The MEGA WAR มหาสงครามแสนปี
นิยายไซไฟขนาดยาว
บทนำ พายุทราย
ผู้เขียน- SweetEsprezzo
ผมนำยานแล่นลงจอดบนพื้นผิวดวงดาวที่มีพื้นทรายกว้างใหญ่ ไกลสุดสายตา ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือแม้กระทั่งจุลินทรีย์สักตัว ดาวดวงนี้เป็นดวงดาวล้าง รามาเสสค้นพบมันเมื่อสองวันก่อน ในตอนนั้น เรายังไม่วู่วามเอายานแล่นลงจอดในทันที แต่เรานำรามาเสสลอยนิ่งอยู่นอกห่างจากวงโคจร เฝ้ามองมันอย่างระแวดระวัง เพราะเราไม่รู้ว่าในดาวดวงนี้จะมีอันตรายหรืออะไรรอคอยเราอยู่ ดังนั้นเราจึงต้องรอบคอบ เฝ้ามองจนแน่ใจว่าปลอดภัยที่จะนำยานลงจอด นั่นคือสิ่งแรกที่เราพิจารณา
เมื่อยานจอดสนิท ประตูยานเปิด ผมออกจากยานพร้อมสมัคกี้สองตัว แต่ผมยังไม่วางใจความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่อาจจะเป็นพิษหรือสิ่งมีชีวิตที่สามารถหลบหลีกการาตรวจพบ ดังนั้นผมจึงอยู่ในชุดวอร์สูทเวอร์ชั่นระดับสาม ซึ่งเป็นระดับหนึ่งของโปรเทคติ้งสูท
ผมมองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้ไม่มีอะไรนอกจากผืนทราย มันน่าจะเป็นดาวที่จะเรียกว่าซากดวงดาวก็ได้ หรือผมอาจจะเข้าใจผิดไปเอง จริงๆแล้วดาวดวงนี้อาจจะมีส่วนประกอบของทรายเป็นหลัก ผมบอกสมัคกี้ให้ปล่อยโพรบออกไป สมัคกี้สองตัวรับคำสั่ง มันพ่นวัตถุทรงกลมเล็กๆออกจากทางด้านหลัง โพรบเป็นหุ่นยนต์ตัวเล็กๆ บินได้และเดินบนพื้นได้ทุกสภาวะผิว หน้าที่ของมันคือออกลาดตระเวณ ค้นหาและส่งสัญญาณภาพที่ได้กลับมาที่สมัคกี้
วิศวกรของแอลฟ่าเกรดสร้างรามาเสสขึ้นมาเพื่อใช้ในภารกิจสำรวจจักรวาล โดยที่จะมีสมัคกี้ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ลาดตระเวณขนาดเล็กอยู่ในยานด้วย สมัคกี้จะมีสองตัว ส่วนโพรบซึ่งเป็นหุ่นยนต์รีโมทระยะไกลจะมีจำนวนราวๆสองร้อยตัว ทำงานอิสระต่อกัน ดูแลตัวเองได้ ราวกับสิ่งมีชีวิต เมื่อถูกส่งออกไปจากสมัคกี้ พวกโพรบเหล่านั้นก็สามารถกลับมาได้เองโดยที่ไม่ต้องเรียกรกลับ เพราะหน่วยปัญญาประดิษฐ์ของสมัคกี้ผูกติดเชื่อมโยงเข้ากับโพรบทั้งหมด
ผมกดปุ่มที่แขนรับสัญญาณเสียงจากหุ่นสมัคกี้ซึ่งตอนนี้เดินอยู่ไกลออกไปเบื้องหน้าผมราวร้อยเมตร ตัวนึงเดินไปทางซ้าย อีกตัวเดินวนไปวนมาทางขวา พวกมันกำลังทำหน้าที่สำรวจ ผมถามมันว่ามันได้อะไรจากโพรบกลับมาบ้าง มันตอบว่าไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต พื้นที่รอบสามร้อยตารางกิโลเมตรมีแต่ทราย
ในตอนนั้นเองที่ผมเห็นอะไรบางอย่างซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ไกลออกไป ผมหยิบกล้องส่องทางไกลออกมา มองผ่านเลนส์กำลังขยายสูงของกล้อง สิ่งที่เห็นคือภูเขาทรายลูกใหญ่ที่กำลังเคลื่อนไหว เหมือนมีอะไรอยู่ใต้ผืนทราย คอยขยับทรายอยู่ข้างล่างและก่อร่างให้เป็นภูเขา
ผมเรียกสมัคกี้สองตัวกลับมา มันรีบวิ่งมาที่ผม ที่บินอยู่บนฟ้ากับที่คลานบนทรายคือบรรดาโพรบนับร้อยๆตัวทั้งหมดก็ถูกเรียกกลับเช่นกัน
ผมยังมองทรายที่เคลื่อนไหวผ่านกล้องส่องทางไกล ยอดทรายค่อยๆยืดตัวสูงขึ้นๆ เหมือนกับภูเขาทรายที่ขยายขนาดตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ
ผมประเมินสถานการณ์ ท่าจะไม่ดีล่ะถ้ายังอยู่ที่นี่ รีบกลับเข้าไปในยานรามาเสส ตรงไปที่หน่วยควบคุมภาพจากนั้นกดปุ่มบันทึกภาพที่เห็นลงในหน่วยความจำของยาน เนื่องจากว่าทางสหพันธ์กำชับว่าต้องบันทึกภาพทุกอย่างหรือเก็บตัวอย่างที่ค้นพบตามดวงดาวต่างๆมาให้ได้มากที่สุด สิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับเราในอนาคต
ทรายที่มีชีวิตเคลือนตัวมาทางรามาเสส ฟีคอลซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ในยานประเมินตัวเลขคร่าวๆอ่านได้ความเร็วในการเคลื่อนที่ราวๆสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกไม่ถึงสามนาทีมันจะถึงตัวยาน!
คอมพิวเตอร์รายงานความสูงของภูเขาทรายลูกนั้น สูงประมาณหนึ่งกิโลเมตร ดังนั้นเมื่อมาถึงตัวยานรามาเสส มันจะทำให้ยานของผมเทียบเท่ามดตัวเล็กๆในสนามฟุตบอลทันที!
ผมร้องสั่งฟีคอล คอมพิวเตอร์สมองกลประจำยานให้นำยานขึ้นจากผิวดาวทะเลทรายแห่งนี้ ก่อนที่จะถูกภูเขาทรายที่ดูกราดเกรี้ยวกลืนกิน ฉีกยานเป็นชิ้นเล็กๆ
ฟีคอลแนะนำให้ส่งโพรบออกไปอีกรอบ เพราะสิ่งที่เห็นมีความน่าสนใจในแง่วิทยาศาสตร์ ทางสมาพันธ์อาจจะต้องการ ผมปฎิเสธคำสั่งของมันทันที
ผมคิด...ช่างหัวสมาพันธ์ประไร! มันจะมารู้อะไรว่าผมกำลังเจออะไร ถ้าไม่รายงานไปซะอย่าง ผมมีสิทธิ์เลือกข้อมูลที่จะเอากลับไป ที่สำคัญที่สุดคือสิ่งที่อยู่ในยานรามาเสส มันมีค่ามากกว่าจะเสี่ยง ใช่ผมกำลังพูดถึง ผลึกชีวิตแห่ง ...ฟาเบียว
ผมไม่ยอมให้ผลึกที่เป็นความหวังสุดท้ายของเราต้องเสี่ยงอย่างเด็ดขาด!
ในที่สุดฟีคอลก็เดินเครื่องระบบลอยตัวของยานในช่วงที่ภูเขาทรายมาถึงพอดี ยานรามาเสสดีดตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อย่างฉิวเฉียด ผมพายานลอยนิ่งบนท้องฟ้า มองลงมาเบื้องล่างเฝ้าดูพายุทรายผ่านทางจอภาพ มันเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆผ่านจุดที่ผมจอดยานไว้เมื่อครู่ ดูเหมือนผมจะขวางทางเดินของมัน
ในตอนนั้นเอง สิ่งที่ผมเห็นเมื่อหมุนกวาดเลนส์กล้องไปทั่วผืนดาว นั่นคือ ภูเขาทรายอีกนับร้อยลูกที่ก่อตัวกระจายไปทั่วพื้นที่ พวกมันเคลื่อนไหวเหมือนภูเขาทรายลูกแรก อย่างไม่มีทิศทาง เป็นไปด้วยความสะเปะสปะ
สิ่งที่ผมพบบ่งบอกว่า มีกลไกอะไรบางอย่างในดาวดวงนี้ที่ก่อกำเนิดภูเขาทรายขึ้น
สมองกลของฟีคอลคำนวณเร็วจี๋ มันรายงานว่า ผมควรจะอยู่ นี่คือสิ่งที่คุ้มค่าต่อการศึกษาและเก็บตัวอย่าง
ผมเริ่มกลัวในสิ่งที่จะเผชิญ จับล็อกเก็ตทรงกลมที่แขวนกับสร้อยห้อยคอ ก้มดูรูปผู้หญิงที่อยู่ในกรอบ ดูเหมือนผู้หญิงในกรอบล็อกเก็ตจะส่งยิ้มให้ผมและพยักหน้า
เอาวะ ยังไงก็มาแล้ว เป็นไงเป็นกัน ผมสูดลมหายใจและบอกตัวเองทันที
ผมเปลี่ยนชุดวอร์สูทจากเวอร์ชั่นระดับสามที่สวมอยู่ให้เป็นระดับห้าซึ่งเป็นชุดป้องกันขั้นสูงสุด เตรียมพร้อมจะเผชิญกับสิ่งที่จะเจอ จากนั้นสั่งฟีคอลให้เอายานร่อนลงจอดข้างล่าง ท่ามกลางบรรดาแก็งภูเขาทรายที่ดูน่าสะพรึงกลัว กราดเกรี้ยวไปทั่วผืนดาว
The MEGA WAR มหาสงครามแสนปี บทนำ พายุทราย
นิยายไซไฟขนาดยาว
บทนำ พายุทราย
ผมนำยานแล่นลงจอดบนพื้นผิวดวงดาวที่มีพื้นทรายกว้างใหญ่ ไกลสุดสายตา ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือแม้กระทั่งจุลินทรีย์สักตัว ดาวดวงนี้เป็นดวงดาวล้าง รามาเสสค้นพบมันเมื่อสองวันก่อน ในตอนนั้น เรายังไม่วู่วามเอายานแล่นลงจอดในทันที แต่เรานำรามาเสสลอยนิ่งอยู่นอกห่างจากวงโคจร เฝ้ามองมันอย่างระแวดระวัง เพราะเราไม่รู้ว่าในดาวดวงนี้จะมีอันตรายหรืออะไรรอคอยเราอยู่ ดังนั้นเราจึงต้องรอบคอบ เฝ้ามองจนแน่ใจว่าปลอดภัยที่จะนำยานลงจอด นั่นคือสิ่งแรกที่เราพิจารณา
เมื่อยานจอดสนิท ประตูยานเปิด ผมออกจากยานพร้อมสมัคกี้สองตัว แต่ผมยังไม่วางใจความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่อาจจะเป็นพิษหรือสิ่งมีชีวิตที่สามารถหลบหลีกการาตรวจพบ ดังนั้นผมจึงอยู่ในชุดวอร์สูทเวอร์ชั่นระดับสาม ซึ่งเป็นระดับหนึ่งของโปรเทคติ้งสูท
ผมมองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้ไม่มีอะไรนอกจากผืนทราย มันน่าจะเป็นดาวที่จะเรียกว่าซากดวงดาวก็ได้ หรือผมอาจจะเข้าใจผิดไปเอง จริงๆแล้วดาวดวงนี้อาจจะมีส่วนประกอบของทรายเป็นหลัก ผมบอกสมัคกี้ให้ปล่อยโพรบออกไป สมัคกี้สองตัวรับคำสั่ง มันพ่นวัตถุทรงกลมเล็กๆออกจากทางด้านหลัง โพรบเป็นหุ่นยนต์ตัวเล็กๆ บินได้และเดินบนพื้นได้ทุกสภาวะผิว หน้าที่ของมันคือออกลาดตระเวณ ค้นหาและส่งสัญญาณภาพที่ได้กลับมาที่สมัคกี้
วิศวกรของแอลฟ่าเกรดสร้างรามาเสสขึ้นมาเพื่อใช้ในภารกิจสำรวจจักรวาล โดยที่จะมีสมัคกี้ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ลาดตระเวณขนาดเล็กอยู่ในยานด้วย สมัคกี้จะมีสองตัว ส่วนโพรบซึ่งเป็นหุ่นยนต์รีโมทระยะไกลจะมีจำนวนราวๆสองร้อยตัว ทำงานอิสระต่อกัน ดูแลตัวเองได้ ราวกับสิ่งมีชีวิต เมื่อถูกส่งออกไปจากสมัคกี้ พวกโพรบเหล่านั้นก็สามารถกลับมาได้เองโดยที่ไม่ต้องเรียกรกลับ เพราะหน่วยปัญญาประดิษฐ์ของสมัคกี้ผูกติดเชื่อมโยงเข้ากับโพรบทั้งหมด
ผมกดปุ่มที่แขนรับสัญญาณเสียงจากหุ่นสมัคกี้ซึ่งตอนนี้เดินอยู่ไกลออกไปเบื้องหน้าผมราวร้อยเมตร ตัวนึงเดินไปทางซ้าย อีกตัวเดินวนไปวนมาทางขวา พวกมันกำลังทำหน้าที่สำรวจ ผมถามมันว่ามันได้อะไรจากโพรบกลับมาบ้าง มันตอบว่าไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต พื้นที่รอบสามร้อยตารางกิโลเมตรมีแต่ทราย
ในตอนนั้นเองที่ผมเห็นอะไรบางอย่างซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ไกลออกไป ผมหยิบกล้องส่องทางไกลออกมา มองผ่านเลนส์กำลังขยายสูงของกล้อง สิ่งที่เห็นคือภูเขาทรายลูกใหญ่ที่กำลังเคลื่อนไหว เหมือนมีอะไรอยู่ใต้ผืนทราย คอยขยับทรายอยู่ข้างล่างและก่อร่างให้เป็นภูเขา
ผมเรียกสมัคกี้สองตัวกลับมา มันรีบวิ่งมาที่ผม ที่บินอยู่บนฟ้ากับที่คลานบนทรายคือบรรดาโพรบนับร้อยๆตัวทั้งหมดก็ถูกเรียกกลับเช่นกัน
ผมยังมองทรายที่เคลื่อนไหวผ่านกล้องส่องทางไกล ยอดทรายค่อยๆยืดตัวสูงขึ้นๆ เหมือนกับภูเขาทรายที่ขยายขนาดตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ
ผมประเมินสถานการณ์ ท่าจะไม่ดีล่ะถ้ายังอยู่ที่นี่ รีบกลับเข้าไปในยานรามาเสส ตรงไปที่หน่วยควบคุมภาพจากนั้นกดปุ่มบันทึกภาพที่เห็นลงในหน่วยความจำของยาน เนื่องจากว่าทางสหพันธ์กำชับว่าต้องบันทึกภาพทุกอย่างหรือเก็บตัวอย่างที่ค้นพบตามดวงดาวต่างๆมาให้ได้มากที่สุด สิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับเราในอนาคต
ทรายที่มีชีวิตเคลือนตัวมาทางรามาเสส ฟีคอลซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ในยานประเมินตัวเลขคร่าวๆอ่านได้ความเร็วในการเคลื่อนที่ราวๆสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกไม่ถึงสามนาทีมันจะถึงตัวยาน!
คอมพิวเตอร์รายงานความสูงของภูเขาทรายลูกนั้น สูงประมาณหนึ่งกิโลเมตร ดังนั้นเมื่อมาถึงตัวยานรามาเสส มันจะทำให้ยานของผมเทียบเท่ามดตัวเล็กๆในสนามฟุตบอลทันที!
ผมร้องสั่งฟีคอล คอมพิวเตอร์สมองกลประจำยานให้นำยานขึ้นจากผิวดาวทะเลทรายแห่งนี้ ก่อนที่จะถูกภูเขาทรายที่ดูกราดเกรี้ยวกลืนกิน ฉีกยานเป็นชิ้นเล็กๆ
ฟีคอลแนะนำให้ส่งโพรบออกไปอีกรอบ เพราะสิ่งที่เห็นมีความน่าสนใจในแง่วิทยาศาสตร์ ทางสมาพันธ์อาจจะต้องการ ผมปฎิเสธคำสั่งของมันทันที
ผมคิด...ช่างหัวสมาพันธ์ประไร! มันจะมารู้อะไรว่าผมกำลังเจออะไร ถ้าไม่รายงานไปซะอย่าง ผมมีสิทธิ์เลือกข้อมูลที่จะเอากลับไป ที่สำคัญที่สุดคือสิ่งที่อยู่ในยานรามาเสส มันมีค่ามากกว่าจะเสี่ยง ใช่ผมกำลังพูดถึง ผลึกชีวิตแห่ง ...ฟาเบียว
ผมไม่ยอมให้ผลึกที่เป็นความหวังสุดท้ายของเราต้องเสี่ยงอย่างเด็ดขาด!
ในที่สุดฟีคอลก็เดินเครื่องระบบลอยตัวของยานในช่วงที่ภูเขาทรายมาถึงพอดี ยานรามาเสสดีดตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อย่างฉิวเฉียด ผมพายานลอยนิ่งบนท้องฟ้า มองลงมาเบื้องล่างเฝ้าดูพายุทรายผ่านทางจอภาพ มันเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆผ่านจุดที่ผมจอดยานไว้เมื่อครู่ ดูเหมือนผมจะขวางทางเดินของมัน
ในตอนนั้นเอง สิ่งที่ผมเห็นเมื่อหมุนกวาดเลนส์กล้องไปทั่วผืนดาว นั่นคือ ภูเขาทรายอีกนับร้อยลูกที่ก่อตัวกระจายไปทั่วพื้นที่ พวกมันเคลื่อนไหวเหมือนภูเขาทรายลูกแรก อย่างไม่มีทิศทาง เป็นไปด้วยความสะเปะสปะ
สิ่งที่ผมพบบ่งบอกว่า มีกลไกอะไรบางอย่างในดาวดวงนี้ที่ก่อกำเนิดภูเขาทรายขึ้น
สมองกลของฟีคอลคำนวณเร็วจี๋ มันรายงานว่า ผมควรจะอยู่ นี่คือสิ่งที่คุ้มค่าต่อการศึกษาและเก็บตัวอย่าง
ผมเริ่มกลัวในสิ่งที่จะเผชิญ จับล็อกเก็ตทรงกลมที่แขวนกับสร้อยห้อยคอ ก้มดูรูปผู้หญิงที่อยู่ในกรอบ ดูเหมือนผู้หญิงในกรอบล็อกเก็ตจะส่งยิ้มให้ผมและพยักหน้า
เอาวะ ยังไงก็มาแล้ว เป็นไงเป็นกัน ผมสูดลมหายใจและบอกตัวเองทันที
ผมเปลี่ยนชุดวอร์สูทจากเวอร์ชั่นระดับสามที่สวมอยู่ให้เป็นระดับห้าซึ่งเป็นชุดป้องกันขั้นสูงสุด เตรียมพร้อมจะเผชิญกับสิ่งที่จะเจอ จากนั้นสั่งฟีคอลให้เอายานร่อนลงจอดข้างล่าง ท่ามกลางบรรดาแก็งภูเขาทรายที่ดูน่าสะพรึงกลัว กราดเกรี้ยวไปทั่วผืนดาว