รักครั้งแรก
ขอใช้นามสมมติว่า “หนึ่ง”
ผมเจอหนึ่งครั้งแรกตอนปิดเทอมม.4 เราเรียนพิเศษที่เดียวกันที่บ้านอาจารย์ เจอกันอาทิตย์ละ2-3วัน ผมไม่เคยคุยกับเธอเลยเพราะกลุ่มเพื่อนเธอน่ารักทุกคน เลยไม่กล้าที่จะเข้าไปสนิทสนมด้วย ผมมองดูเธอ ดูกริยาท่าทาง นิสัยเธอ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตกหลุมรักไปแล้ว จำไม่ได้ว่าไปหาเมลล์หนึ่งมาจากไหน รู้แต่เราคุยMSNกันแทบทุกวัน มีความสุขมาก ว่างเมื่อไหร่จะรีบออนเอ็มมารอเธอทัก ส่วนมากจะสลับกันทัก แต่ผมเป็นคนขี้อายและไม่เคยจีบสาวมาก่อน ทำให้เราสนิทกันแค่ในโลกอินเตอร์เน็ต
เมื่อเจอหนึ่งที่เรียนพิเศษ ผมไม่เคยคุยด้วยเลย อย่างมากก็แค่ทักทายสั้นๆหรือยิ้ม ผมจำได้ว่าผมไม่กล้าที่จะบะบายเธอตอนเลิกเรียน ผมต้องบอกเธอในMSNก่อนว่า พรุ่งนี้เราจะบะบายเธอตอนเลิกเรียนนะ!! พอถึงเวลาเอาเข้าจริงๆผมไม่กล้าโบกมือ กลายเป็นหนึ่งโบกมือบะบายให้ก่อน ผมถึงทำตาม นึกแล้วขำตัวเองชะมัด
วันเวลาผ่านไปจนเข้าปีหนึ่ง เราเรียนคนละมหาลัยเลยไม่ได้เจอกันเลย แต่ยังคงคุยกันเรื่อยๆ มีโทรศัพท์ไปหาอยูไม่กี่ครั้ง ผมไม่ชอบคุยโทรศัพท์เพราะมันประหม่า ครั้งแรกที่คุยกัน ผมโทรไปคุยได้ไม่ถึงนาที นึกอะไรไม่ออกมันตื่นเต้นเลยขอวาง = = ต้องบอกว่าเฟลมากๆแต่ก็ฟินสุดๆ 55555 ออกทะเลละ กลับเข้าเรื่อง ผมบอกชอบหนึ่งไป แน่นอนครับเธอคิดแค่เพื่อน ตอนนั้นผมเผื่อใจไว้แล้วแหละ บอกตรงๆ ณ ตอนนั้นไม่เสียใจเท่าไหร่ ได้ยกภูเขาออกจากอกซะทีโว้ยยยยย อารมณ์ประมาณนั้น
แต่หลังจากนั้นมันไม่ง่ายเพราะหลังจากบอกรัก กลายเป็นเราสนิทกันมากขึ้น คุยกันถี่ขึ้น ผมเริ่มโทรหาบ่อยขึ้น ผมล้ำเส้นไปเรื่อยๆจนวันนึง หนึ่งถามว่า ผมจีบเค้าหรือป่าว? ผมนี่หยุดหายใจไปชั่วขณะไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ เลยบอกไปตรงๆว่า “จีบ” เท่านั้นแหละ ความชิบหัยเข้ามาเยือน เธอขีดเส้นไว้ชัดเจนมากว่า ได้แค่เพื่อนเท่านั้น
อกหักดังเปร๊าะ ผมเลยต้องถอยห่างออกมาก แต่เราก็ยังคุยกันได้อยู่ จริงๆรายละเอียดเยอะ มีทะเลาะมีงอลมีผิดใจกัน ผมเองก็ใช่ว่าโดนปฎิเสธรอบเดียวแล้วจะยอม ผมยังคงตื้อ ตื้อ ตื้อ แล้วก็โดน say no no no มาอีกหลายครั้ง แต่เพราะเธอเป็นรักครั้งแรกของผม ทำให้ผมลืมเธอไม่ลงจริงๆ
ทุกวันนี้เราก็ยังคุยกันอยู่ แต่ผมขีดเส้นขึ้นมาใหม่ ทำให้เราไม่สนิทกันเหมือนแต่ก่อน เพราะไม่เช่นนั้นแล้วผมจะถลำล้ำเส้นเข้าไปทุกครั้ง มันจำเป็นที่เราต้องกลายเป็นแค่เพื่อนห่างๆ จนถึงตอนนี้หนึ่งก็ไม่เคยมีแฟน มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า ผมยังคงรอโอกาสอยู่ลึกๆ
รักครั้งที่สอง
ขอใช้นามสมมติว่า “สอง”
ผมเจอสองครั้งแรกตอนผมอยู่ปีสอง เธอเป็นรุ่นน้องปีหนึ่ง คณะเดียวกันและเป็นช่วงค่ายรับน้อง วันแรกที่ผมเห็นหน้าสอง ผมหัวใจพองโต หยุดมองสองไม่ได้เลย อย่างกับรักแรกพบ แต่ที่เป็นแบบนั้นเพราะผมรู้สึกว่าน้องเค้าคล้ายกับหนึ่งมาก ผมมองน้องไปก็นึกไปว่า หนึ่งมีญาติเข้ามาเรียนคณะเดียวกับผมหรือป่าว แต่หนึ่งไม่เคยพูดถึงนะ ในใจคิดไปขนาดว่า หรือว่าหนึ่งซิ่วมา?? ตอนนั้นแบบเพ้อเจ้อมาก เป็นความคิดที่ปัญญาอ่อนที่สุดครั้งนึงในชีวิต น้องเค้าชื่อสอง จะเป็นคนเดียวกันได้ยังไง 555
ผมให้เพื่อนช่วยหาFBน้องมาให้ เลยแชทคุยกัน แต่เนื่องจาก ปสก.จากรักครั้งแรก แชทคุยระยะยาวมันไม่เวิร์ค ผมเลยขอเบอร์ แต่น้องให้มาไม่ครบ ขาดสองตัวสุดท้าย! บอกให้ผมไปหาเอาเอง ผมก็บ้าจี้แทนที่จะไปขอจากเพื่อนๆ ผมดันเสนอตัวอารมณ์ประมาณว่า พี่จะหาเองโดยไม่พึ่งใคร ตอนนั้นรู้สึกท้าทายมาก เหมือนได้เควสมาจะไปตีเก็บเวล 5555555
ผมจัดการโทรเรียงเบอร์จาก 00-99 เลยครับ เขียนในA4เรียงไว้แล้วจัดการโทรยิกๆๆ ถ้าใครเคยคำจะรู้ว่ามันนานกว่าที่คิดมาก ปัญหาคือ โทรไม่ติดบ้าง โทรไม่รับบ้าง ดวงไม่ดีเดาไม่ตรง หรือ โทรไปแล้วถ้าเค้าแกล้งบอกว่าไม่ใช่สองจะทำยังไง?? ผมเลยจัดการ เซ็นสัญญาใจว่า ถ้าโทรถูกเบอร์ต้องยอมรับว่าเป็นสองจริงๆ รู้สึกจะใช้เวลาสองหรือสามวัน ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนถึงสุ่มเจอเบอร์น้องสอง พร้อมกับแนบหลักฐานA4ไปให้น้องเค้า จะได้รู้ว่า ผมไม่ได้โกงนะ โทรเองจริงๆ ตอนนั้นแบบภูมิใจสุดๆไปเล้ยยยย ฮิฮิ
จริงๆผมกับน้องไปกันได้ดีมากนะ น้องมีคนมาจีบเยอะมากๆ ผมคุยอย่างมีลิมิตและวางตัวเหมาะสมทำให้ผมเหลือรอดเป็นคนสุดท้ายที่น้องเค้าคุยด้วย รู้สึกว่าน่าจะจีบติดแล้วแหละ แต่แล้วบนความแน่นอนมันมีอะไรไม่แน่นอน พอคุยกันได้สัก8-9เดือนเห็นจะได้ ผมถอยออกมาด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ผมรู้สึกว่า ไม่ดีกว่า ไม่ขอจีบต่อแล้ว และอีก2-3เดือนให้หลังน้องเค้าก็มีแฟน
รักครั้งนี้จบโอเคนะ ถึงผมจะไม่สมหวังแต่เราไม่ได้ทะเลาะกัน ยังคงเป็นพี่น้องกันอยู่ แต่หลังๆต่างคนต่างทำงาน น้องเค้าก็ไปประจำที่ตปท. ก็ไม่ได้คุยกันเป็นปีแล้ว อีกอย่างเค้ามีแฟน ผมก็ไม่ควรจะไปสนิทสนมอะไรเพราะเคยจีบมาก่อน เดี๋ยวจะสร้างปัญหาเปล่าๆ รักครั้งนี้ทำให้ผมรู้จักการจีบสาวมากขึ้น 555 แต่บอกเลยว่าไม่โปรอยู่ดี
รักครั้งที่สาม
ขอใช้นามสมมติว่า “สาม”
ขอเกริ่นก่อนว่า ผมกับสามรู้จักกันมาตั้งแต่ม.1 เรียนห้องเดียวกันที่ตจว. แต่ม.ปลายผมเข้ามาเรียนที่กรุงเทพ เลยทำให้เราห่างกันนานพอสมควร และเนื่องด้วยการกระทำของผมสมัยก่อน ทำให้เรายิ่งมองหน้ากันไม่ติด ผมไม่เคยรู้สึกผิดและไม่เคยขอโทษ หรือแม้แต่จะเคลียร์เรื่องระหว่างเราเลย ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมา4-5ปี (ประมาณม.5) ถึงได้ขอโทษเธอ พอโตขึ้นและได้ทบทวนการกระทำของตัวเอง ถึงได้รู้ว่าผมเองนี่แหละที่ผิด
ผมกับสามเรียนอยู่คณะเดียวกันแต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะจีบสามจนกระทั่งผมอยู่ปี3 เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยม.ต้น มันมาบอกผมว่า สามยังชอบๆผมอยู่นะ เลยเชียร์ให้ผมจีบสามประกอบกับสามกำลังจะเลิกกับแฟนพอดี ผมซึ่งตอนนั้นกำลังทะเลาะกับหนึ่งอยู่ (ผมคุยแล้วล้ำเส้น เลยทะเลาะกัน) แล้วเหงาๆเพื่อนๆก็มีแฟนกันเยอะแล้ว เลยหันมาจีบสามซะหน่อย
แต่เรื่องเหมือนจะง่ายเพราะสามมีใจ แต่เอาเข้าจริงไม่ง่ายเพราะเค้ายังฝังใจเรื่องสมัยม.ต้นอยู่ ไหนจะแฟนเก่าที่พึ่งเลิก ซึ่งผมเข้าใจดีและผมขอโอกาสจากเค้า แน่นอนเค้าให้โอกาสและผมสัญญากับตัวเองว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า ผมไม่มีวันทิ้งสามก่อนแน่นอน ผมไม่เคยบอกเค้าหรอก ผมแค่พูดอย่างงี้กับตัวเองเสมอ เวลาเราผิดใจกัน เวลาเราทะเลาะกัน หรือเวลาผมเบื่อเค้า ผมจะนึกย้อนไปว่า ผมคงจะเป็นผช.ที่แย่มากถ้าจะทำผิดกับผญ.คนเดิมถึงสองครั้ง
ผมเป็นคนไม่ชอบคุยโทรศัพท์ครับ แต่สามชอบคุยมาก เราจึงแทบไม่ได้แชทหากันเลยเพราะโทรคุยกันอย่างเดียวก็ปาเข้าไปหลายชม.แล้ว ช่วงแรกๆมันก็ดีอยู่หรอก พอช่วงกลางๆผมเริ่มรู้สึกฝืนมากๆ ไม่อยากคุยแต่ก็ยังคงคุย จนเวลาผ่านไปหลายเดือน กลายเป็นว่าผมชอบคุยโทรศัพท์ซะงั้น5555 ถ้าไม่ได้คุยจะคิดถึงมาก ถ้าไม่โทรหาเค้าจะโกรธ ก็น่ารักดี
ผมชอบช่วงเวลานั้นทำให้ผมรักเค้ามากและแน่นอนผมไม่มองหาผญ.คนไหนอีก กับหนึ่งผมก็แทบจะไม่ได้คุยเพราะไม่อยากจะไขว้เขว แต่แล้วช่วงเวลาดีๆก็มีอันต้องสะดุด
มีเหตุการณ์ที่ทำให้สามโกรธผมมากๆ เค้าหาว่าผมใจร้อน ซึ่งจนทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจว่าผมผิดตรงไหน??????? เกิดรอยร้าวขึ้นเค้าบอกว่า เราห่างกันกว่านี้หน่อยมั้ย ผมโคตรเสียใจเลยแต่โอเค ผมตอบตกลง จากที่คุยทุกวันเลยเหลือ2-3วันครั้ง แต่ไม่นานเราก็คุยกันทุกวันเหมือนเดิม5555
เหมือนทุกอย่างจะกลับมาลงตัว ผมตั้งใจจะขอเค้าเป็นแฟนในวันลอยกระทง ซึ่งมันจะครบหนึ่งปีพอดีที่เราสัญญากันไว้ ผมใจจดใจจ่อกับวันนั้นมาก โดยที่ไม่ได้ระแวงใดๆเลย สุดท้ายเค้าไปเจอคนใหม่ อีกแค่ไม่ถึงสองเดือนจะถึงวันลอยกระทงแล้วแท้ๆ
วันสุดท้ายที่คุยกันเค้าทิ้งคำพูดที่ทำให้ผมนึกแล้วยังเจ็บจนถึงวันนี้ ผมไม่เคยเสียใจขนาดนี้มาก่อน ร้องไห้หนักมาก โทรไปหาเพื่อนสนิท ร้องไห้ให้มันฟัง ไปมหาลัยเลิกเรียนก็กินเหล้ากับเพื่อนจนอ้วกทั้งที่ปกติผมแทบไม่กินเหล้าเลย เสียศูนย์เลยจริงๆ เพราะมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมไม่เคยโทรไปง้อเลย ผมบอกกับตัวเองว่าถ้าไม่ได้เป็นที่หนึ่งก็ไม่ขอเป็นที่สอง ผมเลยไม่ง้อ...ซึ่งใจจริงอยากมาก บอกเลยว่ารอเค้าโทรมาง้อ ซึ่งเค้าไม่โทรT T ก็เลยจบกันไป
ผมโกรธผมเกลียดเค้า แต่เวลาผ่านไป ผมได้กลับมาทบทวนดูผมไม่คิดว่าผมทำผิดอะไร แต่ผมทำได้ไม่ดีพอต่างหาก ผมไม่ทุ่มเทพอ และเราก็มีจุดที่แตกต่างกันพอสมควร และผช.ที่เค้าเจอ ผมยอมรับว่าคนนั้นดีกว่าผมทุกอย่าง ผช.อายุเยอะกว่ามีหน้าที่การงานดีมาก ฉะนั้นผมเข้าใจและยอมรับการตัดสินใจของเค้าในภายหลัง
แต่เพราะรักครั้งนี้ ทำให้ผมไม่เคยจีบใครอีกเลย มีคนผ่านเข้ามาบ้างแต่ผมไม่กล้าเริ่ม เพื่อนฝูงอยากแนะนำผญ.ให้ ผมก็บอกปัด ผมกลัว กลัวจะเสียใจอีกเป็นครั้งที่4 กลัวความรู้สึกวันนั้น นี่ก็ผ่านมามาเกือบ4ปีแล้ว เมื่อนึกย้อนไปยังจำความรู้สึกวันนั้นได้แม่นเลย วันที่สามเดินจากไป หัวใจผมสลายจริงๆ
ที่มาเขียนนี้แค่อย่างบ่นอะไรลงโซเชียล ช่วงนี้ว่างและรู้สึกฟุ้งซ่านมาก ผมไม่ค่อยแสดงความรู้สึกกับใครมาก ในFBยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้แต่เพื่อนสนิทผมก็ไม่ค่อยเล่าอะไรที่ลงรายละเอียดลึกๆเน่าๆให้ฟัง นอกจากจะเก็บไม่ไหวจริงๆ
เมื่อผมผิดหวังจากความรักมา3ครั้ง รักครั้งที่4จึงไม่เกิด
ขอใช้นามสมมติว่า “หนึ่ง”
ผมเจอหนึ่งครั้งแรกตอนปิดเทอมม.4 เราเรียนพิเศษที่เดียวกันที่บ้านอาจารย์ เจอกันอาทิตย์ละ2-3วัน ผมไม่เคยคุยกับเธอเลยเพราะกลุ่มเพื่อนเธอน่ารักทุกคน เลยไม่กล้าที่จะเข้าไปสนิทสนมด้วย ผมมองดูเธอ ดูกริยาท่าทาง นิสัยเธอ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตกหลุมรักไปแล้ว จำไม่ได้ว่าไปหาเมลล์หนึ่งมาจากไหน รู้แต่เราคุยMSNกันแทบทุกวัน มีความสุขมาก ว่างเมื่อไหร่จะรีบออนเอ็มมารอเธอทัก ส่วนมากจะสลับกันทัก แต่ผมเป็นคนขี้อายและไม่เคยจีบสาวมาก่อน ทำให้เราสนิทกันแค่ในโลกอินเตอร์เน็ต
เมื่อเจอหนึ่งที่เรียนพิเศษ ผมไม่เคยคุยด้วยเลย อย่างมากก็แค่ทักทายสั้นๆหรือยิ้ม ผมจำได้ว่าผมไม่กล้าที่จะบะบายเธอตอนเลิกเรียน ผมต้องบอกเธอในMSNก่อนว่า พรุ่งนี้เราจะบะบายเธอตอนเลิกเรียนนะ!! พอถึงเวลาเอาเข้าจริงๆผมไม่กล้าโบกมือ กลายเป็นหนึ่งโบกมือบะบายให้ก่อน ผมถึงทำตาม นึกแล้วขำตัวเองชะมัด
วันเวลาผ่านไปจนเข้าปีหนึ่ง เราเรียนคนละมหาลัยเลยไม่ได้เจอกันเลย แต่ยังคงคุยกันเรื่อยๆ มีโทรศัพท์ไปหาอยูไม่กี่ครั้ง ผมไม่ชอบคุยโทรศัพท์เพราะมันประหม่า ครั้งแรกที่คุยกัน ผมโทรไปคุยได้ไม่ถึงนาที นึกอะไรไม่ออกมันตื่นเต้นเลยขอวาง = = ต้องบอกว่าเฟลมากๆแต่ก็ฟินสุดๆ 55555 ออกทะเลละ กลับเข้าเรื่อง ผมบอกชอบหนึ่งไป แน่นอนครับเธอคิดแค่เพื่อน ตอนนั้นผมเผื่อใจไว้แล้วแหละ บอกตรงๆ ณ ตอนนั้นไม่เสียใจเท่าไหร่ ได้ยกภูเขาออกจากอกซะทีโว้ยยยยย อารมณ์ประมาณนั้น
แต่หลังจากนั้นมันไม่ง่ายเพราะหลังจากบอกรัก กลายเป็นเราสนิทกันมากขึ้น คุยกันถี่ขึ้น ผมเริ่มโทรหาบ่อยขึ้น ผมล้ำเส้นไปเรื่อยๆจนวันนึง หนึ่งถามว่า ผมจีบเค้าหรือป่าว? ผมนี่หยุดหายใจไปชั่วขณะไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ เลยบอกไปตรงๆว่า “จีบ” เท่านั้นแหละ ความชิบหัยเข้ามาเยือน เธอขีดเส้นไว้ชัดเจนมากว่า ได้แค่เพื่อนเท่านั้น
อกหักดังเปร๊าะ ผมเลยต้องถอยห่างออกมาก แต่เราก็ยังคุยกันได้อยู่ จริงๆรายละเอียดเยอะ มีทะเลาะมีงอลมีผิดใจกัน ผมเองก็ใช่ว่าโดนปฎิเสธรอบเดียวแล้วจะยอม ผมยังคงตื้อ ตื้อ ตื้อ แล้วก็โดน say no no no มาอีกหลายครั้ง แต่เพราะเธอเป็นรักครั้งแรกของผม ทำให้ผมลืมเธอไม่ลงจริงๆ
ทุกวันนี้เราก็ยังคุยกันอยู่ แต่ผมขีดเส้นขึ้นมาใหม่ ทำให้เราไม่สนิทกันเหมือนแต่ก่อน เพราะไม่เช่นนั้นแล้วผมจะถลำล้ำเส้นเข้าไปทุกครั้ง มันจำเป็นที่เราต้องกลายเป็นแค่เพื่อนห่างๆ จนถึงตอนนี้หนึ่งก็ไม่เคยมีแฟน มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า ผมยังคงรอโอกาสอยู่ลึกๆ
รักครั้งที่สอง
ขอใช้นามสมมติว่า “สอง”
ผมเจอสองครั้งแรกตอนผมอยู่ปีสอง เธอเป็นรุ่นน้องปีหนึ่ง คณะเดียวกันและเป็นช่วงค่ายรับน้อง วันแรกที่ผมเห็นหน้าสอง ผมหัวใจพองโต หยุดมองสองไม่ได้เลย อย่างกับรักแรกพบ แต่ที่เป็นแบบนั้นเพราะผมรู้สึกว่าน้องเค้าคล้ายกับหนึ่งมาก ผมมองน้องไปก็นึกไปว่า หนึ่งมีญาติเข้ามาเรียนคณะเดียวกับผมหรือป่าว แต่หนึ่งไม่เคยพูดถึงนะ ในใจคิดไปขนาดว่า หรือว่าหนึ่งซิ่วมา?? ตอนนั้นแบบเพ้อเจ้อมาก เป็นความคิดที่ปัญญาอ่อนที่สุดครั้งนึงในชีวิต น้องเค้าชื่อสอง จะเป็นคนเดียวกันได้ยังไง 555
ผมให้เพื่อนช่วยหาFBน้องมาให้ เลยแชทคุยกัน แต่เนื่องจาก ปสก.จากรักครั้งแรก แชทคุยระยะยาวมันไม่เวิร์ค ผมเลยขอเบอร์ แต่น้องให้มาไม่ครบ ขาดสองตัวสุดท้าย! บอกให้ผมไปหาเอาเอง ผมก็บ้าจี้แทนที่จะไปขอจากเพื่อนๆ ผมดันเสนอตัวอารมณ์ประมาณว่า พี่จะหาเองโดยไม่พึ่งใคร ตอนนั้นรู้สึกท้าทายมาก เหมือนได้เควสมาจะไปตีเก็บเวล 5555555
ผมจัดการโทรเรียงเบอร์จาก 00-99 เลยครับ เขียนในA4เรียงไว้แล้วจัดการโทรยิกๆๆ ถ้าใครเคยคำจะรู้ว่ามันนานกว่าที่คิดมาก ปัญหาคือ โทรไม่ติดบ้าง โทรไม่รับบ้าง ดวงไม่ดีเดาไม่ตรง หรือ โทรไปแล้วถ้าเค้าแกล้งบอกว่าไม่ใช่สองจะทำยังไง?? ผมเลยจัดการ เซ็นสัญญาใจว่า ถ้าโทรถูกเบอร์ต้องยอมรับว่าเป็นสองจริงๆ รู้สึกจะใช้เวลาสองหรือสามวัน ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนถึงสุ่มเจอเบอร์น้องสอง พร้อมกับแนบหลักฐานA4ไปให้น้องเค้า จะได้รู้ว่า ผมไม่ได้โกงนะ โทรเองจริงๆ ตอนนั้นแบบภูมิใจสุดๆไปเล้ยยยย ฮิฮิ
จริงๆผมกับน้องไปกันได้ดีมากนะ น้องมีคนมาจีบเยอะมากๆ ผมคุยอย่างมีลิมิตและวางตัวเหมาะสมทำให้ผมเหลือรอดเป็นคนสุดท้ายที่น้องเค้าคุยด้วย รู้สึกว่าน่าจะจีบติดแล้วแหละ แต่แล้วบนความแน่นอนมันมีอะไรไม่แน่นอน พอคุยกันได้สัก8-9เดือนเห็นจะได้ ผมถอยออกมาด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ผมรู้สึกว่า ไม่ดีกว่า ไม่ขอจีบต่อแล้ว และอีก2-3เดือนให้หลังน้องเค้าก็มีแฟน
รักครั้งนี้จบโอเคนะ ถึงผมจะไม่สมหวังแต่เราไม่ได้ทะเลาะกัน ยังคงเป็นพี่น้องกันอยู่ แต่หลังๆต่างคนต่างทำงาน น้องเค้าก็ไปประจำที่ตปท. ก็ไม่ได้คุยกันเป็นปีแล้ว อีกอย่างเค้ามีแฟน ผมก็ไม่ควรจะไปสนิทสนมอะไรเพราะเคยจีบมาก่อน เดี๋ยวจะสร้างปัญหาเปล่าๆ รักครั้งนี้ทำให้ผมรู้จักการจีบสาวมากขึ้น 555 แต่บอกเลยว่าไม่โปรอยู่ดี
รักครั้งที่สาม
ขอใช้นามสมมติว่า “สาม”
ขอเกริ่นก่อนว่า ผมกับสามรู้จักกันมาตั้งแต่ม.1 เรียนห้องเดียวกันที่ตจว. แต่ม.ปลายผมเข้ามาเรียนที่กรุงเทพ เลยทำให้เราห่างกันนานพอสมควร และเนื่องด้วยการกระทำของผมสมัยก่อน ทำให้เรายิ่งมองหน้ากันไม่ติด ผมไม่เคยรู้สึกผิดและไม่เคยขอโทษ หรือแม้แต่จะเคลียร์เรื่องระหว่างเราเลย ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมา4-5ปี (ประมาณม.5) ถึงได้ขอโทษเธอ พอโตขึ้นและได้ทบทวนการกระทำของตัวเอง ถึงได้รู้ว่าผมเองนี่แหละที่ผิด
ผมกับสามเรียนอยู่คณะเดียวกันแต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะจีบสามจนกระทั่งผมอยู่ปี3 เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยม.ต้น มันมาบอกผมว่า สามยังชอบๆผมอยู่นะ เลยเชียร์ให้ผมจีบสามประกอบกับสามกำลังจะเลิกกับแฟนพอดี ผมซึ่งตอนนั้นกำลังทะเลาะกับหนึ่งอยู่ (ผมคุยแล้วล้ำเส้น เลยทะเลาะกัน) แล้วเหงาๆเพื่อนๆก็มีแฟนกันเยอะแล้ว เลยหันมาจีบสามซะหน่อย
แต่เรื่องเหมือนจะง่ายเพราะสามมีใจ แต่เอาเข้าจริงไม่ง่ายเพราะเค้ายังฝังใจเรื่องสมัยม.ต้นอยู่ ไหนจะแฟนเก่าที่พึ่งเลิก ซึ่งผมเข้าใจดีและผมขอโอกาสจากเค้า แน่นอนเค้าให้โอกาสและผมสัญญากับตัวเองว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า ผมไม่มีวันทิ้งสามก่อนแน่นอน ผมไม่เคยบอกเค้าหรอก ผมแค่พูดอย่างงี้กับตัวเองเสมอ เวลาเราผิดใจกัน เวลาเราทะเลาะกัน หรือเวลาผมเบื่อเค้า ผมจะนึกย้อนไปว่า ผมคงจะเป็นผช.ที่แย่มากถ้าจะทำผิดกับผญ.คนเดิมถึงสองครั้ง
ผมเป็นคนไม่ชอบคุยโทรศัพท์ครับ แต่สามชอบคุยมาก เราจึงแทบไม่ได้แชทหากันเลยเพราะโทรคุยกันอย่างเดียวก็ปาเข้าไปหลายชม.แล้ว ช่วงแรกๆมันก็ดีอยู่หรอก พอช่วงกลางๆผมเริ่มรู้สึกฝืนมากๆ ไม่อยากคุยแต่ก็ยังคงคุย จนเวลาผ่านไปหลายเดือน กลายเป็นว่าผมชอบคุยโทรศัพท์ซะงั้น5555 ถ้าไม่ได้คุยจะคิดถึงมาก ถ้าไม่โทรหาเค้าจะโกรธ ก็น่ารักดี
ผมชอบช่วงเวลานั้นทำให้ผมรักเค้ามากและแน่นอนผมไม่มองหาผญ.คนไหนอีก กับหนึ่งผมก็แทบจะไม่ได้คุยเพราะไม่อยากจะไขว้เขว แต่แล้วช่วงเวลาดีๆก็มีอันต้องสะดุด
มีเหตุการณ์ที่ทำให้สามโกรธผมมากๆ เค้าหาว่าผมใจร้อน ซึ่งจนทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจว่าผมผิดตรงไหน??????? เกิดรอยร้าวขึ้นเค้าบอกว่า เราห่างกันกว่านี้หน่อยมั้ย ผมโคตรเสียใจเลยแต่โอเค ผมตอบตกลง จากที่คุยทุกวันเลยเหลือ2-3วันครั้ง แต่ไม่นานเราก็คุยกันทุกวันเหมือนเดิม5555
เหมือนทุกอย่างจะกลับมาลงตัว ผมตั้งใจจะขอเค้าเป็นแฟนในวันลอยกระทง ซึ่งมันจะครบหนึ่งปีพอดีที่เราสัญญากันไว้ ผมใจจดใจจ่อกับวันนั้นมาก โดยที่ไม่ได้ระแวงใดๆเลย สุดท้ายเค้าไปเจอคนใหม่ อีกแค่ไม่ถึงสองเดือนจะถึงวันลอยกระทงแล้วแท้ๆ
วันสุดท้ายที่คุยกันเค้าทิ้งคำพูดที่ทำให้ผมนึกแล้วยังเจ็บจนถึงวันนี้ ผมไม่เคยเสียใจขนาดนี้มาก่อน ร้องไห้หนักมาก โทรไปหาเพื่อนสนิท ร้องไห้ให้มันฟัง ไปมหาลัยเลิกเรียนก็กินเหล้ากับเพื่อนจนอ้วกทั้งที่ปกติผมแทบไม่กินเหล้าเลย เสียศูนย์เลยจริงๆ เพราะมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมไม่เคยโทรไปง้อเลย ผมบอกกับตัวเองว่าถ้าไม่ได้เป็นที่หนึ่งก็ไม่ขอเป็นที่สอง ผมเลยไม่ง้อ...ซึ่งใจจริงอยากมาก บอกเลยว่ารอเค้าโทรมาง้อ ซึ่งเค้าไม่โทรT T ก็เลยจบกันไป
ผมโกรธผมเกลียดเค้า แต่เวลาผ่านไป ผมได้กลับมาทบทวนดูผมไม่คิดว่าผมทำผิดอะไร แต่ผมทำได้ไม่ดีพอต่างหาก ผมไม่ทุ่มเทพอ และเราก็มีจุดที่แตกต่างกันพอสมควร และผช.ที่เค้าเจอ ผมยอมรับว่าคนนั้นดีกว่าผมทุกอย่าง ผช.อายุเยอะกว่ามีหน้าที่การงานดีมาก ฉะนั้นผมเข้าใจและยอมรับการตัดสินใจของเค้าในภายหลัง
แต่เพราะรักครั้งนี้ ทำให้ผมไม่เคยจีบใครอีกเลย มีคนผ่านเข้ามาบ้างแต่ผมไม่กล้าเริ่ม เพื่อนฝูงอยากแนะนำผญ.ให้ ผมก็บอกปัด ผมกลัว กลัวจะเสียใจอีกเป็นครั้งที่4 กลัวความรู้สึกวันนั้น นี่ก็ผ่านมามาเกือบ4ปีแล้ว เมื่อนึกย้อนไปยังจำความรู้สึกวันนั้นได้แม่นเลย วันที่สามเดินจากไป หัวใจผมสลายจริงๆ
ที่มาเขียนนี้แค่อย่างบ่นอะไรลงโซเชียล ช่วงนี้ว่างและรู้สึกฟุ้งซ่านมาก ผมไม่ค่อยแสดงความรู้สึกกับใครมาก ในFBยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้แต่เพื่อนสนิทผมก็ไม่ค่อยเล่าอะไรที่ลงรายละเอียดลึกๆเน่าๆให้ฟัง นอกจากจะเก็บไม่ไหวจริงๆ