เลือกคนผิด คิดจนตัวตาย 18+

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิป เราติดตามอ่านมาหลายกระทู้ วันนี้เลยสมัครเพื่อเล่าเรื่องตัวเองบ้าง เป็นกระทู้แรกนะคะ ผิดพลาด หรืออ่านยากยังไง ก็ขออภัยไว้ด้วยค่ะ

เราขอใช้นามสมมติว่า บี นะคะ ตอนนี้เราอายุ20แล้วค่ะ คบกับแฟนอายุอ่อนกว่า2ปี ขอใช้นามสมมติว่า ซี นะคะ

เรื่องมันเริ่มต้นจากตอนแรก เราเรียนอยู่ที่โรงเรียนหนึ่ง ตอนมอสี่ ตอนนั้นคบกับแฟนรุ่นพี่อีกคน
เขาเป็นคนดีมากๆค่ะ เหล้า บุหรี่ อบายมุขไม่ยุ่ง เรื่องผู้หญิงไม่มีปัญหา คบกันมาได้ปีกว่า
แต่ก็เลิกกันค่ะ เพราะเข้ากันไม่ได้หลายๆอย่าง พอเราอยู่ ม5 เทอม2 ก็ย้ายโรงเรียน
เพราะทำใจไม่ได้ค่ะ ไม่มีสมาธิในการเรียน เฮิร์ทหนักมาก เลยตัดสินใจขอแม่ย้ายโรงเรียน
เพราะตอนนั้นเตรียมตัวจะแอดมิชชั่นแล้ว กลัวเสียการเรียน เลยย้ายดีกว่า

ช่วงแรกที่ย้ายไป รร ใหม่ ก็ยังทำใจไม่ได้นะคะ ร้องไห้บ่อยๆ ผอมลงไปเยอะเลยตอนนั้น
แต่ก็มีสมาธิในการเรียนมากขึ้น เพราะไม่เจอหน้าพี่เขาแล้ว
ตอนนั้นเลยบ้าเรียนมากค่ะ ไม่อยากคิดมาก ไม่อยากร้องไห้แล้ว เลยเอาเวลาไปเทกับเรื่องเรียน
เกรดพุ่งเลยค่ะ ผลการเรียนดีมาก พอขึ้น ม6 ช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ช่วงนั้นสอบติด 6-7มหาลัยเลยค่ะ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ลืมพี่เขานะคะ แต่กำลังมีความสุขกับการเรียนมากกว่า
จนมีรุ่นน้อง ม.4ย้ายเข้ามาใหม่ เป็นน้องๆกลุ่มโควต้านักกีฬา
ปกติเราจะไปโรงเรียนโดยการขึ้นรถรับส่งประจำของโรงเรียนค่ะ
ซึ่งนักกีฬาน้องๆเหล่านี้ก็ขึ้นด้วยเหมือนกัน ทำให้มีโอกาสได้รู้จักและคุยกับน้องๆกลุ่มนี้
ผ่านไปสักพักเราก็สนิทกับน้องๆกลุ่มนั้นมากขึ้น แล้วบังเอิญมีน้อง1ในกลุ่มนั้น
หน้าตาเหมือนแฟนเก่าที่อยู่โรงเรียนเก่าเรามาก เวลาเราเห็นน้องเค้า เราก็จะนึกถึงพี่เค้าตลอด
มันก็เลยทำให้เรารู้สึกสนใจน้องคนนั้นเป็นพิเศษ คือน้องซีค่ะ (นามสมมติ)
ช่วงนั้นน้องซีชอบมองหน้าเราบ่อยๆ เข้ามาคุยด้วยบ่อยๆ เราก็รู้สึกดีนะคะ
แต่รู้สึกดีที่เค้าหน้าเหมือนแฟนเก่าเรา ไม่ใช่รู้สึกดีเพราะเค้าเป็นเค้าหรอกค่ะช่วงแรก
จนเพื่อนๆเราก็เริ่มแซว เราก็เลยบอกว่า เออ น้องเค้าน่ารักดีนะ ก็ชอบนะ
แต่ความรู้สึกจริงๆเราไม่ได้ชอบหรอกค่ะ แต่รู้สึกดีด้วยเฉยๆ พูดไปส่งๆแบบนั้น
ไอ้เพื่อนเราก็หวังดี ไม่อยากให้เราจมกับความเศร้า เลยไปบอกน้องเค้า ว่าเราชอบ
ตอนนั้นเราก็แบบ หนีเลยค่ะ ไม่อยากเจอหน้า กลัวเสียหน้าค่ะ เพราะคิดว่านักกีฬา
เจ้าชู้ สาวเยอะ น้องเค้าคงมีแฟนแล้ว เจอหน้าน้องเค้าเราหลบอย่างเดียว
แต่กลายเป็นว่า น้องเค้าให้เพื่อนมาบอกว่า จริงๆน้องเค้าแอบชอบเราตั้งแต่
เจอบนรถโรงเรียนวันแรกแล้ว แต่ไม่กล้าบอก ><
ตอนนั้นหัวใจพองโตเลยค่ะ ความรู้สึกเหมือนตอนที่แฟนเก่าเรามาบอกชอบเราตอนแรก
ความรู้สึกตื่นเต้น หัวใจเต้นแรงมันกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่อยู่ในโหมดสีเทามานาน
พอวันนั้นเรารู้ ก็เหมือนจะชอบน้องเค้าจริงๆแล้วล่ะค่ะ
หลังจากนั้น น้องเคัาก็มาขอเบอร์ แล้วเราก็โทรคุยกัน ไป รร ก็กินข้าวด้วยกัน

คุยกันไปสักพัก ก็ตกลงคบเป็นแฟนกันค่ะ
แต่จะลำบากที่ว่า น้องเค้าเป็นนักกีฬา มีกฎเหล็กว่า ห้ามมีแฟน
ด้วยเหตุผลที่ว่าจะทำให้เสียสมาธิในการเล่นกีฬา
ก็เลยไม่เคยเจอกันนอก รร เลยค่ะ โทรคุยกัน3-4วัน ถึงจะได้คุยสักครั้ง (เพราะโดนยึดโทรศัพท์)
ยิ่งช่วงมีแข่ง น้องจะไม่มา รร เลยค่ะ ออนทัวร์แข่งทั่วประเทศ ขาดเรียนเป็นเดือนๆ
ช่วงนั้นคบกัน ใช้ความอดทน และความเชื่อใจล้วนๆ
น้องเค้าก็บอกให้เรารอ อีกไม่กี่ปีก็เรียนจบแล้ว
เราเห็นได้ถึงความพยายามติด่อมาหาเราของน้องเค้านะคะ ไม่มีโทรศัพท์ก็หาเบอร์ตู้โทร
ได้คุย20วิ 30วิ ก็ขอแค่ได้คุย น้องเค้าก็ดูเป็นห่วงเราดีค่ะ
กลัวเราเหงา กลัวเรารอไม่ไหว แต่เราเป็นคนคบใครเราจริงจังค่ะ
ก็เลยไม่เคยวอกแวก อยู่แบบเหงาๆ เราอดทนได้

ผ่านไป3เดือนค่ะ น้องเดินมาหาเราที่ห้อง บอกว่า
ต่อไปนี้ไม่ต้องเหงาแล้วนะ เราจะโทรคุยกันทุกวันจนหลับเลย
เราก็งง ถามว่าโคัชอนุญาตหรอ
น้องเค้าก็บอกว่า ลาออกแล้ว ไม่เป็นแล้วนักกีฬา เป็นแล้วไม่ได้คุยกัน ต้องปล่อยให้เราเหงา
เราก็ตกใจนะคะ แต่ว่า มันเป็นการตัดสินใจของน้องเค้า เราก็ได้แต่ อืมๆเออๆไป

แต่ว่าน้องเค้ามีบ้านอยู่คนละจังหวัดค่ะ พอน้องออกจากนักกีฬา ก็ต้องกลับไปเรียนที่บ้านน้องเค้า
อยู่จังหวัดสระบุรีค่ะ ไกลจากจังหวัดบ้านเรามากกกกกกกกกกกกกก
ช่วงแรกที่น้องกลับไป ก็ดีค่ะ โทรคุยกันทุกวัน น้องโทรมาสม่ำเสมอ
แล้วดันตรงกับจังหวะที่เราแอดมิชชั่นติดมหาลัยค่ะ มหาลัยสีชมพู
เลยทำให้น้องกังวลมากค่ะตอนนั้น เพราะน้องอยู่คนละจังหวัด
ต้องกลับไปเรียน ม4 ใหม่ นักกีฬาก็ไม่ได้เป็นแล้ว กลัวเราไปเจอสังคมใหม่ จนทิ้งน้องเค้า
แต่ด้วยความน่ารัก ความเอาใจใส่ของน้องเค้า เราเลยไม่สนใจใครเลยค่ะ
ซื่อสัตย์ มั่นคงกับน้องเค้าคนเดียว เรากลัวจะเสียใจเหมือนรักครั้งเก่าด้วยมั้งคะ
เลยไม่อยากผิดพลาด อยากทำให้ดีที่สุด

ระยะทาง สังคม และทัศนคติที่แตกต่างของเรา ทำอะไรเราไม่ได้เลยค่ะ เรารักกันมาก โทรคุยกันตลอด
เจอกันเดือนละครั้ง ส่วนใหญ่น้องเค้าจะมาหาที่กรุงเทพค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ
เรามีความสุขและสบายใจมากๆ ไม่หวือหวา เรียบๆ เรื่อยๆ แต่มั่นคง

ตอนนั้นแม่ เพื่อน ก็มีเตือนๆบ้างนะคะ ว่าเราสองคนดูต่างกันมาก
(ไม่ได้หมายความว่า ใครดีกว่าใครนะคะ เราเองก็ธรรมดา บ้านๆ แต่หมายถึงว่า แตกต่างจริงๆค่ะ)
ความคิดเค้ากับเราก็ต่างในหลายๆเรื่อง เราจะคล้ายๆเป็นพวก ลิเบอรัล(เสรีนิยม)ค่ะ
ส่วนเค้าจะมีความคิดแบบ อนุรักษ์นิยม มากๆ หัวโบราณ
ชอบกิน ชอบเที่ยว ก็คนละอย่างกันเลยค่ะ
ด้วยความที่เค้าเติบโตมาในสังคมต่างจังหวัด (ไม่ได้ดูถูกนะคะ) พอเข้ามาในเมือง
เค้าจะดูเห่อ หลงแสงสีมากๆค่ะ กินหรู เที่ยวหรู แต่เราเป็นชอบสงบๆเรียบง่าย สบายๆค่ะ
ไม่ค่อยชอบออกไปไหน ถ้าออกไปเที่ยว ก็จะเที่ยวธรรมชาติมากกว่าค่ะ
ส่วนเค้านี่ ถ้าได้เข้ามาในเมือง จะเที่ยวผับ บาร์ คอนเสิร์ต มันเลยทำให้เราไม่ค่อยชอบค่ะ

ด้วยความที่เราเรียนมหาลัยสีชมพู แฟนเราก็เลยตั้งใจว่าจะสอบติดที่เดียวกับเราให้ได้
ช่วงนั้นเค้าเลยตั้งใจเรียนมากค่ะ เกรดเทอมแรก ออกมา 4.00 เลย จากคนเรียนไม่ได้เรื่องเลย
เราเลยปลื้มใจมากค่ะ เห็นในความพยายามของเค้า เราเลยคิดว่า
ไม่ว่าใครจะว่าเราต่างกันยังไง แต่ถ้าเค้าเป็นคนดี มีความพยายาม แค่นี้ก็พอแล้ว
ครอบครัวเค้าค่อนข้างลำบากค่ะ ชาวไร่ชาวสวน บ้านปลูกกระต๊อบเลยค่ะ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
เวลาจะใช้โทรศัพท์ต้องขับไปโทรในตัวเมืองเลย ซึ่งไกล40กว่าโล เราก็ปลื้มในความพยายามเค้าอีก
แต่เราไม่เคยดูถูกเค้านะ ไปบ้านเค้า แรกๆก็เหวอๆ อยู่ยากหน่อย แต่ก็อยู่ได้ค่ะ
ไม่รังเกียจรังงอนอะไร เพราะเราถือว่าเค้าเป็นคนดี มีความพยายาม เราโอเคค่ะ

พอคบกันไปสักปีนึง ตามธรรมชาติของวัยเนอะ เราสองคนก็มีอะไรกันค่ะ
ช่วงนั้นเราพาเค้าเข้ามาเรียนพิเศษที่กรุงเทพ แต่ด้วยความที่บ้านเค้าลำบาก
เราก็ออกค่าเรียนให้เค้าค่ะ (ส่วนตัวเราไม่ได้มีฐานะอะไรนะคะ แต่พอมีเงินเก็บจากการสอนพิเศษ)
ช่วงนั้นเค้าติดเพื่อนค่ะ ไปหาเพื่อนเก่าเค้าบ่อยๆ เที่ยวกัน กินเหล้าเมากันเละเทะ
โดดเรียนค่ะ ไม่เอาอะไรเลย ช่วงนั้นเค้าติดแสงสีมาก
เราก็ทะเลาะกัน บอกว่าเราอุตส่าห์พามาเรียน อุตส่าห์ออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง
เค้าก็ขอโทษค่ะ บอกว่าจะกลับมาตั้งใจเรียน
ช่วงนั้นเหมือนเค้าเริ่มออกลายแล้ว

เราก็พอรู้แค่นั้นค่ะ ว่าเค้าโดดเรียน ติดเหล้าติดเบียร์ แล้วก็หมดช่วงปิดเทอมไป
เค้าก็กลับไปเรียนที่บ้านเค้าค่ะ ปิดเทอม4เดือนไม่ได้อะไรเลย ช่วงนั้นก็รู้สึกแย่นะ แต่ก็ เค้าขอโอกาส
เราก็คิดว่าคนเราก็คงหลงระเริงกันได้ ไม่เป็นไร เราให้อภัยเค้าค่ะ

พอเค้ากลับไปเรียนที่บ้าน ก็ไม่มีอะไรนะคะ ทุกอย่างปกติดี
จนคบไปเรื่อยๆ เค้าก็ติดต่อเราน้อยลง บางวันไม่โทรหาเลย เราก็กังวลค่ะ โทรตามเค้า
จนบางทีเค้าก็แสดงอาการรำคาญออกมา แต่ด้วยความที่เรารักเค้าอ่ะค่ะ ก็โทรๆๆๆ ไม่ค่อยติดก็โทรจนติด
จนแม่เค้าโทรหาเรา วันนั้น ช็อคที่1 มาเลยค่ะ
แม่เค้าบอกว่า ซีติดการพนันหนักมาก ขโมยเงินแม่ ขโมยพระแม่ไปขาย
ติดถึงขั้นไม่ไปเรียนเป็นเดือนๆแล้ว บ้านช่องก็ไม่กลับ
เป็นแบบนี้มาสองเดือนแล้ว

ตอนนั้นเราช็อคมากค่ะ โกหกเราว่าไปเรียนทุกวัน ทำให้เราตายใจมาตลอด
เราก็โทรไปด่าเลยค่ะ ขอเลิก เค้าก็ร้องไห้ แบบสำนึกผิดมากอ่ะค่ะ ขอโอกาส
เราก็บอกว่า เคยให้โอกาสไปหลายทีแล้วนะ แต่ก็นั่นล่ะค่ะ ผญ ใจอ่อน เราให้โอกาสเค้า
แต่พอให้โอกาสไป ก็ไม่ดีขึ้นค่ะ แถมได้ ช็อค2 เพิ่มมาอีก เค้าติดยาเสพติด
จนเราตัดสินใจนั่งรถไปหาเค้าที่บ้านเลยค่ะ ช็อคมาก เกิดอะไรขึ้นกับเค้า
เค้าแทบไม่สนใจเราเลยค่ะ เราไปก็เหมือนเป็นพระอิฐพระปูน แทบจะไม่พูดอะไรกับเราเลย
เราเสียใจมากค่ะ เค้าไปบ่อน เราก็ไปตามลากเค้าออกจากบ่อน ช็อค3ก็มา เมื่อ
เค้าโมโหจนทำร้ายร่างกายเรา ตบเรากรามแตก ตาแตกเลยค่ะ
ตอนนั้นเราตัดสินใจ เลิกแน่ๆ ให้เค้าขับรถไปส่งเราที่ท่ารถ (แถวนั้นไม่มีรถโดยสารไปเลยค่ะ ไกลมาก)
เค้าก็ไม่ขับไปส่งค่ะ เค้าบอกว่าถ้าไปส่ง เราก็เลิกกับเค้าสิ อยู่ด้วยกันที่นี่ เนี่ยแหละ
เราก็แบบ เพื่อ? ทำตัวไม่ดี ทำขนาดนี้ แล้วจะให้เราอยู่ เพื่อ?
เราก็ไม่ยอมค่ะ ยังไงก็จะกลับ จนทะเลาะกัน แม่เค้าก็กลุ้มใจค่ะ มาก็ทะเลาะกัน
คนแถวบ้านเค้าก็ถามว่าทะเลาะอะไรกันนักหนา พวกเค้าก็ฟังแค่ฝั่งซีพูดอ่ะค่ะ
หาว่าเรางี่เง่า เอาแต่ใจ หลายคนก็พาลไม่ชอบเรา ไม่เคยมีใครถามเราเลยว่าจริงๆคืออะไร
เราเลยตัดสินใจ เก็บข้าวของเดินหนีออกมาเลยค่ะ ตอนนั้นไม่กลัวอะไรเลย
คิดแต่ว่าทำยังไงก็ได้ ขอให้ตัวเองออกมาจากที่นั่นก็พอ ทรมานมากกก
เราเดินไปเรื่อยๆค่ะ เดินเป็น ชม.เลยค่ะ จนเกือบจะเป็นลม แต่ก็เดินต่อเพราะจะหาสัญญาณโทรศัพท์
แล้วเค้าก็ขับรถตามเรามาจนเจอค่ะ ด่าเรา ตบเรา กระชากเรา
ตอนนั้นเราใส่เสื้อที่เรารักมาก เพราะเป็นเสื้อที่คุณอาซื้อให้เรา ก่อนท่านจะเสีย
เค้าก็พูดว่า รักมากใช่มั้ยเสื้อตัวนี้ อาซื้อให้ใช่มั้ย
เค้าก็ดึงเสื้อเราขาดเลยค่ะ เอาโทรศัพท์ ไอแพด กระเป๋าเงินเราไป แล้วขับรถหนีไปเลย
ทิ้งเราไว้กลางทางแบบไม่มีเหลืออะไรเลยค่ะ เราก็เดินต่อ ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านแถวนั้น
เราก็เลยได้ติดต่อเพื่อนสนิทค่ะ เพื่อนก็เลยลงทุนนั่งรถมาหาเราจาก กทม เลยค่ะ
เราก็นั่งรอเพื่อนมาถึง ตั้งแต่เที่ยง เพื่อนมาถึงก็ 1ทุ่มค่ะ เพื่อนเหมารถเข้ามารับเลยค่ะ
สรุปวันนั้นก็ได้กลับไปกับเพื่อนค่ะ นั่งรถถึงมอก็6โมงเช้าอีกวันค่ะ

ช่วงนั้นเราทุกข์มาก แต่ก็ตัดไม่ขาด สุดท้าย เราก็กลับไปคุยกับเค้าค่ะ
หลังจากนั้นเราสองคนก็แย่มาโดยตลอด เค้าทำร้ายจิตใจเรามาตลอด เราก็ทนค่ะ
จนคบกันเข้าปีที่3 เค้ามาอยู่หอเราที่กรุงเทพค่ะ เค้าไม่ยอมเรียนต่อ
ไม่ว่าเราจะเกลี้ยกล่อมยังไงเค้าก็ไม่ฟัง เค้าอยากเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพ
และเค้าก็บอกว่า อยากอยู่กับเราด้วย จะช่วยหารค่าห้อง
แต่กลายเป็นว่า การมาอยู่ของเค้า คือการเพิ่มภาระให้กับเรามากๆ
เค้าใช้เงินเราทุกบาททุกสตางค์ แรกๆเราก็เงียบนะคะ เพราะคิดว่าไม่ใช่คนอื่น
ถ้าพูดออกไปมันจะดูงกมากไปรึเปล่า จนหลังๆใช้ตลอด เป็นเหมือนกระเป๋าเงินเค้าไปเลย
ค่าห้องเราก็จ่ายคนเดียว ไอแพดเค้าก็ยึดของเราไปเล่น ปากบอกจะคืนๆ ไม่เคยคืนสักบาท
เค้าทำงานพาร์ทไทม์ เปลี่ยนงาน4ที่ภายในเวบาไม่ถึงสองเดือน
เพราะโดนไล่ออก ตื่นสายตลอด เข้างานเที่ยงยังไปไม่ทันเลยค่ะ ถ้าไม่ปลุก เค้าก็ตื่นบ่ายตื่นเย็น
จนสุดท้าย เราพูดกับเค้าตรงๆ ว่าเราไม่ไหวแล้ว ค่าห้องก็ไม่ช่วย น้ำไฟก็ไม่ประหยัด
ทำงานที่ไหนก็โดนไล่ออก ไม่มีความรับผิดชอบ กลับไปช่วยแม่ทำไร่ทำสวนเถอะ ไม่ก็กลับไปเรียนต่อ
เป็นผู้ชายแต่ไม่มีความเป็นผู้นำ ใช้เงินผู้หญิง เห็นแก่ตัว
พอเราพูดแบบนั้นไปตรงๆ เค้าก็โมโหค่ะ หาว่าเราดูถูกเค้า ย้อนมาด่า ว่าเราชอบดูถูกคนอื่น
คิดว่าตัวเองดีนักหรอ บลาๆๆๆ เราก็เถียงค่ะ ว่าเราพูดความจริง เราไม่ดีหรอก
แต่เราก็ไม่เกาะใครกิน เงินพ่อแม่เรา เรายังไม่ขอเลย ส่งตัวเองมาตลอด
แถมที่ซีมีกินมีใช้ทุกวันนี้ มันก็เงินเรานั่นแหละ
ตอนนั้นเราทั้งรักทั้งรังเกียจเค้าเลยค่ะ ไม่คิดว่าเค้าจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้

เขียนไม่พอ เดี๋ยวมาต่อนะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่