สวัสดีครับ ผมขอเกริ่นเรื่องก่อนนะครับ ผมทำงานให้คลินิกแห่งหนึ่ง ซึ้งเจ้าของเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด
(ตอนจดทะเบียนบริษัทมีคนไทยถือหุ้น ตอนนี้ถอนหุ้นออกแล้ว) เขาจะปิดคลินิกในไทยและย้ายไปต่างประเทศ
เขาได้แจ้งการเลิกจ้างตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 58 โดยตกลงจ่ายเงินตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมเซ็นเป็นลายลักษณ์อักษร
โดยขอให้ผมกับผู้จัดการประสานงานเดินเรือเพื่อย้ายของให้ โดยในหนังสือเลิกจ้างนั้นระบุไว้ว่าผมต้องทำงานให้เขาจนถึง 6 มี.ค. 58
ถึงตอนนี้เกินกำหนดชำระแล้วบริษัทยังไม่จ่าย และไม่แสดงเจตนาจะจ่าย พอผมกับผู้จัดการทวงถาม บอกกับผมว่าถ้าเขาจะให้มันเป็นสินน้ำใจส่วนตัว
ไม่ใช่ความรับผิดชอบทางกฎหมาย *ผมนี้อึ้งเลยดิครับ คิดว่าประเทศไทยเป็นโลกที่ 3 หรอวะ ที่ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง* แลรู้สึกโดนหลอกใช้งานฟรี
บริษัทจดทะเบียนตามกฎหมาย ผมเซ็นสัญญาจ้างอย่างถูกต้อง อยู่ดีๆ มาพูดว่าถ้าจะให้มันคือน้ำใจ?
ระหว่างช่วงเดือน ก.พ. ตลอดทั้งเดือน ผมเป็นคนประสานงานกับบริษัทขนย้ายทั้งหมด
ตอนนี้ของทุกอย่างย้ายจากอาคารไปอยู่ที่โกดังบริษัทขนส่ง เตรียมขนขึ้นเพื่อเดินเรือออกจากประเทศ
โดยดูจากท่าทางแล้วผมเกรงว่าถ้าเขาเอาของออกนอกประเทศได้ ผมคงหมดหวังที่จะได้เงินตามที่ได้ตกลงไว้
มันน่าเจ็บใจตรงที่บริษัทเขามีเงิน เขาจ่ายค่าเดินเรือได้เป็นล้าน ค่าเช่าอาคารเดือนละ 3 แสน
ตอนนี้กำลังสร้างคลินิกใหม่ที่ต่างประเทศ ไม่ใช่บริษัทที่ล้มละลาย แต่เขากลับเลือกที่จะไม่จ่ายคนดำเนินการให้เขา
ผมนี่เคลียดมากครับ คือผมมีค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช่จ่ายต่างๆที่ต้องรับผิดชอบ บวกกับระยะเวลาที่จะต้องไม่มีรายได้ระหว่างหางานใหม่อีก คือเขาไม่
คิดเห็นใจกันบ้างเลย ผมกับผู้จัดการเลยตัดสินใจแจ้งฟ้องกระทรวงแรงงาน
กระทรวงแรงงานแนะนำว่าเรื่องมันกะชั้นชิดเกินไป เพราะเขาจะเดินเรือวันที่ 18 มี.ค. 58 นี้แล้ว ให้ไปฟ้องศาลขออำนาจศาลคุ้มครองชั่วคราว ยุติแผนการ
ขนย้ายทรัพสินออกนอกประเทศไทยจนกว่าทางบริษัทจะชำระเงินตามที่ตกลงไว้
ผมก็ทำตามคำแนะนำนั้นครับ ไปฟ้องศาลแรงงาน ศาลได้นัดไกล่เกลียเดือนเมษา ซึ้งผมมั่นใจว่าถ้าเขาขนทรัพสินออกไปได้หมดร้อยทั้งร้อยไงเขาก็ไม่มา
ขึ้นศาล (เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้อยู่ที่ไทยอยู่แล้ว) สิ่งที่ผมจะได้ก็แค่กระดาษชนะคดี ผมเลยยื่นเรื่องขออำนาจศาลให้ช่วยเรื่องการหยุดการเดินเรือชั่วคราว
จนกว่าเขาจะชำระเงินที่ตกลงไว้ ผมยื่นหลักฐานทั้งหมดที่ผมมีคือ สัญญาจ้างและเลิกจ้าง, EMAILที่ระบุว่าถ้าเขาจะให้เป็นเพียงสินน้ำใจ ไม่ใช่ภาระเขา,
หลักฐานกำหนดการเดินเรือพร้อมใบเสนอราคาของบริษัทเดินเรือ, รายการของที่เขาจะย้ายทั้งหมด (เขากะเอาไปทุกอย่างเลยครับ อุปกรณ์การแพทย์
อุปกรณ์ห้องแล๊บ เฟอร์นิเจอร์เล็กๆน้อยๆก็เอาไป แก้วน้ำจานชาม, กระจกน้ำห้องน้ำยังถอดแพ็คไปด้วย เอาไปขนาดนี้ไม่น่ามีแผนจะกลับมาแล้วมั้งครับ)
สรุปนะครับศาลตัดสินว่าให้ผมกับผู้จัดการวางเงิน 250,000 บาท เพื่อเป็นประกัน ถ้าไม่มีเงินวาง ศาลจะยกเลิกคำฟ้อง ผมก็ งง ครับว่าทำไมผมจะต้องเป็น
คนวาง? ผมจะเอาเงินมาจากไหน? เงินที่เขาติดค้างผมกับผู้จัดการรวมกันยังไม่ถึงยอดนี้เลย ศาลตอบผมว่าเอาไว้ประกันของเสียหาย และค่าปรับต่างๆ
ของการยกเลิกการเดินเรือ... ผมนี่อึ้งไปใหญ่เลยครับ อันดับแรก ของมันอยู่ในโกดังบริษัทขนส่ง มันอยู่นอกเหนือการดูแลของผม และทำไมผมต้องมารับ
ผิดชอบค่าปรับต่างๆ ทั้งๆที่ผมเป็นฝ่ายเดือดร้อนจากเรื่องทั้งหมดนี้
ผมนี่เสียความรู้สึกมากครับ พูดตรงๆ ผมนี่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแต่กลับต้องมาแบกภาระขนาดนี้ คือผมเซ็นเอกสารการจ้างงานกับบริษัทที่จดทะเบียนถูก
ต้องตามกฎหมายไทย ตอนนี้ทางฝ่ายบริษัทผิดนัดไม่จ่ายตามที่ระบุไว้ในสัญญา และยังดูหมิ่นอำนาจคุ้มครองกฎหมายไทย แต่ศาลแรงงานประเทศไทย
ตัดสินแบบนี้ คือผมไม่รู้จะต้องทำไงแล้วครับ มีใครพอจะมีความรู้ด้านนี้ หรือช่องทางอื่นๆครับ หรือที่เขากล้าทำแบบนี้เพราะรู้ว่าผมไม่มีปัญญาไปจ้าง
ทนายฟ้องเขาได้ และศาลแรงงานในประเทศไทยไม่สามารถคุ้มครองผมได้
นายจ้างขนของหนีออกนอกประเทศไม่จ่ายเงินเดือน ศาลแรงงานบอกเห็นใจแต่ช่วยไม่ได้
(ตอนจดทะเบียนบริษัทมีคนไทยถือหุ้น ตอนนี้ถอนหุ้นออกแล้ว) เขาจะปิดคลินิกในไทยและย้ายไปต่างประเทศ
เขาได้แจ้งการเลิกจ้างตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 58 โดยตกลงจ่ายเงินตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมเซ็นเป็นลายลักษณ์อักษร
โดยขอให้ผมกับผู้จัดการประสานงานเดินเรือเพื่อย้ายของให้ โดยในหนังสือเลิกจ้างนั้นระบุไว้ว่าผมต้องทำงานให้เขาจนถึง 6 มี.ค. 58
ถึงตอนนี้เกินกำหนดชำระแล้วบริษัทยังไม่จ่าย และไม่แสดงเจตนาจะจ่าย พอผมกับผู้จัดการทวงถาม บอกกับผมว่าถ้าเขาจะให้มันเป็นสินน้ำใจส่วนตัว
ไม่ใช่ความรับผิดชอบทางกฎหมาย *ผมนี้อึ้งเลยดิครับ คิดว่าประเทศไทยเป็นโลกที่ 3 หรอวะ ที่ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง* แลรู้สึกโดนหลอกใช้งานฟรี
บริษัทจดทะเบียนตามกฎหมาย ผมเซ็นสัญญาจ้างอย่างถูกต้อง อยู่ดีๆ มาพูดว่าถ้าจะให้มันคือน้ำใจ?
ระหว่างช่วงเดือน ก.พ. ตลอดทั้งเดือน ผมเป็นคนประสานงานกับบริษัทขนย้ายทั้งหมด
ตอนนี้ของทุกอย่างย้ายจากอาคารไปอยู่ที่โกดังบริษัทขนส่ง เตรียมขนขึ้นเพื่อเดินเรือออกจากประเทศ
โดยดูจากท่าทางแล้วผมเกรงว่าถ้าเขาเอาของออกนอกประเทศได้ ผมคงหมดหวังที่จะได้เงินตามที่ได้ตกลงไว้
มันน่าเจ็บใจตรงที่บริษัทเขามีเงิน เขาจ่ายค่าเดินเรือได้เป็นล้าน ค่าเช่าอาคารเดือนละ 3 แสน
ตอนนี้กำลังสร้างคลินิกใหม่ที่ต่างประเทศ ไม่ใช่บริษัทที่ล้มละลาย แต่เขากลับเลือกที่จะไม่จ่ายคนดำเนินการให้เขา
ผมนี่เคลียดมากครับ คือผมมีค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช่จ่ายต่างๆที่ต้องรับผิดชอบ บวกกับระยะเวลาที่จะต้องไม่มีรายได้ระหว่างหางานใหม่อีก คือเขาไม่
คิดเห็นใจกันบ้างเลย ผมกับผู้จัดการเลยตัดสินใจแจ้งฟ้องกระทรวงแรงงาน
กระทรวงแรงงานแนะนำว่าเรื่องมันกะชั้นชิดเกินไป เพราะเขาจะเดินเรือวันที่ 18 มี.ค. 58 นี้แล้ว ให้ไปฟ้องศาลขออำนาจศาลคุ้มครองชั่วคราว ยุติแผนการ
ขนย้ายทรัพสินออกนอกประเทศไทยจนกว่าทางบริษัทจะชำระเงินตามที่ตกลงไว้
ผมก็ทำตามคำแนะนำนั้นครับ ไปฟ้องศาลแรงงาน ศาลได้นัดไกล่เกลียเดือนเมษา ซึ้งผมมั่นใจว่าถ้าเขาขนทรัพสินออกไปได้หมดร้อยทั้งร้อยไงเขาก็ไม่มา
ขึ้นศาล (เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้อยู่ที่ไทยอยู่แล้ว) สิ่งที่ผมจะได้ก็แค่กระดาษชนะคดี ผมเลยยื่นเรื่องขออำนาจศาลให้ช่วยเรื่องการหยุดการเดินเรือชั่วคราว
จนกว่าเขาจะชำระเงินที่ตกลงไว้ ผมยื่นหลักฐานทั้งหมดที่ผมมีคือ สัญญาจ้างและเลิกจ้าง, EMAILที่ระบุว่าถ้าเขาจะให้เป็นเพียงสินน้ำใจ ไม่ใช่ภาระเขา,
หลักฐานกำหนดการเดินเรือพร้อมใบเสนอราคาของบริษัทเดินเรือ, รายการของที่เขาจะย้ายทั้งหมด (เขากะเอาไปทุกอย่างเลยครับ อุปกรณ์การแพทย์
อุปกรณ์ห้องแล๊บ เฟอร์นิเจอร์เล็กๆน้อยๆก็เอาไป แก้วน้ำจานชาม, กระจกน้ำห้องน้ำยังถอดแพ็คไปด้วย เอาไปขนาดนี้ไม่น่ามีแผนจะกลับมาแล้วมั้งครับ)
สรุปนะครับศาลตัดสินว่าให้ผมกับผู้จัดการวางเงิน 250,000 บาท เพื่อเป็นประกัน ถ้าไม่มีเงินวาง ศาลจะยกเลิกคำฟ้อง ผมก็ งง ครับว่าทำไมผมจะต้องเป็น
คนวาง? ผมจะเอาเงินมาจากไหน? เงินที่เขาติดค้างผมกับผู้จัดการรวมกันยังไม่ถึงยอดนี้เลย ศาลตอบผมว่าเอาไว้ประกันของเสียหาย และค่าปรับต่างๆ
ของการยกเลิกการเดินเรือ... ผมนี่อึ้งไปใหญ่เลยครับ อันดับแรก ของมันอยู่ในโกดังบริษัทขนส่ง มันอยู่นอกเหนือการดูแลของผม และทำไมผมต้องมารับ
ผิดชอบค่าปรับต่างๆ ทั้งๆที่ผมเป็นฝ่ายเดือดร้อนจากเรื่องทั้งหมดนี้
ผมนี่เสียความรู้สึกมากครับ พูดตรงๆ ผมนี่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแต่กลับต้องมาแบกภาระขนาดนี้ คือผมเซ็นเอกสารการจ้างงานกับบริษัทที่จดทะเบียนถูก
ต้องตามกฎหมายไทย ตอนนี้ทางฝ่ายบริษัทผิดนัดไม่จ่ายตามที่ระบุไว้ในสัญญา และยังดูหมิ่นอำนาจคุ้มครองกฎหมายไทย แต่ศาลแรงงานประเทศไทย
ตัดสินแบบนี้ คือผมไม่รู้จะต้องทำไงแล้วครับ มีใครพอจะมีความรู้ด้านนี้ หรือช่องทางอื่นๆครับ หรือที่เขากล้าทำแบบนี้เพราะรู้ว่าผมไม่มีปัญญาไปจ้าง
ทนายฟ้องเขาได้ และศาลแรงงานในประเทศไทยไม่สามารถคุ้มครองผมได้