3
ก๊อกๆๆ
“ตื่นรึยังน่ะนิกิม ลงมากินข้าวได้แล้วลูก”
พรึ่บ
ฉันลืมตาตื่นทันทีแต่แล้วก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อแสงจ้ามันสอดส่องเข้ามาจนห้องสว่าง อือ~ กลับมาสู่โลกแห่งความจริงแล้วเหรอเนี่ย ฉันหาวหวอดพลางขยี้ตาให้ขี้ตากรังหลุดออกไปบ้าง
ฉันค่อยๆ ดึงตัวให้ลุกขึ้นนั่ง ดันผ้าห่มของตัวเองออก แล้วบิดขี้เกียจยาวเหยียดจนกระดูกดังกร๊อบแกร๊บ นึกถึงฝันเมื่อคืนแล้วอดยิ้มไม่ได้เลยแฮะ
“หึๆ” ฉันหัวเราะให้กับตัวเอง คิดว่าถ้าฝันอย่างนี้ไปทุกคืนได้ก็คงจะเจ๋งสุโค่ยไปเลยอ่ะ คงมีความสุขมากๆ เลยอ่ะเนอะ ^^ อิอิ แฟนคลับกิตติมศักดิ์...ที่เข้าไปพบนักร้องดังถึงห้องนอนทุกคืนโดยไม่เป็นข่าวฉาว ฮ่าๆๆ จะเป็นไปได้ยังไง ไม่มีใครฟลุคฝันอย่างนี้ติดๆ กันได้ตลอดไปหรอกนะ เลิกเพ้อเจ้อได้แล้วยัยนิกิม o> <o
อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ลงไปข้างล่าง กลิ่นผัดกะเพราโชยมาเตะจมูกอย่างจัง ทำให้กระเพาะมันร้องโครกครากจนต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ฉันเดินหน้าชื่นไปที่ห้องกินข้าว ว้าววว *0* เช้านี้มีทั้งผัดกะเพราหมูสับ ผัดฟักทองหวานฉ่ำ และก็ผัดเปรี้ยวหวานด้วย โหย...เปรี้ยวปาก หิวๆๆๆ >0<
พ่อเป็นคนทำน้ำมาสามแก้ว ฉันเป็นคนตักข้าวให้สามจาน ส่วนแม่นั่งรอเป็นประมุขของบ้านอยู่ที่หัวโต๊ะ เหอๆ ใหญ่จริงๆ นะแม่เรา แต่แม่เป็นคนทำกับข้าวนี่นา ให้ท่านพักๆ มั่งเถอะ
“อ่ะ นี่ของแม่... ส่วนนี่ก็ของพ่อ... และนี่ก็ของหนู ^^” ฉันวางจานข้าวให้แต่ละคนก่อนจะหยิบช้อนส้อมให้ทีหลัง เมื่อทุกคนพร้อมที่จะกินข้าวเช้ากันแล้วก็ลงมือทันทีหลังจากที่แม่ตักกินเป็นคนแรก คือที่จริงต้องคนเป็นพ่อไม่ใช่เหรอ -0-? เอ่อ แต่ลืมไป แม่เราใหญ่ = =lll
ฉันเคี้ยวข้าวไปพลางชำเลืองมองหน้าแม่ไป อยากถามแม่จังว่าถ้าฝันอย่างเมื่อคืนนี้มันหมายถึงอะไรกันนะ และแม่เคยฝันอย่างนี้มั้ยนะ?
“อะไร?”
“หะ? o_O” ฉันหน้าเอ๋อเหลอเมื่อจู่ๆ แม่ก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วถามฉันว่าอะไร
“ก็ที่แอบชำเลืองมองแม่นี่มันอะไรล่ะ มีอะไรรึเปล่า?” แม่ค้างช้อนกับส้อมไว้อย่างนั้น เมื่อแม่เปิดทางให้อย่างนี้แล้วฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังล่ะ
“คือหนูฝัน...”
“หยุด!” หา? -O-
“ตอนกินข้าวเขาห้ามพูดเรื่องฝัน เดี๋ยวขวัญข้าวจะหาย จำไว้” อ่าว -_-lll “กินข้าวให้เสร็จแล้วค่อยมาเล่าให้แม่ฟังละกัน” ฉันพยักหน้าก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวไปอย่างงงๆ และสับสนในชีวิต -O-;;;
หลังจากต่างคนต่างกินข้าวกันเสร็จแล้ว ฉันก็เดินไปหาแม่ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าบ้าน ลมพัดอ่อนโยนในตอนสายๆ ช่วงฤดูฝนนี่มันเย็นแปลกๆ แฮะ ฉันนั่งลงตรงข้ามกับแม่ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยถอนใจออกมายาวเหยียด ตื่นเต้นจัง กลัวแม่หาว่าเพ้อฝันบ้าตามนิยายอ่ะ
“เอ้า จะเล่าอะไรให้แม่ฟัง...ฝันอะไร?” แม่เลิกคิ้วถาม พอถึงเวลาที่จะได้เล่าให้ใครฟัง ภาพของพี่บริงค์ก็ลอยเข้ามาในสมองทันที อ้ากกก >///<
“เอ่อ...แม่ แม่เคยฝันถึงผู้ชายมั้ยอ่ะ คือ...คือแบบ...แบบว่าผู้ชายที่แม่ชอบที่แม่แอบรักอ่ะ ยังไงดีฟะเนี่ย? เอางี้ดีกว่า...ผู้ชายในฝันอ่ะ!”
“ก็เคยนะ แต่ตอนแม่ยังเด็กๆ ยันสาวแน่ะ ผู้ชายคนนั้น...ทั้งหล่อ สูง ขาว ดูดี มีอำนาจ อ๊าย! >O< มีความสุข” -0-lll ฉันทำหน้าอย่างนี้เมื่อแม่กรี๊ดแตก ทำหน้าเพ้อฝันแบบนั้นหมายความว่ายังไงนะ อย่างน้อยฉันก็รู้ว่านั่นไม่ใช่พ่อก็แล้วกัน >>>พ่อไม่มีอำนาจ!
“เขาคือไผ o_o?”
“ไม่รู้สิ เขาไม่ยอมบอกชื่อแม่มา แต่เขาชอบพาแม่ไปเที่ยว...พาไปก่อนที่แม่จะได้ไปจริงๆ *O* เขามีบอดี้การ์ดด้วยนะ อย่างกับเจ้าพ่อเลยลูก! >///<”
“อะแฮ่มๆ” เสียงกระแอมดังมาจากมุมไหนสักแห่งของบ้าน แม่ปรายตามองไปข้างๆ พ่อที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง
“เป็นอะไรพ่อ อะไรติดคอ? แม่เอาออกให้มะ” แม่ทำท่าจะเดินไปแต่พ่อก็รีบทิ้งสายยางยกมือขึ้นยอมทันที “พ่อขอโทษจ้ะแม่ T^T พ่อก็แค่น้อยใจที่ชายในฝันคนนั้นไม่ใช่พ่อง่ะ T_T” พ่อเบะปาก แม่ยอมนั่งลงอย่างเดิมแล้วสะบัดหน้าหนีพ่อ
“เชอะ! ไม่ต้องมาทำน้อยใจ อย่าให้แม่ขุดเรื่องเก่าๆ ของพ่อขึ้นมาบ้างละกัน รู้มั้ย...ว่าแม่ก็น้อยใจน่ะ! T^T” พ่อทิ้งต้นไม้ทันที วิ่งเข้ามาโอบแม่แน่นๆ ฉันมองภาพท่านสองคนง้องอนกันแล้วได้แต่หัวเราะแห้งๆ เอาเป็นว่า...ปล่อยให้ท่านสองคนง้องอนกันดีกว่า ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ ^^”
“เดี๋ยวหนูขอออกไปหน้าปากซอยหน่อยนะ อยากกินไอติม” ฉันลุกขึ้น ทำท่าจะออกไปแต่พ่อก็เรียกให้กลับมาก่อน
“อ่ะ พ่อให้ร้อยนึงลูก ^3^ รีบๆ ไปหาไอติมกินซะไปลูกไป”
“ขอบคุณครับพ่อ! >/\<” ถึงพ่อจะไล่ในประโยคหลัง แต่ถ้าได้ตังค์มาร้อยนึงนี่คุ้มสุโคยอ่ะ ฮ่าๆ จุ๊บ >3< แบงค์ร้อยจ๋า~ นอกจากไอศกรีมแล้วซื้ออะไรกินอีกดีน้า~
ฉันเดินออกจากบ้านไปอย่างสุขสม ยิ้มแก้มปริทีเดียว เดินไปพูดกับตัวเองไปเหมือนคนบ้า อิอิ หน้าปากซอยมีของกินให้ซื้อเยอะแยะเลย แต่อยากกินไอศกรีมจริงๆ นะเนี่ย ฉันจำได้ว่าหน้าปากซอยมีร้านไอศกรีมอยู่ร้านหนึ่ง น่าเข้าๆ แต่ไม่รู้ว่าจะแพงรึเปล่านี่สิ เฮ้อ -_-lll
“กำลังจะไปไหนเหรอนิกิม”
“หืม?” ฉันหันหลัง อ๊ะ บัสนี่นา กำลังปั่นจักรยานมาทางนี้ด้วย
รถจักรยานสีแดงที่ปั่นอยู่ไม่ไกลนักจอดลงข้างๆ ฉัน คนที่นั่งอยู่บนนั้นยังคงมีลักษณะเป็นคนใจดีเหมือนเดิม
“จะไปนั่งกินไอติมที่ปากซอยซะหน่อยอ่ะ แล้วบัสอ่ะ...กำลังจะไปไหนเหรอ?” ฉันต้องหยีตามองเพื่อนบ้านคนนี้ เพราะแสงที่สาดส่องเข้ามามันจ้าเหลือร้าย
“ก็เรื่อยๆ ไม่ได้จะไปไหน ^^ ว่าแต่...ฉันขอไปกินด้วยคนสิ” ในเมื่อคนขอขอมาขนาดนี้แล้วจะให้ฉันปฏิเสธยังไงได้ล่ะ
“อื้อ ก็ไปสิ”
“งั้นขึ้นมาเลย ^_^” บัสเอี้ยวตัวไปตบเบาะหลังเบาๆ ฉันถึงได้จำใจขึ้นไปนั่งคร่อม แล้วนายบัส...เพื่อนใหม่รายแรกของที่นี่ก็ปั่นจักรยานออกไปอย่างชิวๆ ท้าลมอ่อนที่พัดเข้าหน้าจนผมปลิวพลิ้วไปข้างหลัง เออแฮะ...ไม่ได้นั่งจักรยานมานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย คงนับตั้งแต่ที่ฉันขึ้นม. ปลายละมั้ง?
นับตั้งแต่วันที่ฉันรักเธอ [ตอนที่ 3]
ก๊อกๆๆ
“ตื่นรึยังน่ะนิกิม ลงมากินข้าวได้แล้วลูก”
พรึ่บ
ฉันลืมตาตื่นทันทีแต่แล้วก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อแสงจ้ามันสอดส่องเข้ามาจนห้องสว่าง อือ~ กลับมาสู่โลกแห่งความจริงแล้วเหรอเนี่ย ฉันหาวหวอดพลางขยี้ตาให้ขี้ตากรังหลุดออกไปบ้าง
ฉันค่อยๆ ดึงตัวให้ลุกขึ้นนั่ง ดันผ้าห่มของตัวเองออก แล้วบิดขี้เกียจยาวเหยียดจนกระดูกดังกร๊อบแกร๊บ นึกถึงฝันเมื่อคืนแล้วอดยิ้มไม่ได้เลยแฮะ
“หึๆ” ฉันหัวเราะให้กับตัวเอง คิดว่าถ้าฝันอย่างนี้ไปทุกคืนได้ก็คงจะเจ๋งสุโค่ยไปเลยอ่ะ คงมีความสุขมากๆ เลยอ่ะเนอะ ^^ อิอิ แฟนคลับกิตติมศักดิ์...ที่เข้าไปพบนักร้องดังถึงห้องนอนทุกคืนโดยไม่เป็นข่าวฉาว ฮ่าๆๆ จะเป็นไปได้ยังไง ไม่มีใครฟลุคฝันอย่างนี้ติดๆ กันได้ตลอดไปหรอกนะ เลิกเพ้อเจ้อได้แล้วยัยนิกิม o> <o
อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ลงไปข้างล่าง กลิ่นผัดกะเพราโชยมาเตะจมูกอย่างจัง ทำให้กระเพาะมันร้องโครกครากจนต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ฉันเดินหน้าชื่นไปที่ห้องกินข้าว ว้าววว *0* เช้านี้มีทั้งผัดกะเพราหมูสับ ผัดฟักทองหวานฉ่ำ และก็ผัดเปรี้ยวหวานด้วย โหย...เปรี้ยวปาก หิวๆๆๆ >0<
พ่อเป็นคนทำน้ำมาสามแก้ว ฉันเป็นคนตักข้าวให้สามจาน ส่วนแม่นั่งรอเป็นประมุขของบ้านอยู่ที่หัวโต๊ะ เหอๆ ใหญ่จริงๆ นะแม่เรา แต่แม่เป็นคนทำกับข้าวนี่นา ให้ท่านพักๆ มั่งเถอะ
“อ่ะ นี่ของแม่... ส่วนนี่ก็ของพ่อ... และนี่ก็ของหนู ^^” ฉันวางจานข้าวให้แต่ละคนก่อนจะหยิบช้อนส้อมให้ทีหลัง เมื่อทุกคนพร้อมที่จะกินข้าวเช้ากันแล้วก็ลงมือทันทีหลังจากที่แม่ตักกินเป็นคนแรก คือที่จริงต้องคนเป็นพ่อไม่ใช่เหรอ -0-? เอ่อ แต่ลืมไป แม่เราใหญ่ = =lll
ฉันเคี้ยวข้าวไปพลางชำเลืองมองหน้าแม่ไป อยากถามแม่จังว่าถ้าฝันอย่างเมื่อคืนนี้มันหมายถึงอะไรกันนะ และแม่เคยฝันอย่างนี้มั้ยนะ?
“อะไร?”
“หะ? o_O” ฉันหน้าเอ๋อเหลอเมื่อจู่ๆ แม่ก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วถามฉันว่าอะไร
“ก็ที่แอบชำเลืองมองแม่นี่มันอะไรล่ะ มีอะไรรึเปล่า?” แม่ค้างช้อนกับส้อมไว้อย่างนั้น เมื่อแม่เปิดทางให้อย่างนี้แล้วฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังล่ะ
“คือหนูฝัน...”
“หยุด!” หา? -O-
“ตอนกินข้าวเขาห้ามพูดเรื่องฝัน เดี๋ยวขวัญข้าวจะหาย จำไว้” อ่าว -_-lll “กินข้าวให้เสร็จแล้วค่อยมาเล่าให้แม่ฟังละกัน” ฉันพยักหน้าก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวไปอย่างงงๆ และสับสนในชีวิต -O-;;;
หลังจากต่างคนต่างกินข้าวกันเสร็จแล้ว ฉันก็เดินไปหาแม่ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าบ้าน ลมพัดอ่อนโยนในตอนสายๆ ช่วงฤดูฝนนี่มันเย็นแปลกๆ แฮะ ฉันนั่งลงตรงข้ามกับแม่ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยถอนใจออกมายาวเหยียด ตื่นเต้นจัง กลัวแม่หาว่าเพ้อฝันบ้าตามนิยายอ่ะ
“เอ้า จะเล่าอะไรให้แม่ฟัง...ฝันอะไร?” แม่เลิกคิ้วถาม พอถึงเวลาที่จะได้เล่าให้ใครฟัง ภาพของพี่บริงค์ก็ลอยเข้ามาในสมองทันที อ้ากกก >///<
“เอ่อ...แม่ แม่เคยฝันถึงผู้ชายมั้ยอ่ะ คือ...คือแบบ...แบบว่าผู้ชายที่แม่ชอบที่แม่แอบรักอ่ะ ยังไงดีฟะเนี่ย? เอางี้ดีกว่า...ผู้ชายในฝันอ่ะ!”
“ก็เคยนะ แต่ตอนแม่ยังเด็กๆ ยันสาวแน่ะ ผู้ชายคนนั้น...ทั้งหล่อ สูง ขาว ดูดี มีอำนาจ อ๊าย! >O< มีความสุข” -0-lll ฉันทำหน้าอย่างนี้เมื่อแม่กรี๊ดแตก ทำหน้าเพ้อฝันแบบนั้นหมายความว่ายังไงนะ อย่างน้อยฉันก็รู้ว่านั่นไม่ใช่พ่อก็แล้วกัน >>>พ่อไม่มีอำนาจ!
“เขาคือไผ o_o?”
“ไม่รู้สิ เขาไม่ยอมบอกชื่อแม่มา แต่เขาชอบพาแม่ไปเที่ยว...พาไปก่อนที่แม่จะได้ไปจริงๆ *O* เขามีบอดี้การ์ดด้วยนะ อย่างกับเจ้าพ่อเลยลูก! >///<”
“อะแฮ่มๆ” เสียงกระแอมดังมาจากมุมไหนสักแห่งของบ้าน แม่ปรายตามองไปข้างๆ พ่อที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง
“เป็นอะไรพ่อ อะไรติดคอ? แม่เอาออกให้มะ” แม่ทำท่าจะเดินไปแต่พ่อก็รีบทิ้งสายยางยกมือขึ้นยอมทันที “พ่อขอโทษจ้ะแม่ T^T พ่อก็แค่น้อยใจที่ชายในฝันคนนั้นไม่ใช่พ่อง่ะ T_T” พ่อเบะปาก แม่ยอมนั่งลงอย่างเดิมแล้วสะบัดหน้าหนีพ่อ
“เชอะ! ไม่ต้องมาทำน้อยใจ อย่าให้แม่ขุดเรื่องเก่าๆ ของพ่อขึ้นมาบ้างละกัน รู้มั้ย...ว่าแม่ก็น้อยใจน่ะ! T^T” พ่อทิ้งต้นไม้ทันที วิ่งเข้ามาโอบแม่แน่นๆ ฉันมองภาพท่านสองคนง้องอนกันแล้วได้แต่หัวเราะแห้งๆ เอาเป็นว่า...ปล่อยให้ท่านสองคนง้องอนกันดีกว่า ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ ^^”
“เดี๋ยวหนูขอออกไปหน้าปากซอยหน่อยนะ อยากกินไอติม” ฉันลุกขึ้น ทำท่าจะออกไปแต่พ่อก็เรียกให้กลับมาก่อน
“อ่ะ พ่อให้ร้อยนึงลูก ^3^ รีบๆ ไปหาไอติมกินซะไปลูกไป”
“ขอบคุณครับพ่อ! >/\<” ถึงพ่อจะไล่ในประโยคหลัง แต่ถ้าได้ตังค์มาร้อยนึงนี่คุ้มสุโคยอ่ะ ฮ่าๆ จุ๊บ >3< แบงค์ร้อยจ๋า~ นอกจากไอศกรีมแล้วซื้ออะไรกินอีกดีน้า~
ฉันเดินออกจากบ้านไปอย่างสุขสม ยิ้มแก้มปริทีเดียว เดินไปพูดกับตัวเองไปเหมือนคนบ้า อิอิ หน้าปากซอยมีของกินให้ซื้อเยอะแยะเลย แต่อยากกินไอศกรีมจริงๆ นะเนี่ย ฉันจำได้ว่าหน้าปากซอยมีร้านไอศกรีมอยู่ร้านหนึ่ง น่าเข้าๆ แต่ไม่รู้ว่าจะแพงรึเปล่านี่สิ เฮ้อ -_-lll
“กำลังจะไปไหนเหรอนิกิม”
“หืม?” ฉันหันหลัง อ๊ะ บัสนี่นา กำลังปั่นจักรยานมาทางนี้ด้วย
รถจักรยานสีแดงที่ปั่นอยู่ไม่ไกลนักจอดลงข้างๆ ฉัน คนที่นั่งอยู่บนนั้นยังคงมีลักษณะเป็นคนใจดีเหมือนเดิม
“จะไปนั่งกินไอติมที่ปากซอยซะหน่อยอ่ะ แล้วบัสอ่ะ...กำลังจะไปไหนเหรอ?” ฉันต้องหยีตามองเพื่อนบ้านคนนี้ เพราะแสงที่สาดส่องเข้ามามันจ้าเหลือร้าย
“ก็เรื่อยๆ ไม่ได้จะไปไหน ^^ ว่าแต่...ฉันขอไปกินด้วยคนสิ” ในเมื่อคนขอขอมาขนาดนี้แล้วจะให้ฉันปฏิเสธยังไงได้ล่ะ
“อื้อ ก็ไปสิ”
“งั้นขึ้นมาเลย ^_^” บัสเอี้ยวตัวไปตบเบาะหลังเบาๆ ฉันถึงได้จำใจขึ้นไปนั่งคร่อม แล้วนายบัส...เพื่อนใหม่รายแรกของที่นี่ก็ปั่นจักรยานออกไปอย่างชิวๆ ท้าลมอ่อนที่พัดเข้าหน้าจนผมปลิวพลิ้วไปข้างหลัง เออแฮะ...ไม่ได้นั่งจักรยานมานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย คงนับตั้งแต่ที่ฉันขึ้นม. ปลายละมั้ง?