เชน ธนา เจ้าของผลิตภัณฑ์ Amado ชี้แจงโปรเจคลดน้ำหนัก ของ อลิส



เผอิญว่าขึ้นบนฟีด เลยก้อปมาให้อ่านกัน

ชี้แจงรายละเอียด projectalice1m ‪
เมื่อวานได้เซ็นสัญญากับน้อง @alicebambam ไว้ดังนี้

1. ถ้าลดได้ไม่ถึงน้ำหนัก55ตามที่คำนวณน้ำหนักมาตราฐานน้องเอาไว้ จะให้กิโลกรัมละ 1แสนบาท
และขยายเวลาไปถึง20เมษายน (ซึ่งถ้าใกล้เคียง55กิโลกรัมในวันที่7ผมก็คิดไว้ว่าจะให้รางวัลน้องอยู่แล้ว)

2. ทางบริษัทจัดเทรนเนอร์มืออาชีพและควบคุมการทานอาหารคลีนเอาไว้ให้โดยที่น้องจะไม่ขาดสารอาหารแน่นอน

3. ทางบริษัทจัดคอร์สออกกำลังกายให้วันละ2ชั่วโมง ไม่หักโหมและดูแลอย่างถูกต้อง
และสำหรับตัวอาหารเสริมอมาโด้ที่ให้น้องทานมี3ตัว

1. L-Carnitine
ก่อนออกกำลังกาย ซึ่งเป็นตัวที่อาจจะวางจำหน่าย
แต่ตัวผมได้ทดลองแล้วเห็นว่าเห็นผลดีและปลอดภัยจึงเอามาร่วมกับโปรเจ็คนี้ด้วย

2. amadoFiber
เป็นแบบชงดื่มก่อนนอน ‪#‎ซึ่งการลดน้ำหนักครั้งแรกในการทานไฟเบอร์ตัวนี้เป็นไปได้‬ อย่างที่เคยให้ข้อมูลไว้ว่า
‪#‎คนอ้วน‬ อาจจะมี ‪#‎อุจจาระตกค้าง‬ ได้ถึง10กิโลกรัมโดยไม่รู้ตัว แฝงมาในรูปแบบของอาการท้องผูก อาหารไม่ย่อย ฯลฯ
ซึ่งผลการวิจัยอมาโด้ตัวนี้ช่วยปรับระบบการทำงานของระบบทางเดินอาหารให้ดีขึ้น และขับกากอาหารหรืออุจจาระตกค้างออกมา
ซึ่งอาจจะมากกว่า1-2กิโลเลยก็ได้

3. Amados
ตัวนี้จะช่วยปรับระบบทางเดินอาหารเช่นกัน และมีส่วนผสมของ inulin ที่จะทำให้อิ่มง่ายขึ้น ไม่ตะกละ กินอาหารเยอะเกินจำเป็น
ทางทีมเภสัชและทีมงานการตลาดรวมถึงบริษัทหวังดีและมีแคมเปญที่จะชักชวนคนไทยให้มาเริ่มดูแลตัวเองเพื่อสุขภาพที่ดี
รวมถึงปลอดจากโรคที่มาพร้อมพุง ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน ความดัน และความไม่มั่นใจในตัวเอง ‪
#‎โดยอยากให้มองจำนวนเงิน1ล้านบาทนี้‬ เป็นของรางวัล และกำลังใจ ซึ่งหลายๆคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเงินอาจจะไม่อยากได้
แต่อยากมาลดน้ำหนัก ซึ่งทางบริษัทจะวางแผนในการอำนวยความสะดวกและรับสมัครคนที่อยากจะสุขภาพดีแบบไม่มีค่าใช้จ่ายในโอกาสอันใกล้นี้
โดยน้องอลิซที่ทางบริษัทเลือกมานั้น ถือเป็น Case Study ที่คนไทยได้ทำให้น้องเป็นที่พูดถึงโดยเรื่อง "น้ำหนัก" เป็นปัญหา
เรื่องอื่นๆบริษัทไม่ได้ไปก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของน้อง แต่เพียงแค่เล็งเห็นว่า น้องถูกกระแสออนไลน์พูดถึงเรื่องความอ้วนและน้ำหนัก
มีทั้งแง่ลบและกำลังใจ บริษัทเห็นถึงศักยภาพในการดูแลเคสแบบนี้ จึงได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา

ส่วนหลายคอมเม้นต์ที่พูดว่าอยากให้เอาเงิน1ล้านบาทไปทำบุญแทนหรือมอบให้กับคนยากไร้จึงอยากจะชี้แจง2ข้อดังนี้

1. ตัวผมเองและบริษัทได้มีการทำบุญอยู่ตลอดอยู่แล้ว ทั้งการสร้างกุฏิที่วัดใหม่ปิ่นเกลียวบ้านเกิด มอบทุนการศึกษาให้เด็กและโรงเรียนต่างๆ
สร้างสถานปฏิบัติธรรม เลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าในทุกๆปี ซึ่งมูลค่าไม่ใช่แค่1ล้านบาท เพียงแต่ผมยึดหลักว่าทำบุญไม่เอาหน้า
ไม่อยากหวังผลตอบแทน ‪ผม‬เป็นคน 1 คนที่รู้สึกไม่ค่อยดีที่เวลาทำบุญไปตักข้าวให้เด็กกำพร้าขาดโอกาสแล้วต้องค้างช้อนไว้แล้วถ่ายรูป
แต่บางครั้งก็ต้องทำเพื่อร่วมมือกับนักข่าวเพื่อให้คนไทยเกิดความคิดในการแบ่งปัน ผมจึงไม่เคยมานั่งอัพรูปหรือประกาศว่าวันนี้ผมทำบุญไปกี่บาทๆ

2. จำนวนเงิน1ล้านบาท หรืออาจจะน้อยกว่าในกรณีที่น้องทำไม่ได้ตามเป้า ผมมองว่าเป็นค่าตอบแทนที่น้องควรจะได้
ซึ่งถ้าผมไม่ดึงน้องเข้ามาร่วมกิจกรรม ตัวน้องเองก็อาจจะมีโอกาสไปรับสินค้าแบรนด์อื่นๆมาโพสต์ มาโฆษณา ซึ่งถือเป็นรายได้ของน้องเค้า
โดยผมไม่ทราบว่าแบรนด์อื่นจะให้ทานจริงๆมั้ย แต่คอนเซปต์ของแบรนด์ผมคือต้องกินจริง เหมือนวันที่ผมจะขายผมก็ลดพุงให้เห็นจริงๆ
และตัวน้องเองต้องใช้เวลา5วันต่อสัปดาห์ในการมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ตกเป็นจำนวนวันประมาณ 15-18วัน ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องมีหน้าที่
มีครอบครัวให้ดูแล เวลาใครเอาไปทำงานอะไร ก็ต้องมีค่าตัวเป็นไปตามวัฏจักรของชีวิตคนทำงาน รวมถึงภาพของน้องที่จะมีอมาโด้ติดตัวไป
ผมจึงยินดีที่จะจ่ายตามมูลค่าที่แจ้งไป

และอย่างที่กล่าวไปว่าถ้ามี 1 คนที่ทำได้อย่างปลอดภัย ผมก็จะจัดกิจกรรมนี้โดยเปิดกว้างให้ทุกคนมาร่วมได้
และมีเงินรางวัล1ล้านบาทเป็นของรางวัลให้เช่นกัน จึงอยากให้เป็นกำลังใจให้น้องอลิซทำให้สำเร็จ หรือทำได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ
ผมไม่ได้มีเจตนาอื่นๆใดๆ นอกจากความหวังดี และให้ค่าตอบแทน+เงินรางวัล ตามครรลองของวัฏจักรคนทำงาน 1 คนครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่