ม็อกค่าปาท่องโก๋ : ทูนหัวของแมว {สัมภาษณ์ เป้ - อารักษ์, ใบเฟิร์น - พิมพ์ชนก จาก “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ”}

สวัสดีครับ

      ขออนุญาต นำคอลัมน์ "ม็อกค่าปาท่องโก๋" ที่ผมเขียนประจำในเนชั่นสุดสัปดาห์นั้น มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เพื่อขอคำแนะนำ คำติชม เพื่อปรับปรุงงานเขียนต่อไปในอนาคตเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ

เนชั่นสุดสัปดาห์ เล่มที่ 1187 - 1188 ประจำวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 และ 6 มีนาคม 2558



     ม็อคค่าปาท่องโก๋ ประจำวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ มีโอกาสสัมภาษณ์สองนักแสดงนำของ “หนังแมว” ชื่อเรื่องว่า “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” ผลงานการกำกับของ “นฤบดี  เวชกรรม” และ “เท่ง เถิดเทิง” และนักแสดงนำทั้งสองท่านคือ “เป้” อารักษ์ อมรศุภศิริ” และ “ใบเฟิร์น” พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์”

Mr. Coffee : ทำไมจึงได้มาเล่นหนังเรื่องนี้

ใบเฟิร์น : ก็มีการติดต่อมาทางผู้จัดการ แล้วก็มีการนัดคุยบท นู่นนี่นั่น แล้วก็มาเจอกัน แล้วก็มา First Read ด้วยกัน ไม่ได้มีการ Casting ค่ะ แต่กว่าจะ Confirm เรื่องนี้ก็สักพักหนึ่งนะคะ

เป้ : ของผมก็ ตอนนั้นเขาก็บอกแล้วว่าใบเฟิร์นเล่นนะครับ และเล่นกับพี่เท่ง พี่โหน่งด้วย พอดีเราก็ไม่ได้เล่นหนังตลกมานานแล้ว ก็ประมาณ 2 ปี แต่คนอาจจะติดภาพเราที่มันยิ้มๆ โรแมนติกคอมมิดี้ แต่ตลกแบบจริงๆ จังนี่ไม่ได้เล่นนานแล้ว


Mr. Coffee : เรื่องนี้เป็นหนังตลกจริงจังแค่ไหน

เป้ : ตลกมากครับ แต่เหมือนมันก็เคลือบด้วยความโรแมนติกด้วย แบบพ่อแง่ยิ้มอน จีบกัน ประมาณนี้ พอมาอ่านบทสำหรับตัวผมเอง มันอาจจะไม่ได้แปลกมากในเรื่องของการแสดง แต่รวมๆ แล้วมันน่าจะดี เฟิร์นอ่านบทแล้วชอบไหม

ใบเฟิร์น : เฟิร์นชอบ เพราะว่าเขาไม่ใช่ตลกตบมุก หรือตลกแบบที่เขา Set เอาไว้อยู่แล้ว อย่างมันจะมีฉากที่ เมโย ซึ่งคือผู้หญิงเพ้อฝัน บ้า มโน ติด Social Network แอบชอบพี่เขา เดินๆ เล่นโทรศัพท์ จะกลับบ้าน แต่เดินไปเดินมาดันกลับมาที่ทำงาน คือเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นได้จริง และหนูก็ว่ามันน่ารักดี


Mr. Coffee : ระหว่าโรแมนติกกับคอมมิดี้ อัตราส่วนอันไหนมากกว่ากัน

เป้ : จริงๆ ผมกับเฟิร์น อาจจะคิดไม่เหมือนกันนะ ส่วนตัวผม ผมว่า คอมมิดี้ประมาณ 65% โรแมนติกประมาณ 35%

ใบเฟิร์น : เฟิร์นมองว่ามันผสมเป็นโรแมนติก-คอมมิดี้เลยมากกว่า แต่เฟิร์นว่าโรแมนติกนำนิดหน่อยนะ อาจจะเป็นที่ความแตกต่างของตัวละครแต่ละตัวก็เป็นได้


Mr. Coffee : เล่าถึงบทบาทที่แต่ละคนได้รับ

เป้ : ของผมไม่เหมือนเรื่องไหนเลยครับ อย่างใน “สุดเขตเสลตเป็ด” หรือ “ส.ค.ส. สวีทตี้” เล่นแบบการ์ตูนมากครับ แต่เรื่องนี้เราจะไป Copy มาจากผู้ช่วยผู้กำกับจริงๆ พระเอกเรื่องนี้มีตัวตนจริงๆนะครับ และเป็นเพื่อนผมด้วย ผมโชคดีมากที่ได้มีโอกาสสังสรรค์กับเขา เป็นเพื่อนกัน รู้จักกัน รู้ว่า มอ (พระเอก) มีทัศนคติอะไรบางอย่าง เช่น ถ้าผู้กำกับบอกว่าจะเอาแสงแบบนี้ แต่ถ้าสภาพมันไม่ได้ แต่ผู้กำกับเขาจะเอาให้ได้ มันก็ต้องได้ ก็เลยรับความรู้สึกนั้นมา ว่าเป็นผู้ช่วยผู้กำกับจะต้องคอยจัดการทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ผู้กำกับสั่ง วิธีการสั่งการ การถือ ว. (วิทยุสื่อสาร) วิธีการถ่ายรูป ต่างๆ นานา ก็ Copy มาจากผู้ช่วยของเรานี่ล่ะครับ

ใบเฟิร์น : ของเฟิร์นจะเล่นคล้ายๆ กับในเรื่อง “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก” อยู่บ้างเหมือนกัน แต่อาจจะมีแค่กลิ่นๆ เพราะช่วงอายุตัวละครไม่เหมือนกัน มุมมองความรัก ทัศนคติ ก็แตกต่างกัน เรื่องนี้ เฟิร์นว่า มันตรงกับตัวเฟิร์นมากกว่า ฝึกงาน ปีสี่ อะไรแบบนี้ เท่าอายุจริงเลยค่ะ

เป้ : ของผมน้อยกว่าอายุจริงหน่อยครับ ในเรื่องอายุประมาณ 27 ปี แต่ถ้าเทียบกับ “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก” ผมว่าเรื่องนั้นเล่า Background ของตัวละครยาวหนาเตอะเลยนะ


Mr. Coffee : แมว “จอนนี่” ไปไงบ้าง

เป้ : จอนนี่มันเป็นแมวที่ผมไม่รู้จะเรียกมันว่ายังไงดี คือมันนิ่ง มันจะมีจังหวะนิ่ง คือจับมันใส่ชุดอะไรนั่งท่าไหน มันก็ใส่ มันก็นั่งอยู่อย่างนั้น ผมว่าคงไม่มีแมวตัวไหนนิ่งได้เท่าจอนนี่นะ ดัวยความที่มันคงอ้วนมั้งครับ

ใบเฟิร์น : 555 ใช่ค่ะ อ้วนมากกกกกๆๆๆ หนัก 10 กิโลกรัม

เป้ : พอมันนั่งท่าประหลาดได้มันก็เลยเป็นแมวที่ Special ปกติแมวทุกตัวมันก็ไม่ค่อยฟังใครอยู่แล้ว แต่ว่าจอนนี่มันจะตัวใหญ่กว่าปกติ แอบมีความดุอยู่บ้าง แต่รวมๆ แล้วมันเป็นแมวที่มีเสน่ห์ สำหรับผมแล้ว ต้องบอกก่อนเลยครับว่า ตอนแรกที่ได้อ่านบท ไอ้เรื่องที่ว่าจะเล่นกับแมวยังไง หรือแมวจะแสดงได้มั้ยนั้น ผมไม่ติดเลยครับ คือผมคิดว่ายังไงมันคงฝึกได้ ตอนแรกนะครับ แต่พอมารู้ทีหลังว่าแมวฝึกไม่ได้ ก็เงิบกันไป

ใบเฟิร์น : ทีแรกเฟิร์นก็คิดว่าเขาคงมีวิธีหรือไม่ก็แมวคงโดนฝึกมาหรืออะไรสักอย่าง พอมาถ่ายจริง ถึงได้รู้ว่าแมวเป็นสัตว์ที่ฝึกไม่ได้ค่ะ ตอนอ่านบทคิดว่าไม่เป็นปัญหาอะไร คือบทมันก็ไม่ยากนิ คิดไว้เอง คงตั้งกล้องไว้เดี๋ยวแมวก็อยู่เฉยๆ นิ่งๆ แต่กลายเป็นว่ามันไม่ได้แม้กระทั่งอยู่เฉยๆ ค่ะ พอเรามาถ่ายจริงๆ เราจะรู้ว่าเขาคุมไม่ได้ แม้แต่เจ้าของเขาก็คุมไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันคือการตั้งกล้องรอตลอด คือถ้าเฟิร์นกับพี่เป้เล่นนะ มีกล้องหนังสองตัวกะว่า สองตัวนะ เดี๋ยวเสร็จเร็ว สองตัวอยู่กับแมวหมด เฟิร์นกับพี่เป้เล่นเฉยๆ ลอยๆ ยิ้มยืนอยู่ในฉากผ่านๆ เป็นตัวประกอบไป ตอนนี้เอาแมวก่อน คือถ้าให้นั่งเขาก็จะเดิน ให้เดินซ้าย เขาก็เดินขวา คือมันคุมยากมากเลยจริง ๆ ยากกว่าที่เฟิร์นคิดไว้แบบล้านเท่าเลยค่ะ

เป้ : ปัญหานี้มันเป็นเรื่องของผู้กำกับแล้วครับ เราก็อดทนเข้าไว้ ตอนที่ถ่ายได้ช้าก็ตอนที่ถ่ายแมวนี่ล่ะครับ แบบว่าทุกอย่างก็เหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดีนะ เพราะว่าพี่เป้ผู้กำกับเขาเป็นคนค่อนข้างเป๊ะกับสิ่งที่เขาต้องการจะใช้ แต่หลังจากการรอการถ่ายด้วยจังหวะคิวหรือสภาพอารมณ์ของแมวแต่ละวันแล้วนี่มันเป็นไปได้ยากครับก็อาจจะต้องช่วยๆ กัน ในหลายๆ ด้านครับทั้งนักแสดงเอง หรือเจ้าของแมว อย่างนักแสดงก็ต้องรอจังหวะ เช่นถ้าสั่งแอ็คชั่นดังเกินไป แมวก็หนีหรือบางทีอยากให้มันกินอะไรมันก็ไม่กินก็มี


Mr. Coffee : การที่ทั้งสองคนมีหนังที่เข้าฉายใกล้เคียงกัน ไหม (ของเป้คือ “#ซิงเกิลเลดี้ เพราะเคยมีแฟน”  ของใบเฟิร์นคือ “2538 อัลเทอร์มาจีบ”) คิดอย่างไร

เป้ : จริงๆ เราเคยเจอกันมาก่อนที่กองถ่ายหนังเรื่องหนึ่ง ผมไปรับก้อย รัชวิน ตอนนั้นก็ดูเฟิร์นเป็นคนน่ารักๆ แต่พอเจอจริงๆ นี่ ตัวจริงก็...555 น่ารักครับ ตัวจริงน่ารักกว่าที่ผมคิด ส่วนเรื่องโปรแกรมฉาย ผมไม่กังวลครับ เพราะแนวหนังค่อนข้างแตกต่างกัน และวันเข้าฉายห่างประมาณเดือนหนึ่ง แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ห่างกันกว่านี้ครับ แต่ก็เข้าใจเพราะขึ้นอยู่กับการวางโปรแกรมเข้าฉายด้วย

ใบเฟิร์น : พี่เป้ตอนแรกหนูคิดว่าจะเป็นคนเท่ๆ เก๊กๆ แต่เอาเข้าจริง พี่เป้เล่นเก่งค่ะ คุยสนุกด้วย ปรับตัวได้ไม่ยาก


Mr. Coffee : หนังเรื่องนี้เหมาะกับคนดูกลุ่มไหน

เป้ : เหมาะกับคนดูทั่วไปครับ ข้อดีคือจะได้รู้เบื้องหลังของกองถ่ายโฆษณา ขั้นตอนวิธีการทำงานต่างๆ ที่ปกติจะไม่มีใครได้เห็น ได้เห็นพี่เท่ง พี่โหน่ง แสดงในบทบาทที่แตกต่างออกไปจากหนังเรื่องอื่นๆ

ใบเฟิร์น : หนังเรื่องนี้น่ารักดีค่ะ ใครชอบหนังตลกกุ๊กกิ๊ก น่ารัก และชอบแมว ก็ยิ่งดี อยากให้มาดูกันเยอะๆ ค่ะ


Mr. Coffee : คิดอย่างไรกับคำว่า “คู่จิ้น”

ใบเฟิร์น : ก็มีเป็นปกตินะคะ หนูโดนแทบทุกเรื่อง แต่ที่สำคัญ หนูคิดว่า “คู่จิ้น” ควรเกิดจากการที่ผู้ชมชื่นชอบและอินในบทบาทของตัวละครนั้น มากกว่าที่จะเกิดจากการพยายามโปรโมทของทางผู้จัดละคร ทางช่อง หรือทางค่ายหนัง

เป้ : เอาจริงๆ เหรอ (ฮ่าๆๆ) ผมสบายมากเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นอะไร อย่างที่เห็นปริมาณหนังที่ผมเล่นมาก็เยอะมาก ก็หลักสิบๆ เรื่อง ก็เรียกว่า “โดนมาเยอะ” แล้วครับ (ฮ่าๆๆๆ) ชิลล์มากเลย

ใบเฟิร์น : คือจริงๆ มันก็หลายๆ อย่าง อย่างที่หนูบอก ว่าถ้ามันเกิดจากความที่คนดูดูแล้วชอบตัวละครสองตัวนี้มาก ก็คงรู้สึกพอใจกับคำว่า “คู่จิ้น” นั้นมากค่ะ


Mr. Coffee : อยากให้ทั้งคู่ พูดถึงประสบการณ์ทำงาน และปัญหาที่เคยเจอจากหนังหลายเรื่องที่เคยเล่นมา

เป้ : ปัญหาในกองมันก็ไม่ได้มีทุกเรื่องนะครับ และถึงมีมันก็คงไม่เหมือนกันด้วย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นักแสดงก็ต้องเล่น ถ้าเขายังจะถ่ายต่อ และก็ต้องลืมปัญหาทุกอย่าง เพราะเราเป็นนักแสดง เราต้องยืนอยู่ตรงกลาง คือปัญหารอบด้านถ้ามันเข้ามาหูเรา บางสถานการณ์ไอ้ที่เข้าที่หูซ้ายกับเข้าทางหูขวา บางทีมันคนละเรื่องกันเลย แต่เราต้องยึดคติไว้เลยเรา เราเป็นนักแสดง ดังนั้นเราคือตัวหลัก คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องเล่นต้องถ่ายให้จบ นั่นคือคติที่รู้มาจากประสบการณ์ และผมคิดว่า การที่เป็นนักแสดงมันก็โชคดี เพราะปัญหาทุกอย่างมันก็จะแค่อยู่รอบตัวเรา ยังไงเขาก็จะกันไม่ให้เข้ามาโดนเราหรอก คือรับงานแล้ว ยังไงก็ต้องเล่น และผู้กำกับสั่งอะไรก็ต้องทำ คือถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรง เราก็ต้องทำ

ใบเฟิร์น : พูดมาขนาดนี้แล้ว เล่ามาเลยดีกว่า (ฮ่าๆๆ)

เป้ : อย่างผมเคยเจอ ซีนโดดน้ำ แต่น้ำมันเป็นน้ำที่เย็นจัดมากๆ คือเป็นน้ำหล่อเย็นของซาวน่า แล้วช่วงนั้นก็อากาศเย็นๆ ผมก็ไม่ได้เช็คอุณหภูมิน้ำ แล้วผู้กำกับก็เอามือไปจุ่มน้ำแล้วก็ร้อง หูย! ผมก็ถามว่ามีอะไร ผู้กำกับก็บอกไม่มีอะไร ปกติ ปกติ พอเขาสั่งให้เราโดดลงไป หนาวแบบจะตาย ผมก็ตัวแข็งปากสั่น แล้วก็พูดไม่ได้ ก็ต้อง เทคใหม่ แล้วก็ต้องโดดน้ำใหม่อีก!


Mr. Coffee : มีหนังแนวไหนที่อยากแสดงอีกบ้าง

ใบเฟิร์น : หนูได้เล่นแต่หนังรักๆ วนอยู่อย่างนี้ อยากเล่นหนังจิตๆ อยากเล่นแบบ Gone Girl

เป้ : อั้ยยะ!

ใบเฟิร์น : แต่ไม่ต้องโตขนาดนั้น ไม่ต้องสาวขนาดนั้น เฮ้ย! ฟังก่อนสิ

เป้ : (ฮ่าๆๆ) แต่ถ้าในฐานะนักแสดง บทอย่างที่ Rosamund Pike เล่น ถ้าได้เล่นก็ถือว่าได้พัฒนาตัวเองมากเลยนะครับ


Mr. Coffee : แล้วเป้ล่ะครับ

เป้ : ขี่ม้า ยิงปืน ที่จริงมันกำลังจะมีหนังไทยแนวนี้ครับ แต่ผมไม่รู้ว่าผมจะได้เล่นหรือเปล่า อย่าง “ตี๋ใหญ่” หรือพวกชุมโจร แบบ “เสือคนพันธุ์เสือ” อย่าง “ขุนพันธ์” นี่ก็ใช่ “ขุนพันธ์” น่าดูมากนะครับ ผมได้เห็นตัวอย่างยาวแปดนาที พี่น้อย วงพรู  เล่นได้สุดยอดมาก


Mr. Coffee : ปกติชอบดูหนังแนวไหนกัน

ใบเฟิร์น : เฟิร์นชอบ The Flowers of War ของ “จางอี้โหมว” เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในโบสถ์ กลุ่มเด็กผู้หญิงที่นับถือศาสนาคริสต์รวมตัวกัน มีกลุ่มโสเภณีด้วย ที่เด็กจะโดนขมขืน แล้วโสเภณีที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดีเสียสละไปแทน เหมือนจะเป็นเรื่องจริงด้วย หนังดีมากค่ะ ยืนยัน ฟันธง หรือ หนังอย่าง Always ก็ชอบค่ะ  ส่วนหนังไทย เฟิร์น ชอบ “เปนชู้กับผี”

เป้ : ผมดูหนังได้หลายแนวมากครับ หนังอย่าง Batman หรือ กับตันอเมริกา ก็ชอบดู หรือหนังอิหร่านอย่าง The Separation of Nader and Simin ก็ดีมากครับ ทั้งที่ข้อจำกัดเยอะมากด้วย อีกเรื่องหนึ่งก็ No One Knows About Persian Cats ชอบมากครับ หนังไทยผมก็ชอบหลายเรื่อง เช่น “เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล” “กุมภาพันธ์” “อันธพาล” ล่าสุดผมชอบ “แผลเก่า” หรือ “36” ที่เขาว่าเป็นหนัง Hipster ผมก็ชอบมากครับ


Mr. Coffee : มองวงการหนังไทยอย่างไรบ้าง

ใบเฟิร์น : ก็มีหลายอย่าง หนูเห็นความไม่สมบูรณ์ในหลายๆ ด้านนะคะ ทั้งที่บางคนมีโอกาส มีทุน แต่ก็เห็นความตั้งใจที่ไม่ได้มีมาก แต่กับบางคนมีความฝัน มีทุกอย่าง แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ หนูเห็นมาตลอด

เป้ : อย่างหนังที่ผมได้เล่นและชอบอย่าง “เฉือน” “เขาเรียกผมว่าความรัก” เจ๊งนะ เรื่องรายได้ ทั้งที่ผมชอบมากทั้งสองเรื่อง คือจริงๆ คือมันมีหลากหลายปัจจัยมากที่จะทำให้หนังได้เงิน


Mr. Coffee : แล้วอย่างปีที่ผ่านมาที่คนบ่นถึงคุณภาพของหนังไทย

เป้ : ถ้าทำดีๆ มันก็ได้เงินนะ อย่าง “ไอฟายฯ” ก็ได้เงิน

ใบเฟิร์น : คนไทยส่วนใหญ่เลือกที่ดาราก่อน ชอบเลือกดาราดู

เป้ : เราว่าเลือกค่ายก่อนนะ

ใบเฟิร์น : ค่ายก็ใช่นะ คนส่วนใหญ่ก็เป็น ตัวเองก็เป็นนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่