"ใครๆก็บินได้...ทำให้เกิดความคิดว่า...ใครๆก็ไปได้ เราก็ต้องไปได้ซินะ"
...ว่าแล้วกระโจนเข้าสู่การแย่งชิงตั๋วโปรฯหางแดงกะเค้าซะเลย...
...และในที่สุด เราก็จับโปรฯของแอร์เอเชียเอ๊กซ์มาได้ บินพร้อมที่พัก 3 วัน 4 คืน
แต่ก็ต้องแลกกับการเดินทางในช่วงบ่ายไปถึง "สนามบินคันไซ" ตอนกลางคืน
ทำให้ต้องลุ้นว่าเราจะทันรถไฟเที่ยวสุดท้าย เพื่อเดินทางจากสนามบินไปที่พักหรือไม่...
บนเครื่อง...
เป็นอีกเรื่องที่ไม่อยากให้พลาดในการเดินทางช่วงบ่าย คือ การสั่งอาหารไว้กินบนเครื่องบิน
ไม่เช่นนั้น...เราจะหิว

และการได้กินข้าวเหนียวไก่ย่างบนฟ้า ความรู้สึกมันช่างต่างจากนั่งจกข้าวเหนียวอยู่ร้านส้มตำแถวบ้านซะจริงๆ
กลับมาเรื่องกรอกเอกสารใบผ่าน ตม. เพื่อเข้าเมืองญี่ปุ่น ที่ต้องกรอกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ต้องกรอกข้อมูลไว้ให้ครบเพื่อความรวดเร็ว เพราะเมื่อเดินทางไปถึงเราจะเจอเพื่อนร่วมชาติเยอะมากกกก
ตอนที่เราไป ได้เจอเกรียนไทย กรอกข้อมูลไม่ครบ เจ้าหน้าที่ ตม. ของญี่ปุ่นให้ออกไปกรอกข้อมูลใหม่ให้ครบ
สร้างความไม่พอใจให้เกรียนไทย โวยวายใส่เจ้าหน้าที่ ตม. แปลเป็นไทยได้ว่า
เจ้าหน้าที่ ตม.: "คุณไม่ได้กรอกรายละเอียดที่พักและข้อมูลในหน้า 2 กรุณาไปกรอกให้เรียบร้อย" (ชี้นิ้วให้ออกไปกรอกที่โต๊ะด้านหลัง)
เกรียนไทย: ทำท่าทางไม่พอใจ เอะอะโวยวายราวทัวร์จีน "ผมมาที่นี่ทุกปีไม่เคยมีปัญหา ถ้าผมออกไปกรอกก็ต้องยืนต่อแถวใหม่ เสียเวลา ...สติ๊วปิ๊ด"
เจ้าหน้าที่ ตม. ท่าทางจะใจเย็น อาจเพราะมีประสบการณ์หรือฟังไม่รู้เรื่องหรือฟังไม่ทัน ทำหน้านิ่งและมองพฤติกรรมเกรียนไทยนายนั้น
...สุดท้ายเกรียนไทยก็ยืนกรอกเอกสารตรงนั้นเลย โดยมิได้เกรงใจเพื่อนร่วมชาติกลุ่มใหญ่ที่ยังยืนรอคิว
นึกในใจ...แมร่งกำลังจะทำกรูตกรถไฟเที่ยวสุดท้ายเป็นแน่แท้
และแล้ว...ก็ไม่ทันรถไฟจริงๆ
อีกสิ่งนึงที่ไม่ควร คือ บริเวณนั้นจะมีป้ายใหญ่ๆ ติดไว้รอบๆว่า "ห้ามถ่ายภาพ" แต่ก็ยังมีกลุ่มสาวไทยยืนเซลฟี่โดยไม่ได้สนใจอะไรเลย
อันนี้เห็นควรจะรักษามารยาทอันดีไว้ให้คนไทยคนอื่นบ้างก็จะดีนะ
เพราะเวลาเค้าตำหนิ เค้าเหมารวมว่า "คนไทย"
งัดแผนสอง...
เมื่อเราเข้าเมืองโดยรถไฟไม่ทัน งั้น...ก็ต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถบัสแทน
จัดการถาม จนท. ถึงจุดที่ต้องไปขึ้นรถ และซื้อตั๋วจากเครื่องอัตโนมัติ
แล้วก็ไปยืนรอรถบัส...
นั่น...ทำให้เราได้สัมผัสอากาศเย็นเป็นครั้งแรก ซึ่งอุณหภูมิในตอนนั้นประมาณ 5 องศาได้เล่นเอามือ หู จมูกชาเลย
เดินทางโดยรถบัสเพื่อไปลงที่นัมบะ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที และก็ต้องต่อแท็กซี่เพื่อไปโรงแรมที่พัก
โรงแรมที่เราพักชื่อ Taiyo ซึ่งรวมราคาอยู่ในแพคเกจของโปรฯหางแดง
นี่ก็เป็นครั้งแรกอีกเหมือนกัน...ที่เราพักแบบเป็นห้องน้ำรวม
ราคาที่พักประมาณคนละ 600 บาท เป็นห้องเล็กๆ มีสองเตียง ตู้เย็น ทีวี ที่แขวนเสื้อผ้าและที่สำคัญมีฮีตเตอร์ให้ด้วย เยสสสสสส..
เล่าเรื่องตอนไปอาบน้ำกะห้องส้วมไว้ตรงนี้เลยเดี๋ยวลืม...
ห้องน้ำ...ทางโรงแรมจะมีสบู่เหลวและยาสระผมไว้ให้ และที่สำคัญ...น้ำอุ่น น้ำแรงสะใจมากกกก
ห้องส้วม...ที่นี่มีสองเรเวล คือ แบบนั่งยองกับแบบชักโครก ที่นั่งยองๆคงเตรียมไว้ต้อนรับทัวร์จีน ที่เราเห็น...มันเป็นคอห่านไชนีสสไตล์เลย จี๋ยยย... ก็เลือกใช้ได้ตามอัธยาศัยนะ
เช้าวันแรก...
เราตื่นมาด้วยอาการมึนๆ เพราะเมื่อคืนกว่าจะอาบน้ำนอนปาเข้าไปตี 2 (เวลาไทยเที่ยงคืน)
ตื่น 6 โมงเช้า (เวลาที่บ้านเราตี 4) ...ทั้งง่วง ทั้งมึน @ @ ...
ว่าแล้วก็...เดินสติลอยๆ ไปล้างหน้า แปรงฟัน
(เราลงมติกันไว้ว่าเช้านี้เราจะไม่อาบน้ำเนาะ เช็คดูอุณหภูมิตอนนั้น 1 องศาอ่ะ...แม่จ้าวววว)
ก่อนมาญี่ปุ่น...
เราทำการบ้านมาเยอะมาก เตรียมแผนการเดินทาง เตรียมข้อมูลที่กินที่เที่ยวจากข้อมูลของหลายๆรีวิว
และเมื่อดูโปรแกรมของเราแล้ว การเดินทางที่เราจะได้ใช้มากที่สุด คือ เดินทางโดยรถไฟ JR
ก่อนมา...เราจึงซื้อ voucher เตรียมไว้ และมาแลกเป็น Kansai Area Pass เมื่อมาถึงโอซาก้า
และก็ไม่ผิดหวังเลย ถือว่าเราใช้มันอย่างคุ้มค่า
และ...ซื้อแพคเกจ Pocket WiFi เตรียมไว้ล่วงหน้า (อันนี้ก็ได้ใช้คุ้มค่า)
เพราะเราต้องใช้ต่อกับ app. Japan Trains เพื่อเช็คตารางเวลารถไฟ รวมถึงหมายเลขชานชาลาที่มันเยอะซะจนน่าเวียนหัว
หลงทางครั้งแรก...
เราเสียเวลาเดินหาขบวนรถไฟ เดินหาชานชาลา เดินหาเคาเตอร์สำหรับแลก JR Pass เพื่อจะเดินทางไปยัง...เกียวโต
เสียเวลาไปร่วม 2 ชั่วโมงได้ แต่นั่น...ก็เป็นการหลงทางครั้งแรกและครั้งเดียว
เมื่อถึงเมืองเกียวโต...
เราหาอะไรรองท้องก่อนเลยดีกว่า เพราะเช้านี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องกันเลย...
มื้อนี้เป็นมื้อแรกที่เราแวะเติมพลังก่อนจะลุยกันต่อ...
สถานที่แรก Jonangu Shrine หรือ ศาลเจ้าโจนันกู
เมื่อเราไปถึง... กำลังมีการแสดงร่ายรำเพื่อบูชาเทพเจ้า
(เดี๋ยวมาต่อ)
หลงทางกับหลงรัก ณ คันไซ
...ว่าแล้วกระโจนเข้าสู่การแย่งชิงตั๋วโปรฯหางแดงกะเค้าซะเลย...
...และในที่สุด เราก็จับโปรฯของแอร์เอเชียเอ๊กซ์มาได้ บินพร้อมที่พัก 3 วัน 4 คืน
แต่ก็ต้องแลกกับการเดินทางในช่วงบ่ายไปถึง "สนามบินคันไซ" ตอนกลางคืน
ทำให้ต้องลุ้นว่าเราจะทันรถไฟเที่ยวสุดท้าย เพื่อเดินทางจากสนามบินไปที่พักหรือไม่...
บนเครื่อง...
เป็นอีกเรื่องที่ไม่อยากให้พลาดในการเดินทางช่วงบ่าย คือ การสั่งอาหารไว้กินบนเครื่องบิน
ไม่เช่นนั้น...เราจะหิว
กลับมาเรื่องกรอกเอกสารใบผ่าน ตม. เพื่อเข้าเมืองญี่ปุ่น ที่ต้องกรอกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ต้องกรอกข้อมูลไว้ให้ครบเพื่อความรวดเร็ว เพราะเมื่อเดินทางไปถึงเราจะเจอเพื่อนร่วมชาติเยอะมากกกก
ตอนที่เราไป ได้เจอเกรียนไทย กรอกข้อมูลไม่ครบ เจ้าหน้าที่ ตม. ของญี่ปุ่นให้ออกไปกรอกข้อมูลใหม่ให้ครบ
สร้างความไม่พอใจให้เกรียนไทย โวยวายใส่เจ้าหน้าที่ ตม. แปลเป็นไทยได้ว่า
เจ้าหน้าที่ ตม.: "คุณไม่ได้กรอกรายละเอียดที่พักและข้อมูลในหน้า 2 กรุณาไปกรอกให้เรียบร้อย" (ชี้นิ้วให้ออกไปกรอกที่โต๊ะด้านหลัง)
เกรียนไทย: ทำท่าทางไม่พอใจ เอะอะโวยวายราวทัวร์จีน "ผมมาที่นี่ทุกปีไม่เคยมีปัญหา ถ้าผมออกไปกรอกก็ต้องยืนต่อแถวใหม่ เสียเวลา ...สติ๊วปิ๊ด"
เจ้าหน้าที่ ตม. ท่าทางจะใจเย็น อาจเพราะมีประสบการณ์หรือฟังไม่รู้เรื่องหรือฟังไม่ทัน ทำหน้านิ่งและมองพฤติกรรมเกรียนไทยนายนั้น
...สุดท้ายเกรียนไทยก็ยืนกรอกเอกสารตรงนั้นเลย โดยมิได้เกรงใจเพื่อนร่วมชาติกลุ่มใหญ่ที่ยังยืนรอคิว
นึกในใจ...แมร่งกำลังจะทำกรูตกรถไฟเที่ยวสุดท้ายเป็นแน่แท้
และแล้ว...ก็ไม่ทันรถไฟจริงๆ
อีกสิ่งนึงที่ไม่ควร คือ บริเวณนั้นจะมีป้ายใหญ่ๆ ติดไว้รอบๆว่า "ห้ามถ่ายภาพ" แต่ก็ยังมีกลุ่มสาวไทยยืนเซลฟี่โดยไม่ได้สนใจอะไรเลย
อันนี้เห็นควรจะรักษามารยาทอันดีไว้ให้คนไทยคนอื่นบ้างก็จะดีนะ
เพราะเวลาเค้าตำหนิ เค้าเหมารวมว่า "คนไทย"
งัดแผนสอง...
เมื่อเราเข้าเมืองโดยรถไฟไม่ทัน งั้น...ก็ต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถบัสแทน
จัดการถาม จนท. ถึงจุดที่ต้องไปขึ้นรถ และซื้อตั๋วจากเครื่องอัตโนมัติ
แล้วก็ไปยืนรอรถบัส...
นั่น...ทำให้เราได้สัมผัสอากาศเย็นเป็นครั้งแรก ซึ่งอุณหภูมิในตอนนั้นประมาณ 5 องศาได้เล่นเอามือ หู จมูกชาเลย
เดินทางโดยรถบัสเพื่อไปลงที่นัมบะ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที และก็ต้องต่อแท็กซี่เพื่อไปโรงแรมที่พัก
โรงแรมที่เราพักชื่อ Taiyo ซึ่งรวมราคาอยู่ในแพคเกจของโปรฯหางแดง
นี่ก็เป็นครั้งแรกอีกเหมือนกัน...ที่เราพักแบบเป็นห้องน้ำรวม
ราคาที่พักประมาณคนละ 600 บาท เป็นห้องเล็กๆ มีสองเตียง ตู้เย็น ทีวี ที่แขวนเสื้อผ้าและที่สำคัญมีฮีตเตอร์ให้ด้วย เยสสสสสส..
เล่าเรื่องตอนไปอาบน้ำกะห้องส้วมไว้ตรงนี้เลยเดี๋ยวลืม...
ห้องน้ำ...ทางโรงแรมจะมีสบู่เหลวและยาสระผมไว้ให้ และที่สำคัญ...น้ำอุ่น น้ำแรงสะใจมากกกก
ห้องส้วม...ที่นี่มีสองเรเวล คือ แบบนั่งยองกับแบบชักโครก ที่นั่งยองๆคงเตรียมไว้ต้อนรับทัวร์จีน ที่เราเห็น...มันเป็นคอห่านไชนีสสไตล์เลย จี๋ยยย... ก็เลือกใช้ได้ตามอัธยาศัยนะ
เช้าวันแรก...
เราตื่นมาด้วยอาการมึนๆ เพราะเมื่อคืนกว่าจะอาบน้ำนอนปาเข้าไปตี 2 (เวลาไทยเที่ยงคืน)
ตื่น 6 โมงเช้า (เวลาที่บ้านเราตี 4) ...ทั้งง่วง ทั้งมึน @ @ ...
ว่าแล้วก็...เดินสติลอยๆ ไปล้างหน้า แปรงฟัน
(เราลงมติกันไว้ว่าเช้านี้เราจะไม่อาบน้ำเนาะ เช็คดูอุณหภูมิตอนนั้น 1 องศาอ่ะ...แม่จ้าวววว)
ก่อนมาญี่ปุ่น...
เราทำการบ้านมาเยอะมาก เตรียมแผนการเดินทาง เตรียมข้อมูลที่กินที่เที่ยวจากข้อมูลของหลายๆรีวิว
และเมื่อดูโปรแกรมของเราแล้ว การเดินทางที่เราจะได้ใช้มากที่สุด คือ เดินทางโดยรถไฟ JR
ก่อนมา...เราจึงซื้อ voucher เตรียมไว้ และมาแลกเป็น Kansai Area Pass เมื่อมาถึงโอซาก้า
และก็ไม่ผิดหวังเลย ถือว่าเราใช้มันอย่างคุ้มค่า
และ...ซื้อแพคเกจ Pocket WiFi เตรียมไว้ล่วงหน้า (อันนี้ก็ได้ใช้คุ้มค่า)
เพราะเราต้องใช้ต่อกับ app. Japan Trains เพื่อเช็คตารางเวลารถไฟ รวมถึงหมายเลขชานชาลาที่มันเยอะซะจนน่าเวียนหัว
หลงทางครั้งแรก...
เราเสียเวลาเดินหาขบวนรถไฟ เดินหาชานชาลา เดินหาเคาเตอร์สำหรับแลก JR Pass เพื่อจะเดินทางไปยัง...เกียวโต
เสียเวลาไปร่วม 2 ชั่วโมงได้ แต่นั่น...ก็เป็นการหลงทางครั้งแรกและครั้งเดียว
เมื่อถึงเมืองเกียวโต...
เราหาอะไรรองท้องก่อนเลยดีกว่า เพราะเช้านี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องกันเลย...
มื้อนี้เป็นมื้อแรกที่เราแวะเติมพลังก่อนจะลุยกันต่อ...
สถานที่แรก Jonangu Shrine หรือ ศาลเจ้าโจนันกู
เมื่อเราไปถึง... กำลังมีการแสดงร่ายรำเพื่อบูชาเทพเจ้า
(เดี๋ยวมาต่อ)