร์แปลกใจอย่างเห็นได้ชัด และยิ่งเพิ่มความหวาดระแวงให้อินทุภา


    “ฉันมันแก่แล้ว คุณศาสวัต” หญิงชราตอบ ความทรงจำย้อนกลับไปหลายสิบปี ภาพเด็กผู้ชายคนหนึ่งย้อนกลับมา ภาพ...ที่มองอย่างไรก็ไม่น่าจะซ้อนทับกับภาพของหนุ่มรูปงามตรงหน้าได้ “คนแก่น่ะจำอดีตได้มากกว่าปัจจุบัน ถ้าคุณอยากรู้ว่าที่นี่เปลี่ยนไปแค่ไหน จะลองไปเดินดูก็ได้ ฉันอนุญาต”


    “ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มผงกศีรษะเป็นเชิงเคารพ “ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องรับคำชวน คุณเรย์ก็อยู่คุยกับคุณนายอุมาไปก่อนแล้วกัน ขอเวลาผมสักชั่วโมงหนึ่งนะครับ”


    ประโยคท้ายหันไปบอกคุณนายอุมาที่พยักหน้ารับ และหันมาชวนคเชนทร์คุยต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งไว้เพียงความสงสัยและความหวาดระแวงในใจของทั้งคเชนทร์และอินทุภา!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่